คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสนอ บุณยเกียรติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความกล่าวหาเช็คไม่มีเงิน ไม่เป็นความผิดแจ้งความเท็จ หากเช็คขึ้นเงินไม่ได้
จำเลยแจ้งความกล่าวหาว่าโจทก์จ่ายเช็คไม่มีเงินหรือมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คแม้จะแจ้งสถานที่ที่โจทก์ออกเช็คผิดจากความจริงไป ก็ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ เพราะเหตุที่จะเกิดความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้นอยู่ที่ว่า เช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการยกอายุความในชั้นศาล แม้มิได้ยกในชั้นบังคับคดี และผลของการชำระหนี้บางส่วนต่ออายุความ
กรณีที่ผู้ร้องได้ปฏิเสธหนี้เมื่อถูกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้องให้ชำระตามมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 นั้น แม้ผู้ร้องจะมิได้กล่าวอ้างว่าหนี้รายนั้นขาดอายุความในชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ตาม ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นกล่าวต่อสู้ในชั้นศาลได้
การชำระหนี้ให้บางส่วน อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามมาตรา 172 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตั้งต้นนับอายุความใหม่โดยถืออายุความเดิมนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับดอกผลจากทรัพย์สินที่เช่าหลังเลิกสัญญาและการดำเนินการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซึ่งผู้เช่าถูกฟ้องล้มละลายคืนแก่ตน พร้อมทั้งดอกผลของสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลนั้น คำร้องของผู้ร้องไม่มีลักษณะเป็นการคัดค้านการยึดทรัพย์ และไม่มีสภาพเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการสอบสวนและมีคำสั่ง ดังนั้น แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีคำสั่งประการใด กรณีย่อมไม่เข้าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 158 และมาตรา 186 ฉะนั้น เมื่อคดีพิพาทเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างถึงที่สุดแล้วผู้ร้องก็ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำคัดค้านของผู้ร้อง ๆ ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอต่อศาลได้ ในกรณีที่ผู้ร้องเรียกค่าเช่าอันเป็นดอกผลจากทรัพย์สินที่ให้เช่าในระยะเวลาที่ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของผู้ร้องแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องส่งมอบเงินค่าเช่านั้นให้แก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 111 และ 1336

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในค่าเช่าสิ่งปลูกสร้างหลังเลิกสัญญาและคดีล้มละลายของผู้เช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิได้รับดอกผล
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าสิ่งปลูกสร้างร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าซึ่งผู้เช่าถูกฟ้องล้มละลายคืนแก่ตนพร้อมทั้งดอกผลของสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลนั้นคำร้องของผู้ร้องไม่มีลักษณะเป็นการคัดค้านการยึดทรัพย์ และไม่มีสภาพเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการสอบสวนและมีคำสั่งดังนั้น แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีคำสั่งประการใด กรณีย่อมไม่เข้าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 158 และมาตรา 146ฉะนั้น เมื่อคดีพิพาทเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องก็ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำคัดค้านของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำขอต่อศาลได้ ในกรณีที่ผู้ร้องเรียกค่าเช่าอันเป็นดอกผลจากทรัพย์สินที่ให้เช่าในระยะเวลาที่ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของผู้ร้องแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องส่งมอบเงินค่าเช่านั้นให้แก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 111 และ 1336

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัว: หน้าที่นายประกัน & ผลเมื่อไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหา
เมื่อครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนครั้งแรกแล้วศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขังต่อไปได้อีก 12 วันในวันนั้นผู้ต้องหาไม่มาศาลนายประกันขอเลื่อนไป 12 วัน และเลื่อนต่อๆ อีกหลายครั้งก็ส่งตัวผู้ต้องหาไม่ได้ ดังนี้ ศาลมีคำสั่งปรับนายประกันได้นายประกันจะหลุดพ้นความรับผิดตามสัญญาประกันได้ก็ต่อเมื่อได้นำตัวจำเลยหรือผู้ต้องหามาส่งศาลและศาลสั่งถอนประกันหรือปล่อยตัวไปการที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ขอฝากขังผู้ต้องหาเมื่อครบกำหนดที่ขอฝากขังไว้เดิม ไม่ทำให้สัญญาประกันระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือและน้ำมันในคดีไม้หวงห้าม: พิจารณาการใช้เป็นอุปกรณ์ในการกระทำผิด
จำเลยมีไม้สักแปรรูปเป็นกระดานแล้วจำนวน 29 แผ่น ปริมาตราเนื้อไม้ 2.65 เมตรลูกบาศก์ อันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในความครอบครองเกินกว่า 0.20 เมตรลูกบาศก์ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดนครสวรรค์โดยจำเลยได้นำไม้ดังกล่าวบรรทุกมาในเรือหางยาวใช้เครื่องติดท้ายของจำเลยเองล่องมาตามลำแม่น้ำปิงจากจังหวัดกำแพงเพชรมายังจังหวัดนครสวรรค์เพื่อจะนำไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้เรือของกลางซึ่งเป็นยานพาหนะนั้นย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด จึงเป็นของกลางที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 94 ทวิ
ฟ้องโจทก์ว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้สักและเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในากรกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดนั้น กับน้ำมันเบ็นซิน 1 ปีป น้ำมันเครื่อง 1 ลิตรเป็นของกลาง โดยมิได้บรรยายว่าน้ำมันของกลางนั้นได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเช่นของกลางอื่น ศาลย่อมไม่ริบน้ำมันของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลต้องสั่งยกคำขอฟ้องอนาถา หากเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ตามกฎหมาย ไม่ควรสั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้นถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก็พึงสั่งยกคำขอเสียหาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ฎีกาในชั้นนี้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ในคดีอนาถา: ศาลต้องยกคำขอหากมีเหตุต้องห้าม มิใช่สั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้น ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจท์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก้พึงสั่งยกคำขอเสีย หาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ ฎีกา ในชั้นนี้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่า และการสิ้นสุดสัญญาเช่า รวมถึงผลกระทบทางละเมิด
จำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้า ต่อมาจำเลยเปลี่ยนเจตนาใช้สถานที่เช่าเป็นที่อยู่อาศัย โดยโจทก์มิได้ยินยอมตกลงด้วยเช่นนี้ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 552จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ
สัญญาเช่าครบกำหนดตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ผู้เช่าได้ไปติดต่อขอเช่าต่อกับผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าไม่ยินยอมให้เช่าแม้ผู้เช่าจะครอบครองสถานที่เช่าอยู่ต่อมา ก็ถือว่าสัญญาเช่าระงับแล้วตามมาตรา 564
การที่ผู้เช่าอยู่ในสถานที่เช่าต่อมา โดยตนไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะอยู่แล้ว ถือเป็นละเมิดต่อผู้ให้เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเอาลวดหนามมาปิดกั้นทางขึ้นลงทางด้านแม่น้ำเพื่อไม่ให้ผู้เช่าใช้สถานที่เช่าทางด้านนั้นผู้เช่าจะเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุที่ไม่ได้ใช้สถานที่เช่าจากผู้ให้เช่าไม่ได้เพราะความเสียหายนี้เกิดจากผลที่ผู้เช่าละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุผล 'พลั้งเผลอ' ไม่เพียงพอต่อการขอพิจารณาคดีใหม่
ทนายจำเลยทราบวันนัดพิจารณาพยานโจทก์แล้ว ทนายจำเลยและจำเลยไม่มาศาลในวันนัด. อันเป็นวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(10) ถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 197(2) และ202
ในกรณีขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมวันนัดถือว่าไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209
of 67