คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสนอ บุณยเกียรติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับรื้ออาคารต่อเติม: ใช้กฎหมายในขณะกระทำผิด แม้มีกฎหมายใหม่ที่บทลงโทษรุนแรงกว่า
การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารนั้น ความผิดสำเร็จตั้งแต่ขณะทำการต่อเติมอาคารเสร็จ
อำนาจของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะสั่งการ (สั่งระงับการก่อสร้างหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงและหรือรื้อถอนอาคารหรือส่วนแห่งอาคารที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต) ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2504 นั้น ไม่มีผลบังคับย้อนหลัง จึงต้องใช้วิธีการร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 มาตรา 11 วรรคสองอันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทางธุรกิจระหว่างหุ้นส่วน: การออกทุนทำโรงหีบอ้อยและการชำระหนี้ด้วยน้ำตาล
(1) จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 และโจทก์ได้คัดค้านไว้นั้น ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
(2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้ว จำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้ มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาหุ้นส่วนออกทุนทำโรงหีบอ้อย ไม่ใช่สัญญากู้เงิน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ร่วมรับผิดได้
(1) จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 และโจทก์ได้คัดค้านไว้นั้น ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 (2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงจะส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์ แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้วจำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เครื่องหมายการค้าเลียนแบบจนประชาชนหลงเชื่อ แม้ไม่ได้จดทะเบียน ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยเคยรับสินค้าของโจทก์มาจำหน่ายเป็นเวลาหลายปี แล้วเลิกเสีย หันมาผลิตสินค้าประเภทเดียวกันขึ้นจำหน่ายเอง โดยใช้เครื่องหมายการค้าคล้ายกัลเครื่องหมายการค้าของโจทก์แทบทั้งหมด มีตัวอักษรส่วนประกอบปลีกย่อยผิดเพี้ยนกันไปบ้างเพียงเล็กน้อย พฤติการณ์ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยเอาแบบรูปรอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าของโจทก์มาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้าที่จำเลยจำหน่ายนั้น เป็นสินค้าของโจทก์ที่จำเลยเคยรับมาจำหน่ายจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272
แม้เจ้าของเครื่องหมายการค้าจะไม่ได้จดทะเบียน แต่ถ้ามีผู้เอาชื่อรูปรอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของเขาไปใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าอันแท้จริง เจ้าของเครื่องหมายการค้าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(9) มีอำนาจฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้าโดยมิได้จดทะเบียน: โจทก์มีอำนาจฟ้องได้หากทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของโจทก์
จำเลยเคยรับสินค้าของโจทก์มาจำหน่ายเป็นเวลาหลายปีแล้วเลิกเสีย หันมาผลิตสินค้าประเภทเดียวกันขึ้นจำหน่ายเอง โดยใช้เครื่องหมายการค้าคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์แทบทั้งหมด มีตัวอักษรส่วนประกอบปลีกย่อยผิดเพี้ยนกันไปบ้างเพียงเล็กน้อย พฤติการณ์ดังนี้ฟังได้ว่าจำเลยเอาแบบรูปรอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าของโจทก์มาใช้ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้าที่จำเลยจำหน่ายนั้นเป็นสินค้าของโจทก์ที่จำเลยเคยรับมาจำหน่าย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272
แม้เจ้าของเครื่องหมายการค้าจะไม่ได้จดทะเบียน แต่ถ้ามีผู้เอาชื่อรูปรอยประดิษฐ์หรือข้อความใดๆในการประกอบการค้าของเขาไปใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าอันแท้จริง เจ้าของเครื่องหมายการค้าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) มีอำนาจฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่บุตรเยาว์ทำแทนบิดาโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นโมฆะ
การที่บุตรเยาว์เข้าทำสัญญาเป็นลูกหนี้แทนบิดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลนั้น ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจปกครองขัดกับประโยชน์ของผู้เยาว์อย่างชัดแจ้งสัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จะบังคับเอาแก่ผู้เยาว์นั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาแทนผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลเป็นโมฆะ
การที่บุตรผู้เยาว์เข้าทำสัญญาเป็นลูกหนี้แทนบิดาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลนั้น ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจปกครองขัดกับประโยชน์ของผู้เยาว์อย่างชัดแจ้ง สัญญาดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จะบังคับเอาแก่ผู้เยาว์นั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลให้แถลงผลคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาและศาลฎีกาสั่งให้รอการพิจารณาคดีไว้เพื่อฟังผลของอีกคดีหนึ่งก่อน เมื่อคดีนั้นถึงที่สุดแล้ว ให้โจทก์แถลงให้ศาลทราบภายใน 10 วันนั้น หากคดีที่สั่งให้รอถึงที่สุด และโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติการดังข้อกำหนดของศาลแต่ประการใดแล้ว ก็ถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่นำพาในการดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้อง ต้องจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกเฉยฟ้องหลังรอฟังผลคดีอื่น ศาลจำหน่ายคดีได้
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาและศาลฎีกาสั่งให้รอการพิจารณาคดีไว้เพื่อฟังผลของอีกคดีหนึ่งก่อน เมื่อคดีนั้นถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงให้ศาลทราบภายใน 10 วันนั้น หากคดีที่สั่งให้รอถึงที่สุด และโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติการดังข้อกำหนดของศาลแต่ประการใดแล้ว ก็ถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่นำพาในการดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดเป็นการทิ้งฟ้อง ต้องจำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในความผิดอาญาของนิติบุคคล: กรรมการผู้จัดการกระทำตามวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์
นิติบุคคลย่อมมีเจตนาในการกระทำผิดทางอาญาได้ ถ้ากรรมการผู้จัดการนิติบุคคลนั้นได้กระทำไปตามวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลซึ่งได้จดทะเบียนไว้และนิติบุคคลนั้นได้รับประโยชน์อันเกิดจากการกระทำนั้น
of 67