พบผลลัพธ์ทั้งหมด 424 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันตามคำท้าตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ: การยอมรับผลจากความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
ท้ากันให้ตรวจพิสูจน์ลายเซ็นผู้ค้ำประกันในเอกสารที่โจทก์อ้างเทียบเคียงกับลายเซ็นตัวอย่างของจำเลยว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญยืนยันหรือกล่าวทำนองยืนยันว่าเป็นของบุคคลคนเดียวกันแล้ว จำเลยยอมแพ้หากปฏิเสธหรือกล่าวทำนองปฏิเสธโจทก์ยอมแพ้ เมื่อผู้ตรวจพิสูจน์ลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลเดียวกัน ดังนี้ ถือว่า มีลักษณะเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยัน ตรงตามคำท้าของคู่ความแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันตามข้อตกลงท้าทายตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ: คำยืนยันตามหลักวิชาถือเป็นการยอมรับ
ท้ากันให้ตรวจพิสูจน์ลายเซ็นผู้ค้ำประกันในเอกสารที่โจทกอ้างเทียบเคียงกับลายเซ็นตัวอย่างของจำเลยว่าเป็นลายเซ็นของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ถ้าผู้เชี่ยวชาญยืนยันหรือกล่าวทำนองยืนยันว่าเป็นของบุคคลคนเดียวกันแล้ว จำเลยยอมแพ้ หากปฏิเสธหรือกล่าวทำนองปฏิเสธ โจทก์ยอมแพ้ เมื่อผู้ตรวจพิสูจน์ลงความเห็นว่า น่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกัน ดังนี้ถือว่า มีลักษณะเป็นการยืนยันหรือทำนองยืนยัน ตรงตามคำท้าของคู่ความแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความครบถ้วนของฟ้องอาญา การพนัน: ไม่จำเป็นต้องระบุของกลางในฟ้อง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยจัดให้มีการเล่น และเล่นการพนันไพ่ผ่องไทย พนันเอาทรัพย์สินกัน มิได้รับอนุญาต โดยบรรยายถึงการกระทำของจำเลยที่อ้างเป็นความผิด ตลอดจนระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิดแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุถึงทรัพย์สินที่เอาออกพนันและไพ่ผ่องไทยที่ใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะพอจะเข้าใจได้แล้วว่า เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นก็คือไพ่ผ่องไทย ทรัพย์สินที่พนันก็อาจเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบต่อไป ฟ้องโจทก์จึงไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
158(5)
158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้ผิดกฎหมาย แม้ไม่ได้ครอบครองไม้เอง ก็มีความผิดฐานชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลาก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลาย จำเลยต้องมีความผิดฐานชักลายไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้ผิดกฎหมาย แม้รับจ้างแต่รู้ว่าเป็นไม้ผิดกฎหมาย มีความผิดฐานชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลากยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลากจำเลยต้องมีความผิดฐานชักลากไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบล แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว อันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
แม้ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบล แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว อันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้จะไม่ได้ระบุสละสิทธิโดยชัดแจ้ง
เดิมอัยการฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยกับพวกบุกรุกที่ดินมีโฉนดของโจทก์และทำให้เสียทรัพย์ และในการบุกรุกนี้จำเลยได้ปักหลักขึงลวดหนามในเขตที่ดินของโจทก์ด้วย ในการพิจารณาคดีนั้นปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งจำเลยกับโจทก์ได้ลงชื่อไว้ ความว่า ศาลได้ไกล่เกลี่ย ให้โจทก์จำเลยปรองดองกัน จำเลยยอมรับว่าเขตที่ดินของจำเลยมีอยู่ตามโฉนดเดิม จำเลยยอมรื้อรั้วและหลักที่ปักเข้าไปในโฉนดของโจทก์ออก ต่อมาโจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์และแถลงว่าจำเลยเข้าใจผิดในเขตในข้อหาบุกรุก ศาลจึงพิพากษายกฟ้องข้อหาบุกรุกนี้ด้วย ครั้นแล้วจำเลยก็ไม่รื้อหลักและรั้วนั้นออก โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้บังคับให้จำเลยรื้อไป จำเลยกลับมาอ้างอีกว่า ที่ที่จำเลยปักเสาทำรั้วเข้าไปนั้นจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้ว และว่าในคดีอาญานั้นจำเลยไม่ได้แถลงสละสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะข้อตกลงของโจทก์กับจำเลยในายงานพิจารณาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นมีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และข้อความแห่งความตกลงนั้นแสดงชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าทายพยานผู้เชี่ยวชาญลายมือและลายพิมพ์นิ้วมือ: ผลไม่สมบูรณ์ ไม่ตัดสิทธิการพิจารณาคดี
คู่ความท้ากัน ให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือและลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน เป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วรายงานต่อศาลว่า ลายเซ็นในสัญญากู้มีลักษณะเชื่อได้ว่า ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลยและลายพิมพ์นิ้วมือในสัญญาค้ำประกันเลอะเลือนไม่ชัดเจนพอที่จะตรวจพิสูจน์ได้ ดังนี้ ถือว่าผลของการตรวจพิสูจน์ไม่ครบถ้วนตามคำท้าจะพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีไม่ได้ต้องพิจารณาคดีต่อไป เมื่อทางพิจารณาไม่ได้ความว่ามีการกู้และค้ำประกัน ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การตรวจลายมือ และลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ผลตามคำท้า ต้องพิจารณาสืบพยานต่อไป และพิพากษาให้โจทก์ชนะจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยต้องชนะคดีตามคำท้า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำพยานโจทก์ฎีกา จำเลยแก้ฎีกาอ้างข้อโต้แย้งว่า คดีต้องให้จำเลยชนะคดีตามคำท้า ดังนี้ เรื่องที่คู่ความท้ากันเป็นประเด็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การตรวจลายมือ และลายพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ผลตามคำท้า ต้องพิจารณาสืบพยานต่อไป และพิพากษาให้โจทก์ชนะจำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่า จำเลยต้องชนะคดีตามคำท้า แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำพยานโจทก์ฎีกา จำเลยแก้ฎีกาอ้างข้อโต้แย้งว่า คดีต้องให้จำเลยชนะคดีตามคำท้า ดังนี้ เรื่องที่คู่ความท้ากันเป็นประเด็นให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงินต้องมีลายมือชื่อผู้กู้ จึงจะบังคับคดีได้ตามกฎหมาย
เดิมจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 3,100 บาท และได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยขอกู้เงินโจทก์อีก 1,400 บาท โจทก์จำเลยขอให้ผู้เขียนสัญญาแก้จำนวนเงินในหนังสือกู้การเขียนจำนวนเงินกู้เพิ่มลงไปในหนังสือกู้โดยจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อในการแก้ไข ถือได้ว่าไม่มีหลักฐานลงลายมือชื่อจำเลย จึงใช้ฟ้องร้องบังคับไม่ได้ ส่วนการกู้ครั้งแรกจำนวนเงิน 3,100 บาท นั้น ได้ทำหนังสือกู้และลงลายมือชื่อจำเลยในหนังสือนั้นถูกต้องตามกฎหมายโจทก์จำเลยขอให้ผู้เขียนสัญญาแก้จำนวนเงิน การแก้ก็คงไม่มีผลให้ฟ้องร้องจำเลยตามที่แก้นั้นเท่านั้นโจทก์จึงยังคงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามหนังสือกู้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์ดังเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงินต้องลงลายมือชื่อผู้กู้ จึงจะบังคับคดีได้
เดิมจำเลยกู้เงินโจทก์ไป 3,100 บาท และได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยขอกู้เงินโจทก์อีก 1,400 บาท โจทก์จำเลยขอให้ผู้เขียนสัญญาแก้จำนวนเงินในหนังสือกู้ การเขียนจำนวนเงินกู้เพิ่มลงไปในหนังสือกู้โดยจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อในการแก้ไขถือได้ว่าไม่มีหลักฐานลงลายมือชื่อจำเลยจึงใช้ฟ้องร้องบังคับไม่ได้ ส่วนการกู้ครั้งแรกจำนวนเงิน 3,100 บาทนั้น ได้ทำหนังสือกู้และลงลายมือชื่อจำเลยในหนังสือนั้นถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์จำเลยขอให้ผู้เขียนสัญญาแก้จำนวนเงิน การแก้ก็คงไม่มีผลให้ฟ้องร้องจำเลยตามที่แก้นั้นเท่านั้น โจทก์จึงยังคงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามหนังสือกู้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์ดังเดิม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 325/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์หากผู้ขายไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน
แม้ผู้ซื้อจะได้ทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทตามใบเหยียบย่ำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก็ดี แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่พิพาทเป็นของผู้อื่น มิใช่ของผู้ขายแล้วผู้ซื้อก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาทนั้น