คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เจน เวชศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 424 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในคดีเช็ค: ผู้รับมอบอำนาจรับเงินแทนบริษัทไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยออกเช็คให้บริษัทผู้ขายเพื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากบริษัทผู้ขาย บริษัทผู้ขายมอบเช็คให้นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทไว้เพื่อเอาไปขึ้นเงินส่งให้บริษัท นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย บริษัทผู้ขายเป็นผู้เสียหาย นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทผู้ขายซึ่งไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในความผิดเช็ค: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือผู้รับเช็คโดยตรง
จำเลยออกเช็คให้บริษัทผู้ขายเพื่อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากบริษัทผู้ขาย บริษัทผู้ขายมอบเช็คให้นายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทไว้เพื่อเอาไปขึ้นเงินส่งให้บริษัทนายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทนำเช็คไปขึ้นเงินธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าจำเลยมีเงินในบัญชีไม่พอจ่าย บริษัทผู้ขายเป็นผู้เสียหายนายชงกิ่งตัวแทนของบริษัทผู้ขายซึ่งไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือจำเลยหลบหนีคดีข่มขืน และทำลายหลักฐานเพื่อ妨礙การสอบสวน
นายชุ่มบุกรุกเข้าไปในโรงนาและพยายามข่มขืนนางส้มเจียน ๆ ใช้ปืนขู่ ปืนเกิดลั่นถูกนายชุ่ม มีรอยเลือดหยดที่ในโรงนาและที่ปากประตู จำเลยมีเจตนาช่วยเหลือนายชุ่มไม่ให้ต้องได้รับโทษ ได้เอาฟางที่เปื้อนเลือดไปเผาไฟเสีย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ผูกมัดให้ผู้เยาว์ต้องขายที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลเป็นโมฆะ
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาอื่นซึ่งผูกมัดให้จำต้องขายที่ดินของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 150/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาซื้อขายที่ดินของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลเป็นโมฆะ
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาอื่นซึ่งผูกมัดให้จำต้องขายที่ดินของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีไม้แปรรูป ความผิดต่อเนื่อง และอำนาจแก้ไขศาลฎีกา
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในความครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2584 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2498 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความและความผิดต่อเนื่องในคดีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นใช้ผิด
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ในความครอบครองนั้น เป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดมาตั้งแต่วันมีไว้ในครอบครองจนถึงวันที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยภายหลังวันที่ใช้พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แล้ว และโจทก์ก็ได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 ด้วย การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 73 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นการยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีผิดพลาดไปนั้น ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลี้ยวรถตัดหน้าตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก: รถเลี้ยวตัดหน้าต้องเป็นรถที่สวนทางกัน ไม่ใช่รถที่แล่นตามกัน
บทบัญญัติมาตรา 9 วรรค 3 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 หมายถึงการขับรถเลี้ยวตัดหน้ารถอื่นที่กำลังแล่นสวนทางมา หาใช่หมายถึงกรณีที่รถแล่นตาม ๆ กันมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลี้ยวรถตัดหน้าตามกฎหมายจราจร: การตีความ 'เลี้ยวตัดหน้า' ในกรณีรถแล่นตามกัน
บทบัญญัติมาตรา 9 วรรค 3 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2477 หมายถึงการขับรถเลี้ยวตัดหน้ารถอื่นที่กำลังแล่นสวนทางมา หาใช่หมายถึงกรณีที่รถแล่นตามๆ กันมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดอำนาจศาล: ทนายยุยงให้ตัวความหลีกเลี่ยงหมายศาล ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษ
ทนายจำเลยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้แนะนำไม่ให้จำเลยมาศาลเพื่อฟังคำสั่งศาลและเป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้จำเลยหลีกเลี่ยงที่จะไม่รับหมายต่างๆ ของศาลศาลชั้นต้นจึงได้ทำการไต่สวนในข้อหาว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และได้มีคำสั่งให้ทนายจำเลยมาศาลด้วยตนเองทุกนัดที่มีการนัดไต่สวนกรณีเช่นนี้ ทนายจำเลยไม่มีฐานะเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 19 ฉะนั้น การที่ทนายจำเลยไม่มาศาลตามคำสั่งศาล จึงไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา31(5)และ มาตรา 19
เมื่อปรากฏต่อศาลว่า ผู้ใดกระทำละเมิดอำนาจศาล จะปรากฏโดยผู้นั้นกระทำต่อหน้าศาล หรือปรากฏจากหลักฐานอื่นใดศาลก็ย่อมสั่งลงโทษได้ ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีที่คู่ความพิพาทกัน มีหลักฐานแสดงต่อศาลว่า ทนายจำเลยกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแต่ศาลยังมิได้ลงโทษทนายจำเลยศาลยังได้สั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับเรื่องละเมิดอำนาจศาลโดยเฉพาะอีก และให้โอกาสทนายจำเลยที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานมาสืบแสดงต่อศาลครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยก็ไม่มาศาล และไม่แจ้งเหตุขัดข้องอย่างไร แม้ภายหลังที่ศาลสั่งลงโทษทนายจำเลยแล้ว ทนายจำเลยก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องอย่างไรต่อศาลซึ่งแสดงว่าทนายจำเลยจงใจไม่อ้างอิงพยานหลักฐานมาสืบ และหลบเลี่ยงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องละเมิดอำนาจศาลดังนี้ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องทนายจำเลยละเมิดอำนาจศาลมาชอบแล้ว
เมื่อศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณารับฟังได้ว่า ทนายจำเลยเป็นผู้ยุยงเสี้ยมสอนให้ตัวความหลบเลี่ยงไม่รับหมายของศาลตลอดมาการกระทำของทนายจำเลยย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา31(3)(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2507)
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งพนักงานอัยการฎีกาได้
of 43