พบผลลัพธ์ทั้งหมด 424 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993-996/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเกวียนและกระบือที่ใช้ในการลักลอบขนไม้แปรรูปผิดกฎหมาย
การที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเกิน 120 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม้นั้นเจ้าพนักงานจับได้ขณะบรรทุกอยู่เกวียนซึ่งเทียมด้วยกระบือนั้น ต้องฟังว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและกระบือเป็นพาหนะลากเข็นไม้แปรรูป ถือได้ว่าเกวียนและกระบือนั้นได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองแล้ว จึงเป็นองต้องริบตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าที่ดิน: การครอบครองผลผลิตจากต้นไม้ในที่เช่า และสิทธิเหนือสิ่งปลูกสร้าง
สัญญาเช่าที่ดินย่อมครอบคลุมไปถึงต้นผลไม้ที่อยู่ในที่ดินที่เช่าด้วย หากผู้ให้เช่าที่ดินมีความประสงค์จะสงวนไว้ใช้สอยเก็บกินส่วนตัว ก็ชอบที่จะระบุไว้ในสัญญาเช่าให้ชัดแจ้ง มิฉะนั้นผู้เช่าที่ดินย่อมมีสิทธิเก็บผลไม้อันเป็นดอกผลตามธรรมชาติของต้นผลไม้ในที่ดินที่เช่าได้ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิหวงห้าม
สัญญาเช่าที่ดินมีข้อความว่า "ผู้ให้เช่าให้ผู้เช่าเช่าที่ดินแปลงที่กล่าวข้างบนนี้ทั้งแปลงไว้จัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่นๆ มีกำหนด 10 ปี ฯลฯ" นั้น เป็นการเช่าที่ดินหมดทั้งแปลง มิใช่บางส่วนการที่ระบุไว้ว่าเพื่อจัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่นๆ นั้น เป็นเพียงแสดงวัตถุประสงค์บางอย่างในการเช่าไว้ในสัญญาเท่านั้น มิใช่เป็นการจำกัดว่าผู้เช่าจะใช้สิทธิอย่างอื่นในฐานะผู้เช่าเหนือทรัพย์สินที่เช่ามิได้
สัญญาเช่าที่ดินมีข้อความว่า "ผู้ให้เช่าให้ผู้เช่าเช่าที่ดินแปลงที่กล่าวข้างบนนี้ทั้งแปลงไว้จัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่นๆ มีกำหนด 10 ปี ฯลฯ" นั้น เป็นการเช่าที่ดินหมดทั้งแปลง มิใช่บางส่วนการที่ระบุไว้ว่าเพื่อจัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่นๆ นั้น เป็นเพียงแสดงวัตถุประสงค์บางอย่างในการเช่าไว้ในสัญญาเท่านั้น มิใช่เป็นการจำกัดว่าผู้เช่าจะใช้สิทธิอย่างอื่นในฐานะผู้เช่าเหนือทรัพย์สินที่เช่ามิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินครอบคลุมถึงต้นผลไม้ ผู้เช่ามีสิทธิเก็บผลผลิต ผู้ให้เช่าต้องระบุข้อจำกัดในสัญญา
สัญญาเช่าที่ดินย่อมครอบคลุมไปถึงต้นผลไม้ที่อยู่ในที่ดินที่เช่าด้วย หากผู้ให้เช่าที่ดินมีความประสงค์จะสงวนไว้ใช้สอยเก็บกินส่วนตัว ก็ชอบที่จะระบุไว้ในสัญญาเช่าให้ชัดแจ้ง มิฉะนั้นผู้เช่าที่ดินย่อมมีสิทธิเก็บผลไม้อันเป็นดอกผลตามธรรมชาติของต้นผลไม้ในที่ดินที่เช่าได้ ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิหวงห้าม
สัญญาเช่าที่ดินมีข้อความว่า "ผู้ให้เช่าให้ผู้เช่าเช่าที่ดินแปลงที่กล่าวข้างบนนี้ทั้งแปลงไว้จัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่น ๆ มีกำหนด 10 ปี ฯลฯ " นั้น เป็นการเช่าที่ดินหมดทั้งแปลงมิใช่บางส่วน การที่ระบุไว้ว่าเพื่อจัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่น ๆ นั้น เป็นเพียงวัตถุประสงค์บางอย่างในการเช่าไว้ในสัญญาเท่านั้นมิใช่เป็นการจำกัดว่า ผู้เช่าจะใช้สิทธิอย่างอื่นในฐานะผู้เช่าเหนือทรัพย์สินที่เช่ามิได้.
สัญญาเช่าที่ดินมีข้อความว่า "ผู้ให้เช่าให้ผู้เช่าเช่าที่ดินแปลงที่กล่าวข้างบนนี้ทั้งแปลงไว้จัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่น ๆ มีกำหนด 10 ปี ฯลฯ " นั้น เป็นการเช่าที่ดินหมดทั้งแปลงมิใช่บางส่วน การที่ระบุไว้ว่าเพื่อจัดตั้งสนามมวยจัดการแสดงมหรสพและการค้าอื่น ๆ นั้น เป็นเพียงวัตถุประสงค์บางอย่างในการเช่าไว้ในสัญญาเท่านั้นมิใช่เป็นการจำกัดว่า ผู้เช่าจะใช้สิทธิอย่างอื่นในฐานะผู้เช่าเหนือทรัพย์สินที่เช่ามิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะพยานของผู้เขียนพินัยกรรม: แม้ไม่ระบุในพินัยกรรม ก็อาจนำสืบได้
แม้ผู้เขียนข้อความแห่งพินัยกรรมจะไม่ได้เขียนข้อความระบุว่าตนเป็นพยานไว้ต่อท้ายลายมือชื่อของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671 วรรคสอง ด้วยก็ตาม หากมีข้อความตอนท้ายของพินัยกรรมปรากฏชัดว่าผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานเป็นสำคัญและผู้เขียนได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้เขียนพินัยกรรมต่อจากลายมือชื่อของพยานรับรองพินัยกรรมแล้ว ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบว่าผู้เขียนอยู่ในฐานะพยานด้วยหรือไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะพยานของผู้เขียนพินัยกรรม: การพิจารณาจากข้อเท็จจริงและเจตนาของผู้ทำพินัยกรรม
แม้ผู้เขียนข้อความแห่งพินัยกรรมจะไม่ได้เขียนข้อความระบุว่าตนเป็นพยานไว้ต่อท้ายลายมือชื่อของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671 วรรค 2 ด้วยก็ตาม หากมีข้อความตอนท้ายของพินัยกรรมปรากฎชัดว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ และผู้เขียนได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้เขียนพินัยกรรมต่อจากลายมือชื่อในฐานะผู้เขียนพินัยกรรมต่อจากลายมือชื่อของพยานรับรองพินัยกรรมแล้ว ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบว่าผู้เขียนอยู่ในฐานะพยานด้วยหรือไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องทุกข์ไม่ใช่เอกสารสิทธิ การหลอกลวงให้ถอนคำร้องทุกข์ไม่เป็นความผิดฉ้อโกง
คำร้องทุกข์ของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9)ฉะนั้นแม้จะได้ความว่าจำเลยเจตนาทุจริตหลอกลวงให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดี ก็ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องทุกข์ไม่ใช่เอกสารสิทธิ การหลอกลวงให้ถอนคำร้องทุกข์ไม่เป็นความผิดตาม ม.341 อาญา
คำร้องทุกข์ของผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) ฉะนั้น แม้จะได้ความว่าจำเลยเจตนาทุจริตหลอกลวงให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดี ก็ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าปลงศพและค่าอุปการะเลี้ยงดูจากละเมิด ศาลฎีกาชี้ว่าการระบุรายละเอียดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น และสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูรวมถึงค่าศึกษาในอนาคตมีได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปลงศพผู้ตายที่ตายเพราะจำเลยทำละเมิดนั้น พอที่จำเลยเข้าใจได้แล้ว หาจำต้องบรรยายว่าเป็นค่าอะไรเท่าใดด้วยไม่ เพราะเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น และโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะในการศึกษาล่วงหน้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าปลงศพและค่าอุปการะเลี้ยงดูจากละเมิด ศาลฎีกาชี้ว่าการระบุรายละเอียดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น และสิทธิในการเรียกร้องค่าอุปการะมีถึงอนาคต
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปลงศพผู้ตายที่ตายเพราะจำเลยทำละเมิดนั้นพอที่จำเลยเข้าใจได้แล้ว หาจำต้องบรรยายว่าเป็นค่าอะไรเท่าใดด้วยไม่ เพราะเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น และโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะในการศึกษาล่วงหน้าได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท ศาลฎีกาแก้โทษลงบทหนักสุดได้ แม้มีโทษเท่ากัน
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทหากศาลล่างลงโทษจำเลยมาทุกบท ศาลฎีกาก็พิพากษาแก้ลงบทที่มีโทษหนักที่สุดให้ถูกต้องได้
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษหนักที่สุดเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้นได้
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษหนักที่สุดเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้นได้