คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เจน เวชศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 424 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท ศาลฎีกาแก้ไขโทษลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุด หรือบทใดบทหนึ่งหากโทษเท่ากัน
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท หากศาลล่างลงโทษจำเลยมาทุกบท ศาลฎีกาก็พิพากษาแกล้งบทที่มีโทษหนักที่สุดให้ถูกต้องได้
หากบทกฎหมายที่จำเลยกระทำผิดกรรมเดียวมีอัตราโทษหนักที่สุดเท่ากันอยู่ 2 บท ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทหนึ่งบทใดในสองบทนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมผู้บุกรุกป่าโดยเจ้าพนักงานป่าไม้ การพิสูจน์สภาพที่ดินเป็นป่า และการไม่มีเจตนาแกล้งจับกุม
เจ้าของเดิมเขาบุกเบิกแผ้วถางป่าปลูกพืชผลมา 7-8 ปีแล้วโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่ดิน เพราะเขาบุกเบิกโดยพลการมิได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานและเมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ก็มิได้แจ้งการครอบครอง แม้ต่อมาจะมีผู้อื่นซื้อที่ดินนี้จากเจ้าของเดิมก็ยังต้องถือว่าที่ดินนี้คงมีสภาพเป็นป่าอยู่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 4
พนักงานป่าไม้ปฏิบัติตามคำสั่งของป่าไม้เขตเข้าจับกุมผู้ไถพรวนดินและสุมเผากิ่งไม้อยู่ในเขตที่มีผู้แจ้งว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่าหาว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้เมื่อไม่ปรากฏว่าเป็นการแกล้งจับหรือแจ้งข้อหาเท็จทั้งที่ดินนั้นก็ยังถือว่ามีสภาพเป็นป่าอยู่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ดังนี้จะหาว่าพนักงานป่าไม้นั้นกระทำผิดตามมาตรา 157,172,173 แห่งประมวลกฎหมายอาญาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมฐานบุกรุกป่า: การพิสูจน์สภาพที่ดินเป็นป่า และเจตนาของเจ้าพนักงาน
เจ้าของเดิมเข้าบุกเบิกแผ้วถางป่าปลูกพืชผลมา 7 - 8 ปีแล้วโดยมิชอบด้วยกฎหมายที่ดิน เพราะเข้าบุกเบิกโดยพลการมิได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานและเมื่อประกาศใช้ประมวลกฏหมายที่ดิน ก็มิได้แจ้งการครอบครอง แม้ต่อมาจะมีผู้อื่นซื้อที่ดินนี้จากเจ้าของเดิมก็ยังต้องถือว่าที่ดินนี้คงมีสภาพเป็นป่าอยู่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4
พนักงานป่าไม้ปฏิบัติตามคำสั่งของป่าไม้เขตเข้าจับกุมผู้ไถพรวนดินและสุมเผากิ่งไม้อยู่ในเขตที่มีผู้แจ้งว่ามีการบุกรุกแผ้วถางป่าหาว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้-เมื่อไม่ปรากฎว่าเป็นการแกล้งจับหรือแจ้งข้อหาเท็จ ทั้งที่ดินนั้นก็ยังต้องถือว่ามีสภาพเป็นป่าอยู่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ดังนี้ จะหาว่าพนักงานป่าไม้นั้นกระผิดตามมาตรา 157,172,173 แห่งประมวลกฎหมายอาญาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน แม้ผู้รับโอนไม่รู้เรื่อง ศาลมีอำนาจชี้ขาดในชั้นบังคับคดี
การที่จำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้นแม้จะฟังว่าผู้ร้องไม่รู้ถึงข้อความจริงที่ทำให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบก็ดีโจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนนั้นเสียได้
ในชั้นบังคับคดีร้องขัดทรัพย์นั้น หากโจทก์อ้างว่าผู้ร้องได้ทรัพย์นั้นมาโดยไม่สุจริตเป็นการหลีกเลี่ยงการชำระหนี้โจทก์แล้วศาลก็มีอำนาจชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ได้โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปดำเนินคดีฟ้องร้อง ขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลเสียก่อนแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน แม้ผู้รับโอนไม่รู้ตัว
การที่จำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้น แม้จะฟังว่าผู้ร้องไม่รู้ถึงข้อความจริงที่ทำให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบก็ดี โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนนั้นเสียได้
ในชั้นบังคับคดีร้องขัดทรัพย์นั้น หากโจทก์อ้างว่าผู้ร้องได้ทรัพย์นั้นมาโดยไม่สุจริต เป็นการหลีกเลี่ยงการชำระหนี้โจทก์แล้ว ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 ได้โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปดำเนินคดีฟ้องร้อง ขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลเสียก่อนแต่ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของพนักงานบัญชีต่อการทุจริตของผู้อื่น แม้บกพร่องตามระเบียบแต่ไม่ถือว่าร่วมกระทำผิด
จำเลยเป็นพนักงานบัญชีประจำธนาคารออมสิน มีหน้าที่ลงบัญชี ทำบัญชีและมีระเบียบให้ทำหน้าที่ลงรายการในสมุดฝากเงินและบัตรคู่บัญชีด้วยแต่ปรากฏว่าทางปฏิบัติหาได้ถือตามระเบียบให้จำเลยเป็นผู้ลงรายการในบัตรคู่บัญชีเพียงผู้เดียวโดยเคร่งครัดไม่ บุคคลอื่นเป็นผู้ลงรายการก็มี เมื่อเป็นเหตุให้ผู้จัดการธนาคารออมสินทุจริตยักยอกเงินไป ก็ถือเพียงว่าจำเลยบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นจะฟังว่าจำเลยร่วมกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกในการทุจริตด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของพนักงานบัญชีต่อการทุจริตยักยอกเงินของผู้อื่น แม้บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่
จำเลยเป็นพนักงานบัญชีประจำธนาคารออมสิน มีหน้าที่ลงบัญชี และมีระเบียบให้ทำหน้าที่ลงราบการในสมุดฝากเงินและบัตรคู่บัญชีด้วย แต่ปรากฎว่าทางปฏิบัติหาได้ถือตามระเบียบให้จำเลยเป็นผู้ลงรายการในบัตรคู่บัญชีด้วย แต่ปรากฎว่าทางปฏิลัติหาได้ถือตามระเบียบให้จำเลยเป็นผู้ลงรายการในบัตรคู่บัญชีเพียงผู้เดียวโดยเคร่งครัดไม่ บุคคลอื่นเป็นผู้ลงรายการก็มี เมื่อเป็นเหตุให้ผู้จัดการธนาคารออมสินทุจริตยักยอกเงินไป ก็ถือเพียงว่าจำเลยบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น จะฟังว่าจำเลยร่วมกระทำผิดหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกในการทุจริตด้วยหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเกวียนและโคที่เป็นอุปกรณ์ในการกระทำความผิดฐานมีไม้แปรรูปผิดกฎหมาย
เกวียนและโคที่จำเลยให้เป็นพาหนะบรรทุกไม้แปรรูปที่ผิดกฎหมายไปเพื่อจำหน่ายและเจ้าพนักงานจับได้ในระหว่างทางพร้อมด้วยไม้ของกลางนั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงสละประเด็นและยอมกันตลอดคดี: ผลผูกพันตามคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 500 บาทด้วย จำเลยให้การว่าเช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ค่าเสียหายของโจทก์อย่างสูงไม่เกินเดือนละ 50 บาทในการพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าจะพิพาทกันเฉพาะประเด็นที่ว่า ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยอันจะได้รับความคุ้มครองฯหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นข้ออื่นคู่ความตกลงกันสละเสียไม่ถือเป็นข้อพิพาทต่อไป คือถ้าศาลวินิจฉัยว่าห้องพิพาทเป็นเคหะโจทก์ยอมแพ้ ถ้าวินิจฉัยว่าไม่เป็นเคหะ จำเลยยอมแพ้ดังนี้ เมื่อศาลฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ จำเลยแพ้คดีตามคำท้า จำเลยก็ต้องใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทด้วยจะอ้างว่าคู่ความตกลงสละประเด็นข้อค่าเสียหายแล้ว ศาลพิพากษาให้ชำระค่าเสียหายเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและเกินคำขอดังนี้ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงยอมความขยายผลถึงค่าเสียหาย: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิมที่บังคับให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามที่ตกลงกัน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าและให้จำเลยให้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 500 บาทด้วย จำเลยให้การว่า เช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ๆ ค่าเสียหายของโจทก์อย่างสูงไม่เกินเดือนละ 50 บาท ในการพิจารณาคู่ความตกลงกันว่า จะพิพาทกันเฉพาะประเด็นที่ว่า ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยอันจะได้รับความคุ้มครอง ๆ หรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นข้ออื่นคู่ความตกลงกันสละเสียไม่ถือเป็นข้อพิพาทต่อไปคือ ถ้าศาลวินิจฉัยว่าห้องพิพาทเป็นเคหะโจทก์ยอมแพ้ ถ้าวินิจฉัยว่าไม่เป็ฯเคหะ จำเลยยอมแพ้ ดังนี้ เมื่อศาลฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ จำเลยแพ้คดีตามคำห้า จำเลยก็ต้องใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทด้วย จะอ้างว่าคู่ความตกลงสละประเด็นข้อค่าเสียหายแล้วศาลพิพากษาให้ชำระค่าเสียหายเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและเกินคำขอ ดังนี้ หาได้ไม่.
of 43