คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เจน เวชศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 424 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายสลากกินรวบถือเป็นการจัดให้มีการพนัน แม้ผลสลากยังไม่ออก
การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวมโดยอาศัยเลขท้ายของสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการรับกินรับใช้นั้น เพียงแต่จำเลยทำการขายสลากไป ก็ถือได้แล้วว่า จำเลยได้จัดให้มีการเล่นการพนัน เป็นความผิดสำเร็จตามกฎหมายแล้ว ฉะนั้น ถึงแม้สลากกินแบ่งของรัฐบาลจะยังไม่ออกหรือยังไม่ทราบผลแพ้ชนะ และคนซื้อสลากจากจำเลยเป็นคนที่เจ้าพนักงานตำรวจให้ไปซื้อ ก็ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะอ้างมาเป็นข้อแก้ตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ: ไม่ต้องบรรยายราคา, สำเร็จเมื่อขาย, ผู้ซื้อเป็นตำรวจไม่เป็นเหตุแก้ตัว
ในคำฟ้องฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โจทก์ไม่จำต้องบรรยายว่า จำเลยขายสลากราคาสลากละเท่าใด
จำเลยขายสลากกินรวบแล้ว แม้สลากกินแบ่งของรัฐบาลงวดซึ่งจำเลยถือเอาเป็นเกณฑ์ในการรับกินรับใช้จะยังไม่ออกความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตก็สำเร็จแล้ว และแม้คนซื้อสลากจากจำเลยจะเป็นคนที่ตำรวจจัดให้ไปซื้อ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยอ้างเป็นข้อแก้ตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจบังคับคดีเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียม
อำนาจเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้นเป็นของศาลเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจจะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียก ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตามไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี (หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจบังคับคดีเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติงานตามคำสั่งศาล ไม่มีอำนาจอุทธรณ์เรื่องค่าธรรมเนียม
อำนาจเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้นเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจจะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บ ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตาม ไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี
หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลในการโอนทรัพย์สินและการบังคับคดี: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยการฉ้อฉลในชั้นบังคับคดีได้
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง โจทก์ต่อสู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของจำเลยทั้งนั้นไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ก็เพื่ออุบายฉ้อโกงไม่ชำระหนี้แก่โจทก์เท่านั้น ดังนี้ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่าอย่างน้อยก็เป็นการสมยอมกัน เป็นการฉ้อฉล การที่ศาลยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ใช่นอกฟ้องนอกประเด็น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2505)
เรื่องการฉ้อฉลนี้ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยในชั้นร้องขัดทรัพย์ดังกล่าวแล้ว และเมื่อฟังว่าการโอนทรัพย์ระหว่างจำเลย (สามี) กับผู้ร้อง (ภรรยา) เป็นการฉ้อฉลตามมาตรา 237 ก็มีอำนาจที่จะพิพากษาว่าโจทก์นำยึดทรัพย์รายนี้ได้ ผู้ร้องไม่ชอบที่จะมาร้องขัดทรัพย์ และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ร้องจะโต้แย้งว่าเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะขอแบ่งแยกสินบริคณห์แล้วนำยึดเฉพาะส่วนของจำเลย ดังนี้ย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการฉ้อฉล: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องฉ้อฉลในชั้นขัดทรัพย์ได้ แม้ไม่ใช่ประเด็นหลัก
ผู้ร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องโจทก์ต่อสู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของจำเลยทั้งนั้นไม่ใช่ของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ก็เพื่ออุบายฉ้อโกงไม่ชำระหนี้แก่โจทก์เท่านั้น ดังนี้ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวแล้วว่าอย่างน้อยก็เป็นการสมยอมกัน เป็นการฉ้อฉล การที่ศาลยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ใช่นอกฟ้องนอกประเด็น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2505)
เรื่องการฉ้อฉลนี้ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยในชั้นร้องขัดทรัพย์ดังกล่าวแล้วได้และเมื่อฟังว่าการโอนทรัพย์ระหว่างจำเลย (สามี) กับผู้ร้อง (ภรรยา) เป็นการฉ้อฉลตามมาตรา 237 ก็มีอำนาจที่จะพิพากษาว่าโจทก์นำยึดทรัพย์รายนี้ได้ ผู้ร้องไม่ชอบที่จะมาร้องขัดทรัพย์และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ร้องจะโต้แย้งว่าเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะขอแบ่งแยกสินบริคณห์แล้วนำยึดเฉพาะส่วนของจำเลยดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจตีความรัฐธรรมนูญของศาลและการขัดแย้งของกฎหมายกับรัฐธรรมนูญ กรณีโฉนดที่ดิน
โดยปกติศาลเป็นผู้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาใช้บังคับแก่คดีโดยมีอำนาจพิจารณาว่ากฎหมายใดจะใช้บังคับคดีได้หรือไม่ ฉะนั้น ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาตีความรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าบทกฎหมายนั้นๆขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เว้นแต่จะมีบทกฎหมายโดยเฉพาะบัญญัติให้อำนาจหน้าที่พิจารณาตีความรัฐธรรมนูญไปตกอยู่แก่สถาบันอื่น
มาตรา 5,19 ประกอบด้วย มาตรา 20 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร แสดงว่าอำนาจในการตีความรัฐธรรมนูญเพื่อใช้กฎหมายปรับแก่คดีเป็นอำนาจศาล สภาจะวินิจฉัยตีความรัฐธรรมนูญเฉพาะที่มีปัญหาเกิดขึ้นในวงงานสภา หรือเกิดขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีขอให้วินิจฉัยเท่านั้น
มาตรา 3,4,5 และ 7 แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยการสำรวจการออกโฉนดที่ดิน พ.ศ.2496 ขัดต่อ มาตรา99 ของรัฐธรรมนูญฯ เพราะเป็นการให้อำนาจคณะบุคคลให้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทระหว่างบุคคล มีผลที่จะลบล้างกรรมสิทธิ์ของบุคคลที่มีอยู่แล้ว และก่อตั้งกรรมสิทธิ์ขึ้นใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจคณะกรรมการสำรวจที่ดินขัดรัฐธรรมนูญ: การวินิจฉัยชี้ขาดสิทธิในที่ดินเป็นอำนาจศาลแต่เพียงผู้เดียว
การที่พระราชบัญญัติว่าด้วยการสำรวจการออกโฉนดที่ดิน พ.ศ. 2496 มาตรา 3, 4, 5, 7 ให้ก่อตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง มีอำนาจทำการสำรวจและสั่งยกเลิกการออกโฉนดที่ดินซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าได้กระทำไปโดยมิชอบด้วยความเป็นธรรมแล้วสั่งให้มีการออกโฉนดที่ดินใหม่ได้ตามความเป็นธรรม และให้ถือว่าคำสั่งคณะกรรมการเป็นเด็ดขาด จะนำไปฟ้องคดีเพื่อแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นมิได้นั้น เป็นการให้คณะกรรมการมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทระหว่างบุคคล ลบล้างกรรมสิทธิ์ของบุคคลที่มีอยู่แล้ว และก่อตั้งกรรมสิทธิ์ขึ้นใหม่ มีผลเท่ากับตั้งคณะบุคคลอื่นที่มิใช่ศษลให้มีอำนาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดีแยกไปจากอำนาจของศาลโดยชัดแจ้ง จึงเป็นการแย้งและขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติว่า การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ
ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 ซึ่งให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือเอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือเอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนที่ดินมาแก้ไขให้ถูกต้องหรือเพิกถอนเสียได้นั้นเป็นเพียงอำนาจบริหารเท่านั้น อธิบดีกรมที่ดินจะวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทที่คู่กรณีโต้แย้งสิทธิกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต แม้การซื้อขายมีเจตนาฉ้อฉลก่อนฟ้องคดี
ตามมาตรา 238 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริตเช่นในคดีร้องขัดทรัพย์ (โจทก์นำยึดทรัพย์ที่อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ร้อง ร้องว่าทรัพย์นั้นผู้ร้องซื้อจากจำเลยแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านโดยอ้างว่าการซื้อขายไม่เป็นไปโดยสุจริต เพราะจำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยการสมยอมกัน)ผู้ร้องได้โอนทรัพย์นั้นให้บุคคลภายนอกไปอีกทอดหนึ่งแล้วถ้าโจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้สำเร็จผลแห่งการเพิกถอนนั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนไป(อีกทอดหนึ่งนั้น)โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต แม้การซื้อขายมีเจตนาฉ้อฉล ก่อนฟ้องเพิกถอน
ตามมาตรา 238 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริต เช่น ในคดีร้องขัดทรัพย์ (โจทก์นำยึดทรัพย์อ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้อง ๆ ว่าทรัพย์นั้นผู้ร้องซื้อจากจำเลยแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านโดยอ้างว่าการซื้อขายไม่เป็นไปโดยสุจริต เพราะจำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยการสมยอมกัน) ผู้ร้องได้โอนทรัพย์นั้นให้บุคคลภายนอกไปอีกทอดหนึ่งแล้ว ถ้าโจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้สำเร็จ ผลแห่งการเพิกถอนนั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนไป (อีกทอดหนึ่งนั้น) โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล
of 43