พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4380/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และการรอการลงโทษสำหรับลูกจ้าง
เมื่อศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยไม่ต้องการทนายความและให้การรับสารภาพ อีกทั้งโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินตราต่างประเทศซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยรับซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเป็นตัวแทนซื้อเงินสกุลปอนด์เยนมาร์กและดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ให้แก่ประชาชน ดังนั้น ฎีกาของจำเลยทั้งหกที่ว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันมีลักษณะเดียวกับการเล่นหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยผลกำไรขาดทุนถือเอาการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมิได้ถือครองเงินตราต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายเงินตราต่างประเทศและมิใช่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศแต่อย่างใด ทั้งการที่บริษัท อ. ประกาศรับสมัครพนักงานจำเลยที่ 3 เชื่อโดยสุจริตว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไปสมัครงาน และบริษัทได้อบรมจำเลยที่ 3 ก่อน จำเลยที่ 3 ทำงานเพียง 2 เดือนก็ถูกจับกุมโดยไม่ทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิด และอ้างว่าพนักงานสอบสวนจูงใจให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับสารภาพโดยบอกว่าเมื่อรับสารภาพแล้วศาลจะลงโทษปรับเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยทั้งหกเป็นเพียงลูกจ้างของบริษัท อ. ในตำแหน่งพนักงานการตลาดทำหน้าที่เกี่ยวกับการหาลูกค้าเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีแก่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวหรือจำเลยทั้งหกได้ร่วมกับผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวกระทำความผิดแต่ประการใด ประกอบกับจำเลยทั้งหกไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งหกกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยทั้งหกไว้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมส่วนรวมยิ่งกว่าลงโทษจำคุกไปเสียที่เดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเงินตราเข้าประเทศเกิน 500 บาทโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่ความผิดฐานมีทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด จึงไม่ริบได้
การที่จำเลยนำเงินตราซึ่งเป็นธนบัตรไทยจำนวนหกพันบาทเข้ามาในประเทศเป็นความผิดเพราะมีจำนวนเกินกว่าห้าร้อยบาทนั้น ความผิดอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหาใช่เงินตราดังกล่าวเป็นของผิดกฎหมายที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดไม่จึงริบเงินตราไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเงินตราเข้าประเทศเกิน 500 บาทโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่ความผิดฐานมีทรัพย์สินผิดกฎหมาย จึงไม่ริบได้
การที่จำเลยนำเงินตราซึ่งเป็นธนบัตรไทยจำนวนหกพันบาทเข้ามาในประเทศเป็นความผิด เพราะมีจำนวนเกินกว่าห้าร้อยบาทนั้น ความผิดอยู่ที่การไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หาใช่เงินตราดังกล่าวเป็นของผิดกฎหมายที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดไม่ จึงริบเงินตราไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเลิกกฎกระทรวงทำให้จำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
ในขณะพิจารณาคดี ได้มีกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 7 ออกตามความใน พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน 2485 ลงวันที่14 มีนาคม 2491 ยกเลิกความใน ข้อ 2,11 แห่งกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 1 อันเป็นบทบัญญัติความผิดในคดีแล้ว จึงต้องใช้กฎหมายที่มีโทษเบาแก่ผู้ต้องหาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 8 จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างการพิจารณาคดี และผลกระทบต่อความผิดของผู้ต้องหา
ในขณะพิจารณาคดี ได้มีกฎกระทรวงการคลังฉะบับที่ 7 ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน 2485 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2491 ยกเลิกความในข้อ 2,11 แห่งกฎกระทรวงการคลังฉะบับที่ 1 อันเป็นบทบัญญัติความผิดในคดีแล้ว จึงต้องใช้กฎหมายที่มีโทษเบาแก่ผู้ต้องหาตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 8 จำเลยจึงไม่มีความผิด.