พบผลลัพธ์ทั้งหมด 56 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3562/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานอนหลับ ผู้ร่วมกระทำผิดมีส่วนร่วมในการกระทำทั้งหมด
จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ยานอนหลับผสมลงในเครื่องดื่มเบียร์ให้ผู้เสียหายดื่ม จนไม่รู้สึกตัวหลับไป แล้วปลดเอาเครื่องประดับของผู้เสียหายไป ดังนั้นจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญด้วยอาวุธและการลักทรัพย์ด้วยการข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกประมาณ 6-7 คน นั่งเรือแล่นมาเทียบเรือผู้เสียหายซึ่งมีผู้เสียหายกับ น. นั่งอยู่แล้วพวกจำเลยคนหนึ่งคว้าโคมไฟเรือของผู้เสียหายทิ้งลงน้ำ ผู้เสียหายตกใจกระโดดหนีลงน้ำ แล้วคนร้ายอีกคนหนึ่งชักมีดปลายแหลมออกมาและพูดว่า อย่าหนีนะ หนีแล้วตายน. จึงกระโดดลงน้ำหนีไปด้วย จากนั้นจำเลยกับพวกใช้เรือลากจูงเรือผู้เสียหายไป ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันลักทรัพย์โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง,340 ตรี แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2547/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยขู่เข็ญด้วยกำลังประทุษร้าย: การกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยกับพวกประมาณ 6 - 7 คน นั่งเรือแล่นมาเทียบเรือผู้เสียหาย ซึ่งมีผู้เสียหายกับ น. นั่งอยู่แล้วพวกจำเลยคนหนึ่งคว้าโคมไฟเรือของผู้เสียหายทิ้งลงน้ำ ผู้เสียหายตกใจกระโดดหนีลงน้ำ แล้วคนร้ายอีกคนหนึ่งชักมีด-ปลายแหลมออกมาและพูดว่า อย่าหนีนะ หนีแล้วตาย น.จึงกระโดดลงน้ำหนีไปด้วยจากนั้นจำเลยกับพวกใช้เรือลากจูงเรือผู้เสียหายไป ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันลักทรัพย์ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เป็นความผิดฐานปล้น-ทรัพย์ ตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย: การลอบใส่ยานอนหลับในสุราเพื่อลักทรัพย์เข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์
การที่จำเลยได้ลอบใส่ยานอนหลับผสมลงในสุราให้ผู้เสียหายทั้งสองดื่มจนหลับหมดสติไป เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองตกอยู่ในสภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสองไป ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์ และพาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เมื่อคำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดมาในฟ้องด้วย จึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคสามได้ จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคสอง เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ถือเป็นความผิดทางอาญา
จำเลยบุกรุกขึ้นไปบนบ้านของผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้มือถลกผ้าถุงของผู้เสียหายขึ้นไปถึงสะโพกโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอม ถือว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายและการลักทรัพย์: การประเมินเจตนาและพยานหลักฐานในการพิพากษา
พวกจำเลยล้อมรถขายไอศกรีม ของผู้เสียหายไว้ จำเลยที่ 3 เข้าต่อรองราคา แม้จะเป็นราคาที่อาจรู้ว่าผู้เสียหาย ไม่ตกลงด้วย ก็ไม่ถือว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อผู้เสียหาย การล้อมรถโดยไม่ปรากฏว่ามีท่าทางว่า จะเข้ามาทำร้ายผู้เสียหาย เพียงแต่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ก่อน ไม่ถือว่าเป็นการใช้พวกเข้าขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ผู้เสียหายยอมจะให้ทรัพย์แก่พวกจำเลย จึงไม่เป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ จำเลยที่ 3 เจ้ามาขอซื้อไอศกรีม 7-8 แท่ง ในราคา 1 บาท จนผู้เสียหายไม่พอใจและชักอาวุธออกมา จำเลยทั้งสาม จึงกลุ้มรุมทำร้ายผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายชักอาวุธออกมา มิใช่เพราะเจตนาจะทำร้ายผู้เสียหายเพื่อประสงค์ต่อไอศกรีม ของผู้เสียหายแต่แรก ทั้งยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 3 หยิบเอาไอศกรีม ไปแจกจ่ายพวกจำเลย ประกอบกับ หลังจากนั้น โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสามร่วมกัน ลักเอาไอศกรีม ดังกล่าวไป การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่เป็นความผิดทำร้ายร่างกาย ผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์มีความเห็นว่ามีรอยบวมเล็กน้อยที่ขมับด้านซ้าย บาดแผลรักษาหายภายใน3 วัน เป็นความเป็นผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์: การกระชากสร้อยคอผู้เสียหายเพื่อหวังผลเอาทรัพย์
จำเลยที่ 1 ใช้มือซ้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหาย แล้วใช้มือขวากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ของผู้เสียหายขาดออกจากกัน และเอาสร้อยคอกับพระเลี่ยมทองคำซึ่งแขวนอยู่ 1 องค์ไป เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงค์จะเอาสร้อยคอของผู้เสียหายเป็นสำคัญ และเป็นเพียงวิธีการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้น มิใช่เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยใช้กิริยาฉกฉวยเอาสร้อยคอและพระเลี่ยมทองคำของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะฐานลักทรัพย์เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่มิถึงขั้นบุกรุก พยายามชิงทรัพย์ และการพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์4 เดือน และลดโทษให้หนึ่งในสาม แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำคุก 2 เดือน โทษจำให้รอไว้ 2 ปี ความผิดฐานดังกล่าวก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 คืนเกิดเหตุ ข. ร่วมกับ ค. และ จ. เป็นเจ้ามือเล่นการพนันไฮโล โดยมีจำเลยเข้าร่วมเล่นด้วย เมื่อเลิกเล่นแล้วระหว่างเดินกลับบ้านมาถึงบ้าน ข. จำเลยได้ขอเงินไปซื้อของกินข.รับปากจะให้ แต่ขอแบ่งเงินระหว่างเจ้ามือกันก่อนและให้จำเลยตามไปเอาบนบ้าน จำเลยจึงเดินตาม ข. ขึ้นไปบนบ้าน ข.เช่นนี้ เป็นการที่ ข.อนุญาตให้จำเลยขึ้นไปบนบ้านได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก จำเลยเล่นการพนันกับ ข. และเล่นเสียจนหมดตัวจึงตามมาที่บ้าน ข. แล้วขอเงินคืนจาก ข.ส่วนหนึ่งอ้างว่าเพื่อจะนำไปซื้อของกินกับผู้เข้าเล่นการพนันคนอื่น ๆ เมื่อ ข. ให้เงิน20 บาท จำเลยต้องการจะเอาอีก ข. ไม่ยอมให้ จำเลยจึงแย่งจะเอาเงินจากกระเป๋าเสื้อของ ข. แต่แย่งไม่ได้ จำเลยถูก ข.ตีศอกถูกที่ศีรษะหลายครั้งจนศีรษะแตก แต่จำเลยก็มิได้โต้ตอบด้วยการทำร้าย ข.ให้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อมีคนร้องห้ามปรามจำเลยก็จากไป ลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการถือวิสาสะหาได้กระทำไปโดยเจตนาที่จะใช้กำลังประทุษร้าย ข. ไม่ ทั้งการกระทำของจำเลยก็มิได้ถือไม่ได้ว่ามีเจตนาทุจริต เพราะจำเลยได้กระทำการดังกล่าวบนบ้าน ข. ซึ่งเป็นสารวัตรกำนันต่อหน้าคนหลายคนเป็นการผิดวิสัยของคนร้ายที่จะมาชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้ยาสลบทำให้หมดสติ ถือเป็นอันตรายแก่จิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม
จำเลยกับพวกใช้ยากดประสาทอย่างแรงใส่ลงในกาแฟให้ผู้เสียหายดื่ม เมื่อผู้เสียหายดื่มแล้วสิ้นสติไปแทบจะทันทีแล้วจำเลยกับพวกได้ลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายฟื้นคืนสติที่โรงพยาบาลหลังจากเวลาล่วงไปประมาณ 12 ชั่วโมงดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับอันตรายแก่กายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่จิตใจของผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้ยาสลบทำให้หมดสติ ถือเป็นอันตรายแก่จิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม
จำเลยกับพวกใช้ยากดประสาทอย่างแรงใส่ลงในกาแฟให้ผู้เสียหายดื่มเมื่อผู้เสียหายดื่มแล้วสิ้นสติไปแทบจะทันที แล้วจำเลยกับพวกได้ลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายฟื้นคืนสติที่โรงพยาบาลหลังจากเวลาล่วงไปประมาณ 12 ชั่วโมงดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับอันตรายแก่กายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่จิตใจของผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2531).
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2531).