พบผลลัพธ์ทั้งหมด 56 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3144/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยมีอาวุธปืน: การกระทำยังไม่ถึงขั้นขู่เข็ญเพื่อประทุษร้ายจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ผู้เสียหายได้ยินเสียงคนงัดประตูใต้ถุนบ้านจึงเปิดไฟฟ้าใต้ถุนบ้านแล้วมองดูทางช่องพื้นบ้าน เห็นจำเลยกับพวกถือปืนคนละกระบอกยืนอยู่แล้วไฟฟ้าดับลงโดยได้ยินเสียงตูม เข้าใจว่าคนร้ายตีหลอดไฟแตก ผู้เสียหายกลัวจึงกระโดดบ้านหนี ดังนี้ จำเลยกับพวกยังไม่ได้เข้ามาถึงตัวผู้เสียหายและยังไม่เห็นตัวผู้เสียหาย ยังไม่ได้ขู่เข็ญจะประทุษร้ายผู้เสียหายด้วยประการใดๆเลย แม้จะมีปืนมาด้วยก็ยังไม่ได้แสดงปืนนั้นให้ผู้เสียหายเห็น เป็นเรื่องผู้เสียหายแอบเห็นเอง การตีหลอดไฟฟ้าแตกก็คงประสงค์จะให้ไฟฟ้าดับไม่ให้ใครเห็นและจำได้เท่านั้น จะถือว่าเป็นการขู่เข็ญจะประทุษร้ายก็ยังไม่ได้ ตอนที่พวกของจำเลยขึ้นไปเอาทรัพย์บนบ้านผู้เสียหายก็ไม่ได้ถือปืนหรือขู่เข็ญจะทำร้ายใคร การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้น มิใช่ความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3144/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์โดยมีอาวุธ แต่ไม่มีการขู่เข็ญโดยตรง ศาลลดโทษจากปล้นทรัพย์เป็นลักทรัพย์
ผู้เสียหายได้ยินเสียงคนงัดประตูใต้ถุนบ้านจึงเปิดไฟฟ้าใต้ถุนบ้านแล้วมองดูทางช่องพื้นบ้าน เห็นจำเลยกับพวกถือปืนคนละกระบอกยืนอยู่แล้วไฟฟ้าดับลงโดยได้ยินเสียงตูมเข้าใจว่าคนร้ายตีหลอดไฟแตกผู้เสียหายกลัวจึงกระโดดบ้านหนี ดังนี้ จำเลยกับพวกยังไม่ได้เข้ามาถึงตัวผู้เสียหายและยังไม่เห็นตัวผู้เสียหาย ยังไม่ได้ขู่เข็ญจะประทุษร้ายผู้เสียหายด้วยประการใดๆเลย แม้จะมีปืนมาด้วยก็ยังไม่ได้แสดงปืนนั้นให้ผู้เสียหายเห็น เป็นเรื่องผู้เสียหายแอบเห็นเอง การตีหลอดไฟฟ้าแตกก็คงประสงค์จะให้ไฟฟ้าดับไม่ให้ใครเห็นและจำได้เท่านั้น จะถือว่าเป็นการขู่เข็ญจะประทุษร้ายก็ยังไม่ได้ ตอนที่พวกของจำเลยขึ้นไปเอาทรัพย์บนบ้านผู้เสียหายก็ไม่ได้ถือปืนหรือขู่เข็ญจะทำร้ายใคร การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้น มิใช่ความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขัดขวางการจับกุมเจ้าพนักงานด้วยการใช้กำลัง การกระทำเข้าข่ายประทุษร้ายตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานตำรวจไล่จับญาติของจำเลยซึ่งเป็นผู้ต้องหาในข้อหาฆ่าคนตายจำเลยที่ 1 กอดเอวเจ้าพนักงานตำรวจคนหนึ่ง จำเลยที่ 2 ดึงเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจอีกคนหนึ่งไว้ เพื่อมิให้เจ้าพนักงานจับกุมผู้ต้องหาการที่จำเลยที่ 1 กอดเอวและจำเลยที่ 2 ดึงเสื้อนั้นเป็นการใช้แรงกายกระทำต่อกายของเจ้าพนักงานตำรวจ ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(6) เพื่อต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ vs. ชิงทรัพย์: การใช้กำลังแย่งทรัพย์โดยไม่ประทุษร้ายกายจิตใจ
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กาย หรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์ต้องใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่ หากไม่มีองค์ประกอบนั้นเข้าข่ายลักทรัพย์
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิ่งราวทรัพย์ vs. ชิงทรัพย์: การใช้กำลังประทุษร้ายเป็นสาระสำคัญ
จำเลยรวบคอผู้เสียหายเพื่อให้รู้ว่าสวมสร้อยคออยู่ แล้วกระตุกสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง สร้อยบาดคอเป็นแผลไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กาย ไม่เป็นชิงทรัพย์ เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย: การปัดไฟฉายและการกระชากสร้อยคอ
จำเลยปัดไฟฉายที่ผู้เสียหายถืออยู่จนหลุดจากมือผู้เสียหายก้มลงเก็บไฟฉาย จำเลยกระชากสร้อยคอพาหนีไปการปัดไฟฉายเป็นการกระทำแก่เนื้อตัวหรือกาย เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย เป็นชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์การกระทำ
จำเลยใช้กำลังจับมือผู้ตายให้ลุกขึ้นโดยผู้ตายไม่สมัครใจ เมื่อผู้ตายบอกว่าจะไปสวมเสื้อก่อน จำเลยจึงปล่อย ถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังทำร้าย ผิดมาตรา 391
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยกับพวกรวม 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อ จนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไป ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธปืน ร่วมกับพวกรถจักรยานยนต์
จำเลยกับพวกรวม 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขับขี่ขึ้นมาเคียงคู่กับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้มือจับแขนผู้เสียหายซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ แล้วจำเลยดึงคอเสื้อ จนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายเซ และกระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไป ถือได้ว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์