พบผลลัพธ์ทั้งหมด 56 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ไม่มีอาวุธ ศาลลงโทษตามฟ้องได้ หากโจทก์พิสูจน์การกระทำใช้กำลังได้
จ. ผู้เฝ้าบ้านของ น. กำลังถากหญ้าอยู่หน้าบ้านได้ยินเสียงแกรกในบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออกขณะเรียกบุตรของ น. อยู่ จำเลยที่ 1 เข้ามาจับมือ จ.และบอกให้เข้าไปในบ้าน และไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำลังลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์อยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย จ. ถือได้ว่าจำเลยร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้ไม่มีอาวุธข่มขู่ ศาลลงโทษฐานปล้นทรัพย์ได้
จ. ผู้เฝ้าบ้านของ น. กำลังถากหญ้าอยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงแกรกในบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก ขณะเรียกบุตรของ น. อยู่ จำเลยที่ 1 เข้ามาจับมือ จ. และบอกให้เข้าไปในบ้าน และไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งขณะนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 กำลังลักทรัพย์ของเจ้าทรัพย์อยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1ดังกล่าวเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย จ. ถือได้ว่าจำเลยร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีมีดเป็นอาวุธและร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธขู่เข็ญจะทำร้าย จ. ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาวุธหรือขู่เข็ญจะทำร้าย จ. กลับได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย จ. ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อแตกต่างที่มิใช่ข้อสารสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ด้วย ศาลลงโทษจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายต่อเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
จำเลยจับถือและกอดเด็กหญิง ผู้เสียหายอายุ 14 ปี ถือได้ว่าเป็นการใช้แรงกายภาพ ซึ่งเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ตามความหมายใน มาตรา 1 (6) แล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม มาตรา 278
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย แม้เป็นการสัมผัสทางกายภาพ
จำเลยจับมือและกอดเด็กหญิงผู้เสียหายอายุ 14 ปีถือได้ว่าเป็นการใช้แรงกายภาพ ซึ่งเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายใน มาตรา 1(6) แล้ว การกระทำของจำเลยดังกล่าว เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตาม มาตรา 278
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายต่อเด็ก: การกระทำที่เข้าข่ายใช้กำลังประทุษร้ายตามกฎหมาย
การบรรยายฟ้องความผิดฐานชิงทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายโดยจับมือเด็กชายยงผู้เลี้ยงกระบือไว้ เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ช่วยกันแกะเอาเชือกที่เด็กชายยงจูงกระบือเลี้ยงไว้ในมือออก ซึ่งทำให้เด็กชายยงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้แล้วพากระบือไปเช่นนี้ ถือว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 1(6) แล้ว
จำเลยกับพวกมีอาวุธเข้ามากระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยง ๆ กำเชือกแน่นและเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้าง แกะอยู่นานราวอึดใจหนึ่งเชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยง แล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว
จำเลยกับพวกมีอาวุธเข้ามากระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยง ๆ กำเชือกแน่นและเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้าง แกะอยู่นานราวอึดใจหนึ่งเชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยง แล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังประทุษร้ายในการชิงทรัพย์: การกระทำที่ทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานชิงทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายโดยจับมือเด็กชายยงผู้เลี้ยงกระบือไว้ เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์ แล้วจำเลยกับพวกได้ช่วยกันแกะเอาเชือกที่เด็กชายยงจูงกระบือเลี้ยงไว้ในมือออกซึ่งทำให้เด็กชายยงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้แล้วพากระบือไปเช่นนี้ ถือว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(6) แล้ว
จำเลยกับพวกมีอาวุธเข้ามากระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยงเด็กชายยงกำเชือกแน่นและเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้างแกะอยู่นานราวอึดใจหนึ่งเชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยงแล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว
จำเลยกับพวกมีอาวุธเข้ามากระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยงเด็กชายยงกำเชือกแน่นและเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้างแกะอยู่นานราวอึดใจหนึ่งเชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยงแล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว