พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริต, ยักยอกทรัพย์, จดทะเบียนเท็จ: ความผิดตามมาตรา 230 และการสมคบกระทำผิด
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารบก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกากีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย(จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปูนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน (200 ผืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ(แอ๊กมี่2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบแจ้งจำนวนได้คิดราคาผ้าใส่ไว้ในต้นขั้วใบสั่งจ่ายและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5076 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่2จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาท ให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัว ดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา (ที่2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่2ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้ จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกันซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 89 พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา (ที่2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่2ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้ จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกันซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 89 พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตออกใบสั่งจ่ายเกินจำนวนจริง และยักยอกทรัพย์ของรัฐ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารลก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกาดีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย (จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปุนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน(200 ฝืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ( แอ๊กมี่ 2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5,176 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่ 2 จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาทให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัวดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา(ที่ 2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่ 2 ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด ๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้อหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกับผู้ซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 คาน ม.230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วย ม.89 พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา(ที่ 2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่ 2 ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด ๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้อหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกับผู้ซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 คาน ม.230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วย ม.89 พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแลกเงินโดยพลั้งเผลอ ไม่เข้าข่ายลักทรัพย์หรือวิ่งราว เพราะเป็นการทอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยขอแลกธนบัตรใบละ 100 บาทจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายนับเงินย่อยให้จำเลยแต่โดยความพลั้งเผลอได้ให้ใบละ 100 บาทที่ขอแลกปนไปด้วย จำเลยรับเงินรวมไปและขึ้นรถจักรยานสองล้อที่มานั้นไปพ้นร้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายเรียกให้หยุดไม่หยุด ดังนี้ จะลงโทษฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวไม่ได้เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทอนเงินผิดพลาดไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราว ศาลยกฟ้อง
จำเลยขอแลกธนบัตรใบละ 100 บาทจากผู้เสียหาย ๆ นับเงินย่อยให้จำเลยแต่โดยความพลั้งเผลอได้ให้ใบละ 100 บาทที่ขอแลกปนไปด้วย จำเลยรับเงินรวมไปแล้วขึ้นรถจักรยานสองล้อที่มานั้นไปพ้นร้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายเรียกให้หยุดไม่หยุด ดังนี้ จะลงโทษฐานลักทรัพย์หรือวิ่งราวไม่ได้เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าทรัพย์