พบผลลัพธ์ทั้งหมด 509 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, การแก้ฟ้อง, และการรับรองนิติบุคคล: ข้อจำกัดในการยกข้อต่อสู้ในชั้นฎีกาและการเปลี่ยนแปลงผู้รับมอบอำนาจ
ประเด็นที่ว่า โจทก์ไม่เป็นนิติบุคคลและใบมอบอำนาจไม่ปิดอากรแสตมป์ จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นศาลอุทธรณ์ เพิ่งมายกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 และในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ได้กล่าวรับรองว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยเถียงข้อนี้ไม่ขึ้น
สำเนาใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีมิใช่ต้นฉบับหรือคู่ฉบับหรือคู่ฉีก ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
เมื่อผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์คนเดิมพ้นหน้าที่ไป ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์อีกคนหนึ่งดำเนินกิจการแทนโจทก์ ทนายความผู้รับแต่งตั้งจากผู้รับมอบอำนาจคนเดิมทำคำร้องขอแก้ฟ้อง โดยขอเปลี่ยนตัวผู้รับมอบอำนาจเสียใหม่ถือว่าโจทก์ได้ดำเนินการตั้งแต่งทนายความฟ้องคดีโดยถูกต้องสมบูรณ์มาแต่แรก ทนายความของโจทก์จึงมีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ตลอดไปจนกว่าจะถูกสั่งถอน การพ้นหน้าที่ของผู้รับมอบอำนาจคนเดิมไม่ทำให้ทนายความหมดอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ การแก้ฟ้องของโจทก์มีผลเพียงเพื่อให้ทราบว่าบัดนี้โจทก์ได้เปลี่ยนตัวผู้รับมอบอำนาจดำเนินกิจการหรือดำเนินคดีในนามของโจทก์ในกาลต่อไปเท่านั้น การที่ผู้รับมอบอำนาจคนใหม่เข้าดำเนินกระบวนพิจารณาคดีซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในนามของบริษัทโจทก์สืบแทนต่อไปมิใช่เป็นการเริ่มต้นฟ้องคดีใหม่
สำเนาใบมอบอำนาจให้ดำเนินคดีมิใช่ต้นฉบับหรือคู่ฉบับหรือคู่ฉีก ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
เมื่อผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์คนเดิมพ้นหน้าที่ไป ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์อีกคนหนึ่งดำเนินกิจการแทนโจทก์ ทนายความผู้รับแต่งตั้งจากผู้รับมอบอำนาจคนเดิมทำคำร้องขอแก้ฟ้อง โดยขอเปลี่ยนตัวผู้รับมอบอำนาจเสียใหม่ถือว่าโจทก์ได้ดำเนินการตั้งแต่งทนายความฟ้องคดีโดยถูกต้องสมบูรณ์มาแต่แรก ทนายความของโจทก์จึงมีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ตลอดไปจนกว่าจะถูกสั่งถอน การพ้นหน้าที่ของผู้รับมอบอำนาจคนเดิมไม่ทำให้ทนายความหมดอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ การแก้ฟ้องของโจทก์มีผลเพียงเพื่อให้ทราบว่าบัดนี้โจทก์ได้เปลี่ยนตัวผู้รับมอบอำนาจดำเนินกิจการหรือดำเนินคดีในนามของโจทก์ในกาลต่อไปเท่านั้น การที่ผู้รับมอบอำนาจคนใหม่เข้าดำเนินกระบวนพิจารณาคดีซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในนามของบริษัทโจทก์สืบแทนต่อไปมิใช่เป็นการเริ่มต้นฟ้องคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้เสียหาย: กรณีผู้เสียหายประมาทด้วยตนเอง
โจทก์จำเลยต่างขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถชนกันและโจทก์ได้รับบาดเจ็บนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้กระทำการโดยประมาท โจทก์จึงมีส่วนในการกระทำผิดทางอาญาด้วย โดยนิตินัยถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ประมาททั้งสองฝ่าย: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญา
โจทก์จำเลยต่างขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้รถชนกัน และโจกท์ได้รับบาดเจ็บนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้กระทำการโดยประมาท โจทก์จึงมีส่วนในการกระทำผิดทางอาญาด้วย โดยนิตินัยถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดโดยสุจริต ผู้ซื้อมีสิทธิจดทะเบียนได้ แม้หลักฐานทางทะเบียนไม่ตรง
เมื่อโจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินสองแปลง มิได้มีผู้ร้องขัดทรัพย์หรือโต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด จนเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศและขายทอดตลาดไปตามคำสั่งศาล โจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุด และศาลสั่งขายให้โจทก์แล้ว เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ซื้อทรัพย์รายนี้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิเป็นของตนได้ แม้หลักฐานทางทะเบียนจะปรากฏว่ามิใช่เป็นของจำเลยก็ตาม โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีเรียกบุคคลภายนอกที่มีชื่อทางทะเบียนมาเป็นคู่ความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจดทะเบียนหลังซื้อจากการบังคับคดี: สุจริตของผู้ซื้อจากการขายทอดตลาด
เมื่อโจทก์นำยึดทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินสองแปลง มิได้มีผู้ร้องขัดทรัพย์หรือโต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด จนเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศและขายทอดตลาดไปตามคำสั่งศาล โจทก์เป็นผู้ให้ราคาสูงสุด และศาลสั่งขายให้โจทก์แล้ว เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ซื้อทรัพย์รายนี้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิเป็นของตนได้แม้หลักฐานทางทะเบียนจะปรากฏว่ามิใช่เป็นของจำเลยก็ตาม โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีเรียกบุคคลภายนอกที่มีชื่อทางทะเบียนมาเป็นคู่ความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากการกระทำที่แสดงเจตนาชัดเจน และหน้าที่นำสืบของผู้กล่าวอ้าง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากันโจทก์วางเงินมัดจำไว้ และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกันและเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใดถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากการยอมรับสัญญากู้ และหน้าที่การนำสืบของผู้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใหม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากัน โจทก์วางเงินมัดจำไว้และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกัน และเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ตอ้งนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการเกินเลยอำนาจศาล ศาลไม่สามารถพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำรั้วและนำชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินของโจทก์ประมาณ 25 ตารางวา จำเลยให้การว่ามิได้รุกล้ำ หากรุกล้ำก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยมาถึง 23 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมากว่า 10 ปีแล้ว ศาลก็ย่อมจะพิพากษาเพียงว่าให้ยกฟ้องของโจทก์เท่านั้น จะพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งด้วยมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการขอบเขตที่ดิน ศาลมิอาจพิพากษาเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำรั้วและนำชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินของโจทก์ประมาณ 25 ตารางวา จำเลยให้การว่ามิได้รุกล้ำ หากรุกล้ำก็ได้ครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยมาถึง 23 ปี แล้ว ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมากว่า 10 ปีแล้ว ศาลก็ย่อมจะพิพากษาเพียงว่าให้ยกฟ้องของโจทก์เท่านั้น จะพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้งด้วยมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดบังคับคดี: ความล่าช้าในการขายและการตรวจสอบราคา ไม่เป็นเหตุให้การขายเป็นโมฆะ
การขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์หรือผู้แทนโจทก์เพราะเป็นเรื่องอยู่ในหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะทำการขายตามประกาศ โดยใช้ดุลพินิจในการขายเพื่อให้ได้ราคาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉะนั้น การขายที่ล่าช้าไปกว่ากำหนดตามประกาศไปบ้าง ย่อมจะปรับให้เป็นความผิดแก่โจทก์ไม่ได้ และเมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานได้ทำการขายผิดระเบียบแล้ว จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งทำการขายใหม่ได้