พบผลลัพธ์ทั้งหมด 509 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นสินสมรส การโอนสิทธิการเช่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า สามีไม่สามารถบอกเลิกการโอนได้
สิทธิการเช่าซึ่งได้แก่สิทธิที่จะได้ใช้หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่าซึ่งหญิงมีสามีได้มาระหว่างสมรส ย่อมเป็นสินบริคณห์ ซึ่งภรรยาถ้าทำการผูกพันสิทธิการเช่าโดยมิได้รับอนุญาตจากสามีแล้ว สามีอาจบอกล้างเสียได้ แต่จะต้องไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ให้เช่าด้วย เพราะสิทธิการเช่าจะต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย และสัญญาเช่า
การที่ภรรยาซึ่งเป็นผู้เช่าได้สิทธิการเช่ามาในระหว่างสมรส และโอนสิทธิการเช่าให้บุคคลอื่นโดยผู้ให้เช่ายินยอมด้วย ในเมื่อการเช่าทรัพย์เป็นสิทธิเฉพาะตัว ถ้าภรรยาซึ่งเป็นผู้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่านั้นไม่ได้ ฉะนั้น สามีย่อมจะบอกล้างการโอนการเช่าดังกล่าวเพื่อให้กลับมีสภาพคงคืนตามสัญญาเช่าเดิมก็ไม่ได้ดุจกัน
การที่ภรรยาซึ่งเป็นผู้เช่าได้สิทธิการเช่ามาในระหว่างสมรส และโอนสิทธิการเช่าให้บุคคลอื่นโดยผู้ให้เช่ายินยอมด้วย ในเมื่อการเช่าทรัพย์เป็นสิทธิเฉพาะตัว ถ้าภรรยาซึ่งเป็นผู้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่านั้นไม่ได้ ฉะนั้น สามีย่อมจะบอกล้างการโอนการเช่าดังกล่าวเพื่อให้กลับมีสภาพคงคืนตามสัญญาเช่าเดิมก็ไม่ได้ดุจกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกันจนทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของผู้อื่น เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.เครื่องหมายการค้า
ฟ้องบรรยายเล่าเรื่องว่า จำเลยได้ผลิตแป้งน้ำปิดรูปเครื่องหมายอักษรไทยว่า แพนเค้กน้ำ มีลักษณะรูปเครื่องหมายตัวอักษรสำเนียงเรียกเหมือนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์นำออกจำหน่าย ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของโจทก์ เช่นนี้เห็นได้ว่าคำฟ้องได้รวมการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรา 272(1) ไว้ด้วย และในคำขอท้ายฟ้องก็ระบุมาตรา 272 ไว้ แสดงให้เห็นเจตนาว่าประสงค์ให้ลงโทษตามมาตรา 272(1) ด้วย
จำเลยที่ 2,3 รู้อยู่ดีแล้วว่าสินค้าเครื่องสำอางค์แป้งน้ำ PAN-CAKE ของโจทก์เป็นชื่อแพร่หลายคนรู้จักทั่วไป จำเลยจึงเอาคำว่า แพนเค้ก มาใช้กับสินค้าแป้งน้ำของจำเลยบ้าง เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้า PAN-CAKE ของโจทก์จึงเป็นความผิดตามมาตรา 272(1) ส่วนจำเลยที่ 4,5 เป็นเพียงผู้จำหน่าย ไม่ปรากฏว่าได้รู้ว่าสินค้านั้นเอาคำว่า PAN-CAKE ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้จึงไม่มีความผิด
จำเลยที่ 2,3 รู้อยู่ดีแล้วว่าสินค้าเครื่องสำอางค์แป้งน้ำ PAN-CAKE ของโจทก์เป็นชื่อแพร่หลายคนรู้จักทั่วไป จำเลยจึงเอาคำว่า แพนเค้ก มาใช้กับสินค้าแป้งน้ำของจำเลยบ้าง เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้า PAN-CAKE ของโจทก์จึงเป็นความผิดตามมาตรา 272(1) ส่วนจำเลยที่ 4,5 เป็นเพียงผู้จำหน่าย ไม่ปรากฏว่าได้รู้ว่าสินค้านั้นเอาคำว่า PAN-CAKE ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้จึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าที่คล้ายคลึงกันทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของผู้อื่นเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272(1)
ฟ้องบรรยายเล่าเรื่องว่า จำเลยได้ผลิตแป้งน้ำปิดรูปเครื่องหมายอักษรไทยว่า แพนเค้กน้ำ มีลักษณะรูปเครื่องหมายตัวอักษรสำเนียงเรียกเหมือนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์นำออกจำหน่าย ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของโจทก์ เช่นนี้ เห็นได้ว่า คำฟ้องได้รวมการกระทำอันเป็นความผิดตามมาตรา 272(1) ไว้ด้วย และในคำขอท้ายฟ้องก็ระบุมาตรา 272 ไว้ แสดงให้เห็นเจตนาว่าประสงค์ให้ลงโทษตามมาตรา 272(1) ด้วย
จำเลยที่ 2 - 3 รู้อยู่ดีแล้วว่า สินค้าเครื่องสำอางค์แป้งน้ำ PAN-CAKE ของโจทก์เป็นชื่อแพร่หลายคนรู้จักทั่วไป จำเลยจึงเอาคำว่า แพนเค้ก มาใช้กับสินค้าแป้งน้ำของจำเลยบ้างเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า เป็นสินค้า PAN-CAKE ของโจทก์ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 272 (1) ส่วนจำเลยที่ 4 - 5 เป็นเพียงผู้จำหน่าย ไม่ปรากฎว่าได้รู้ว่าสินค้านั้นเอาคำว่า PAN-CAKE ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้ จึงไม่มีความผิด.
จำเลยที่ 2 - 3 รู้อยู่ดีแล้วว่า สินค้าเครื่องสำอางค์แป้งน้ำ PAN-CAKE ของโจทก์เป็นชื่อแพร่หลายคนรู้จักทั่วไป จำเลยจึงเอาคำว่า แพนเค้ก มาใช้กับสินค้าแป้งน้ำของจำเลยบ้างเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า เป็นสินค้า PAN-CAKE ของโจทก์ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 272 (1) ส่วนจำเลยที่ 4 - 5 เป็นเพียงผู้จำหน่าย ไม่ปรากฎว่าได้รู้ว่าสินค้านั้นเอาคำว่า PAN-CAKE ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้ จึงไม่มีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือ ส.ค.1 ไม่ใช่เอกสารราชการ การปลอมแปลงเอกสารและการใช้เอกสารปลอม
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยให้แจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบส.ค.1 ต่อนายอำเภอท้องที่โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านรับรองว่าข้อความถูกต้องและเป็นความจริงนั้นเป็นประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการ ไม่ใช่เป็นข้อกำหนดหน้าที่ของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านการเซ็นชื่อรับรองดังกล่าวเป็นแต่เพียงพยานเท่านั้น ไม่ใช่รับรองว่าหนังสือนั้นเป็นเสมือนหนังสือราชการ ดังนั้น หนังสือ ส.ค.1 นี้จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
ถ้าหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ปลอมแบบ ส.ค.1 และได้ใช้ด้วยแล้วต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง กระทงเดียว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2508 เฉพาะปัญหาแรก)
ถ้าหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ปลอมแบบ ส.ค.1 และได้ใช้ด้วยแล้วต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง กระทงเดียว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2508 เฉพาะปัญหาแรก)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือ ส.ค.1 ไม่เป็นเอกสารราชการ การปลอมแปลงเอกสารเป็นความผิดตามมาตรา 268
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยให้แจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.1 ต่อนายอำเภอท้องที่โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านรับรองว่าข้อความถูกต้องและเป็นความจริงนั้น เป็นประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการไม่ใช่เป็นข้อกำหนดหน้าที่ของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน การเซ็นชื่อรับรองดังกล่าวเป็นแต่เพียงพยานเท่านั้น ไม่ใช่รับรองว่าหนังสือนั้นเป็นเสมือนหนังสือราชการ ดังนั้น หนังสือ ส.ค.1 นี้จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
ถ้าหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ปลอมแบบ ส.ค.1 และได้ใช้ด้วยแล้ว ต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรค 2 กระทงเดียว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2508 เฉพาะปัญหาแรก)
ถ้าหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ปลอมแบบ ส.ค.1 และได้ใช้ด้วยแล้ว ต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรค 2 กระทงเดียว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2508 เฉพาะปัญหาแรก)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายก่อน และสิทธิในการต่อสู้เพื่อป้องกันชีวิต
จำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อน จำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำ จึงยิงเอาบ้าง ถือว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยยิงตอบโต้หลังถูกยิงก่อน
จำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อนจำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำจึงยิงเอาบ้าง ถือว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมต้องทำเป็นหนังสือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารทำไม่ได้ และอำนาจฟ้องของโจทก์
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน เมื่อหย่าขาดจากกัน จำเลยยอมเป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร และทำหนังสือสัญญากันไว้เป็นหลักฐาน เป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งอาจจะมีขึ้น สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ซึ่งกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยขอนำสืบว่า โจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้สัญญาประนีประนอม เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ ที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏบัติตามสัญญา โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
จำเลยขอนำสืบว่า โจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้สัญญาประนีประนอม เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ ที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏบัติตามสัญญา โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารทำไม่ได้
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน เมื่อหย่าขาดจากกันจำเลยยอมเป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและทำหนังสือสัญญากันไว้เป็นหลักฐานเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งอาจจะมีขึ้นสัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ซึ่งกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
จำเลยขอนำสืบว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมด้วยปากให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรต่ำกว่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การที่จำเลยขอนำสืบข้อต่อสู้นั้นจึงเป็นการขอนำสืบนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ซึ่งจำเลยยอมจ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องในนามของโจทก์เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ฟ้องทายาท แม้ไม่มีมรดก บังคับคดีเอาจากกองมรดกได้ แต่จำกัดเฉพาะหนี้ร่วมหรือหนี้ที่เกี่ยวข้องกับมรดก
เมื่อไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ หากฎีกาขึ้นมา ก็เป็นฎีกานอกประเด็นศาลไม่รับวินิจฉัยให้
เจ้าหนี้ฟ้องทายาทลูกหนี้ผู้ตายได้แม้ทายาทจะมิได้รับมรดกเป็นเรื่องที่เจ้าหนี้จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายโดยทายาทไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
เจ้าหนี้ฟ้องทายาทลูกหนี้ผู้ตายได้แม้ทายาทจะมิได้รับมรดกเป็นเรื่องที่เจ้าหนี้จะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตายโดยทายาทไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว