คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ พานิชอัตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 509 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ของผู้ครอบครองไม้แปรรูป: ไม้ที่ใช้สร้างบ้านเกิน 2 ปี ไม่เป็นความผิด
ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้ครอบครองมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม้ในความครอบครองนั้นไม่เป็นไม้แปรรูปก็ตาม ในเรื่องนี้โจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ว่า ไม้นั้นไม่เป็นไม้แปรรูปแล้ว ไม้ของกลางที่มีไว้ก็ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่จำต้องนำสืบพิสูจน์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่พิสูจน์ความเป็นไม้แปรรูปและการฟังข้อเท็จจริงจากพยาน
ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2474 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4 บัญญัติให้ผู้ครอบครองมีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม้ในความครอบครองนั้นไม่เป็นไม้แปรรูปก็ตาม แต่ในเรื่องนี้โจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมาย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ว่า ไม้นั้นไม่เป็นไม้แปรรูปแล้ว ไม้ของกลางที่มีไว้ก็ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยก็ไม่จำต้องนำสืบพิสูจน์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเงื่อนเวลาชำระหนี้ และการฟ้องเรียกหนี้ก่อนถึงกำหนด
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่า ลูกหนี้ไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่ลูกหนี้จะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเงื่อนเวลาในสัญญากู้ การชำระหนี้บางส่วนไม่ถือเป็นการสละเงื่อนเวลา ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องเรียกหนี้ก่อนกำหนดได้
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าขำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่าลูกหนี้ไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่ลูกหนี้จะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ที่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ แม้คดีก่อนอ้างเหตุชำรุดทรุดโทรม แต่คดีหลังอ้างเหตุมีคำสั่งอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเช่า
คดีแรก โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างเหตุว่าห้องเช่าชำรุดทรุดโทรมและโจทก์ไม่มีที่อยู่ จะรื้อปลูกใหม่และอยู่เอง ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ส่วนคดีหลัง โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอีก อ้างเหตุว่าเพราะได้รับคำสั่งอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเช่าฯ ให้โจทก์รื้อห้องพิพาทปลูกสร้างใหม่และเข้าอยู่เองได้ โดยอาศัยเหตุต่างกันคนละประเด็นกับคดีแรกเช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องซ้ำ
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ พ.ศ.2504 ไม่ได้บังคับว่าผู้ให้เช่าจะดำเนินการ (ร้องขอรื้อห้องพิพาทเพื่อสร้างใหม่และเข้าอยู่เอง) แต่ฝ่ายเดียวไม่ได้ หรือคณะกรรมการควบคุมการเช่าจะต้องให้ผู้เช่าทราบเพื่อได้มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด แม้คณะกรรมการควบคุมการเช่าจะไม่ได้ให้ผู้เช่าทราบหรือเรียกมาชี้แจง ก็หาทำให้คำสั่งของคณะกรรมการควบคุมการเช่ากลายเป็นคำสั่งที่มิชอบไปไม่ เมื่อคณะกรรมการควบคุมการเช่าใช้ดุลพินิจเห็นสมควรและมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ให้เช่ารื้อห้องพิพาทปลูกสร้างใหม่และเข้าอยู่เองกับแจ้งคำสั่งให้ผู้เช่าทราบแล้ว ผู้เช่ามิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้น คำสั่งย่อมเด็ดขาด ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาว่าคณะกรรมการฯอนุญาตไปโดยมีเหตุสมควรหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาการค้าเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ที่ขัดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.วิทยุฯ ถือเป็นโมฆะ
ผู้มีสิทธิผูกขาดการค้าเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ตามกฎหมาย แต่ได้ทำสัญญาอนุญาตหรือมอบให้ผู้อื่นสั่งเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์เข้ามาจำหน่ายอีกต่อหนึ่งโดยเรียกเอาผลประโยชน์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องตัวการตั้งตัวแทน แต่เป็นการโอนอำนาจในการค้าดังกล่าวให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจทำการค้าไปทำการค้าอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติวิทยุฯลฯ มาตรา 8 และมาตรา 20 สัญญานี้จึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาอนุญาตค้าวิทยุโทรทัศน์ขัดกฎหมาย: การโอนอำนาจทำการค้าให้ผู้อื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตเป็นโมฆะ
ผู้มีสิทธิผูกขาดการค้าเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ตามกฎหมายแต่ได้ทำสัญญาอนุญาตหรือมอบให้ผู้อื่นสั่งเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์เข้ามาจำหน่ายอีกต่อหนึ่งโดยเรียกเอาผลประโยชน์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องตัวการตั้งตัวแทนแต่เป็นการโอนอำนาจในการค้าดังกล่าวให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจทำการค้าไปทำการค้า อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติวิทยุฯ มาตรา 8 และมาตรา 20 สัญญานี้จึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาไม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองเหนือทรัพย์สินทั้งหมด แม้กรรมสิทธิ์บางส่วนจะเปลี่ยนมือจากการครอบครองปรปักษ์ ผู้รับจำนองยังบังคับได้
จำเลยที่ 1,2 จำนองที่ดินแปลงหนึ่งแก่โจทก์ เมื่อจำนองแล้ว จำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนั้นไปด้วยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน ดังนี้โจทก์มีสิทธิบังคับจำนองที่ดินแปลงนั้นได้ แม้ส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนั้นตกเป็นของจำเลยที่ 3 แล้วและจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นลูกหนี้โจทก์ก็ตาม ทั้งนี้เพราะสิทธิจำนองเป็นสิทธิครอบเหนือทรัพย์ทั้งหมด
เมื่อจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนจะยกขึ้นต่อสู้ผู้รับจำนองซึ่งได้สิทธิโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1064/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองเหนือทรัพย์ทั้งหมด แม้ผู้ครอบครองปรปักษ์ยังมิได้จดทะเบียน โจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้
จำเลยที่ 1,2 จำนองที่ดินแปลงหนึ่งแก่โจทก์ เมื่อจำนองแล้วจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนั้นไปด้วยการครอบครองปรปักษ์ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน ดังนี้ โจทก์มีสิทธิบังคับจำนองที่ดินแปลงนั้นได้ แม้ส่วนหนึ่งของที่ดินแปลงนั้นตกเป็นของจำเลยที่ 3 แล้ว และจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นลูกหนี้โจทก์ก็ตาม ทั้งนี้เพราะสิทธิจำนองเป็นสิทธิครอบเหนือทรัพย์ทั้งหมด
เมื่อจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครอง แต่ยังไม่ได้จดทะเบียน จะยกขึ้นต่อสู้ผู้รับจำนองซึ่งได้สิทธิโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นด้วยการโฆษณาต้องเป็นการกล่าวต่อหน้าบุคคลหลายคน ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์หากกล่าวต่อหน้าบุคคลเดียว
บรรยายฟ้องว่า "จำเลยกล่าวทำดูหมิ่นนางประยูร ด้วยการโฆษณาโดยจำเลยกล่าวต่อเด็กหญิงเวียนเด็กรับใช้ในบ้านของนางประยูรว่า ให้ไปบอก อ้ายเหี้ย อีเหี้ย นายของมึงสองคน อย่ามาว่าอะไรกูมากนัก ประเดี๋ยวกูทนไม่ได้จะเอาเรื่องอีก" ดังนี้เป็นการสั่งฝากไปบอกผู้เสียหายในลักษณะพูดกันตัวต่อตัว โดยไม่ปรากฎว่าจำเลยได้กล่าวต่อบุคคลอื่นอีก จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ในความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณาตามมาตรา 393 เพราะมาตราดังกล่าวนี้มีความหมายถึงการดูหมิ่นในลักษณะการป่าวร้องให้รู้กันหลาย ๆ คน ฉะนั้น แม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
of 51