คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ พานิชอัตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 509 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ให้เลื่อนคดี ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความนำสืบพยาน
โจทก์ต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำและโจทก์จะติดต่อกับทนายหรือพยานก็ต้องอาศัยญาติเป็นผู้แทน วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทนายโจทก์ไปธุระจังหวัดอื่นไม่มีกำหนดกลับ หลักฐานดำเนินคดีอยู่ที่ทนายและยังติดต่อกันไม่ได้ด้วย โจทก์จึงขอเลื่อนคดีไป 2 เดือนเพื่อหาทนายใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนไป 14 วัน วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่ 2 ทนายใหม่ติดคดีที่ศาลอื่น จะมาดำเนินคดีให้โจทก์ได้ในวันที่ 1 เดือนต่อไป (อีก 16 วัน) และมีหนังสือของทนายส่งศาลเพื่อเป็นการยืนยันคำแถลงประกอบกับโจทก์ประสงค์จะให้ทนายซักถามพยานให้ดังนี้ เห็นว่าโจทก์ขอเลื่อนคดีไปด้วยความจำเป็นมีเหตุผลสมควรมิได้ประวิงคดี จึงอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ได้
คดีที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานสืบ จึงพิพากษายกฟ้องนั้น คำสั่งที่ไม่ให้เลื่อนคดีนี้ ศาลหาได้มีโอกาสฟังคำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงแห่งคดีนั้น เช่นนี้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 10 หาได้กำหนดห้ามไว้ไม่ คู่ความจึงอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกโดยบุตร ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
เรือนพิพาทเป็นของบิดามารดาจำเลย ตามปกติให้คนเช่าโจทก์ (บิดาจำเลย) มิได้อยู่เอง เมื่อมารดาจำเลยตาย จำเลยซึ่งเป็นบุตรก็ถือว่าตนมีส่วนได้รับมรดกด้วย จึงได้ใช้สิทธิเข้าครอบครองเรือนพิพาทที่ว่างอยู่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิเข้าครอบครองทรัพย์มรดก มิได้มีเจตนาบุกรุกอันจะเป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวการต้องมีมูลจากการที่ตัวแทนติดต่อหรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ 3
ความรับผิดของตัวการในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนกระทำไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 นั้น จะต้องเป็นเรื่องที่ตัวการตั้งตัวแทนให้ไปทำการติดต่อหรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ 3
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นตัวการร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทน เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกถ่านของจำเลยที่2 ได้ทำการติดต่อหรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลที่ 3 อันจะเข้าลักษณะเป็นตัวแทนแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการตัวแทนตามที่โจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินโดยไม่สุจริต & ข้อจำกัดการนำสืบพยานภายหลัง
เจ้าของที่ดินลงชื่อในใบมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความเพื่อให้ผู้รับมอบอำนาจไปทำกิจการอย่างอื่น แต่ผู้รับมอบกลับนำไปกรอกข้อความเป็นให้จำนอง ถ้าผู้รับจำนองได้ทำการรับจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เจ้าของที่ดินจะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นเหตุให้พ้นความรับผิดไม่ได้
ทนายความเขียนข้อความลงในด้านหลังนามบัตร แจ้งให้ผู้จำนองนำต้นเงินและดอกเบี้ยมาชำระภายในกำหนด 10 วันถือได้ว่าเป็นจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 721 แล้ว
คำให้การของจำเลยในตอนแรกว่า ใบมอบอำนาจปลอม จำเลยไม่ได้เซ็นใบมอบอำนาจนั้น ส่วนข้อความตอนหลังเป็นการเล่าเรื่องว่าจำเลยเคยเซ็นในใบมอบอำนาจฉบับหนึ่ง ซึ่งจำเลยจำไม่ได้ว่าเป็นฉบับเดียวกันกับที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่ คำให้การของจำเลยเช่นนี้ มีประเด็นนำสืบได้
ศาลสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเสร็จแล้ว จำเลยจะขออ้างพยานบุคคล ซึ่งควรจะอ้างเสียก่อนแล้วไม่อ้างย่อมทำให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสและการหย่า: การเพิกถอนทะเบียนสมรสไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ชายหญิงสมัครใจรักใคร่กัน และได้ยินยอมจดทะเบียนสมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต่อมาชายหญิงคู่นี้ผิดใจกัน เมื่อจะให้การสมรสขาดจากกัน จะต้องขอหย่า และให้คู่สมรสลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอจดทะเบียนการหย่า จะมาร้องขอให้ศาลเพิกถอนทะเบียนสมรสที่คู่สมรสได้จดทะเบียนสมรสไว้โดยชอบแล้วหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเจ็บป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นทหารกองเกินได้รับหมายเรียกให้ไปให้คณะกรรมการตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหาร ถึงวันคัดเลือกจำเลยป่วย จึงให้บิดาไปแจ้งต่อคณะกรรมการแทน ด้วยความเข้าใจผิดของบิดา ได้ไปแจ้งต่อสัสดีอำเภอโดยเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ควรรับแจ้ง แม้ความจริงจะปรากฏว่าสัสดีอำเภอมิใช่กรรมการคัดเลือกก็ตาม ก็ไม่ใช่ความผิดของจำเลยจึงเอาผิดแก่จำเลยฐานหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ว่าหนี้กู้ยืมเป็นหนี้จากการเล่นแชร์ ศาลอนุญาตให้สืบได้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเรียกเงินตามสัญญากู้ซึ่งผู้ร้องขัดทรัพย์จะต้องชำระให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องขัดทรัพย์สู้ว่าเป็นหนี้ในการเล่นแชร์ ไม่ใช่หนี้กู้ยืม และได้ชำระหนี้เสร็จแล้ว ผู้ร้องย่อมนำสืบถึงวิธีการเล่นแชร์และการชำระหนี้ในการเล่นแชร์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายฝากเรือนบนที่ดินเช่า: สิทธิของผู้ซื้อและนิติสัมพันธ์กับผู้ให้เช่า
เช่าที่ดินปลูกเรือน ต่อมาผู้เช่าได้ขายฝากเรือนแม้ผู้ให้เช่าทำหนังสือยินยอมในการขายฝาก เรือนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ซื้อ ผู้เช่าออกจากเรือนไปผู้ซื้อเข้าอยู่แทนและได้ชำระค่าเช่าให้ผู้ให้เช่าแต่ผู้ให้เช่ายังคงออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าให้ในนามของผู้เช่าคนเดิมเช่นนี้ ถือว่าผู้ซื้อยังไม่มีนิติสัมพันธ์กับผู้ให้เช่าที่ดิน ผู้ซื้อจะอ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงชำระหนี้โดยปริยายและการบอกเลิกสัญญา
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกัน โดยผู้ซื้อผ่อนส่งชำระราคาเป็นงวดๆผู้ขายได้ไปเก็บเงินจากผู้ซื้อ ณ ที่ทำงานของผู้ซื้อมา 7 งวดแล้ว พฤติการณ์เช่นนี้ แสดงว่าได้ตกลงกันโดยปริยาย ให้ชำระเงิน ณ ที่อื่นซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา324 ต่อจากงวดที่ 7 แล้ว ผู้ขายมิได้ไปเก็บเงินดังเช่นเคยปฏิบัติมาดังนี้ ผู้ขายจะถือว่าโจทก์ผิดนัดไม่ชำระหนี้ และใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: เมื่อจำเลยรื้อถอนตามคำบังคับแล้ว โจทก์ไม่ติดใจฟ้องร้อง ศาลยกคำร้อง
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยปฏิบัติคำบังคับเพียงบางส่วน ยังไม่ได้รื้อสิ่งปลูกสร้างบางอย่างออกไปขอให้เรียกจำเลยมาสอบถามเพื่อบังคับคดีต่อไป จำเลยแก้ว่าสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวนั้นจำเลยปลูกขึ้นใหม่โดยได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดโจทก์ และต่อมาได้สอบเขตแล้วปรากฏว่าวัดโจทก์รุกล้ำที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่จำเลยเช่ามา ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานบางส่วนแล้วสั่งงดสืบพยานและเห็นว่าสิ่งปลูกสร้างของจำเลยยังอยู่ในที่ดินโจทก์ให้เรียกจำเลยมาสอบถามในการที่ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วสั่งใหม่ โจทก์ฎีกาว่า (ในระหว่างอุทธรณ์) จำเลยได้ปฏิบัติตามคำบังคับแล้ว ไม่มีประโยชน์ในการที่จะไต่สวนต่อไปดังนี้ศาลฎีกาย่อมพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้ยกคำร้องโจทก์เสีย
of 51