พบผลลัพธ์ทั้งหมด 509 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเคลือบคลุมของฟ้อง: สิทธิจำนอง vs. ประนีประนอมยอมความ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องไม่เคลือบคลุมเพราะเสนอสิทธิทั้งสอง
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของการไฟฟ้าทำให้เกิดไฟรั่วช็อตผู้เสียหาย จำเลยต้องรับผิด
การที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าของจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจตราดูแล ปล่อยให้ไม้คอนพาดสายไฟแรงสูงผุหักจนสายไฟแรงสูงหลุดจากคอนตกลงมาปะทะสายไปแรงต่ำกระแสไฟแรงสูงจึงรั่วไหลไปตามสายไฟแรงต่ำเข้าสู้บ้านของโจทก์ ไฟจึง+ลุกขึ้นนั้น หากโจทก์เข้าไปชะโงกดูเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ร้ายเฉพาะหน้าซึ่งเกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วนเป็นเหตุให้โจทก์ถูกไฟฟ้าช๊อตดูดเอามีบาดแผลไหม้หลายแห่งแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของการไฟฟ้าทำให้เกิดไฟช็อต ผู้เสียหายไม่ต้องรับผิดจากการพยายามแก้ไขเหตุร้ายเฉพาะหน้า
การที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าของจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจตราดูแลปล่อยให้ไม้คอนพาดสายไฟแรงสูงผุหักจนสายไฟแรงสูงหลุดจากคอนตกลงมาปะทะสายไฟแรงต่ำ กระแสไฟแรงสูงจึงรั่วไหลไปตามสายไฟแรงต่ำเข้าสู่บ้านของโจทก์ ไฟจึงช็อตลุกขึ้นนั้นหากโจทก์เข้าไปชะโงกดูเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ร้ายเฉพาะหน้าซึ่งเกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วน เป็นเหตุให้โจทก์ถูกไฟฟ้าช็อตดูดเอามีบาดแผลไหม้หลายแห่งแล้ว จำเลยก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีประกันภัยที่ยังไม่ชอบ เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณาพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายอย่างครบถ้วน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร บ.เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฎว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้าง จ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่า บริษัท จ.พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า Non Delivery ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดบริษัท จ.ก็ได้ยินยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า Non Delivery ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยาน โจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ.ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ.ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า Non Delivery ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่า ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคาร บ.จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดประกันภัย: การพิสูจน์ผู้รับพัสดุและข้อตกลงการส่งมอบสินค้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร น. เพื่อส่งต่อ และเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฏว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้างจ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่าบริษัท จ. พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า NON-DELIVERY ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิดจำเลยก็ไม่ต้องรับผิด บริษัท จ. ก็ได้ยืนยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์ภัณฑ์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าพัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า NON-DELIVERY ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ. ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ. ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า NON-DELIVERY ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่าในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคารน. จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ตกเป็นโมฆะเนื่องจากเจตนาลวงและบุคคลภายนอกไม่สุจริต
ผู้ร้องสอดจำนองเรือยนต์ไว้กับโจทก์ตามสัญญาหมาย จ.1 ต่อมาผู้ร้องสอดโอนเรือนี้ให้แก่จำเลย เพื่อหลบเจ้าหนี้ของผู้ร้องสอดโดยรู้กับจำเลย แล้วให้จำเลยทำสัญญาจำนองเรือนั้นกับโจทก์ใหม่เท่าจำนวนหนี้ตามสัญญาจำนองเดิม การจำนองครั้งหลังนี้ไม่มีการรับเงิน แต่ถือเอาเงินที่ผู้ร้องสอดจะต้องชำระตามสัญญาจำนองหมาย จ.1 มาเป็นเงินรับจำนองตามสัญญาหมาย จ.2 โดยโจทก์ก็ทราบว่าผู้ร้องสอดโอนเรือพิพาทให้แก่จำเลยเพื่อหลบเจ้าหนี้ ส่วนสัญญาจำนองหมาย จ.1 ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนไถ่ถอน ดังนี้ เห็นได้ว่าเจตนาของผู้ร้องสอดในการโอนเรือให้แก่จำเลยเป็นเจตนาลวงด้วยสมรู้กับจำนอง จึงตกเป็นโมฆะ จำนองไม่มีสิทธิในเรือตลอดทั้งไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาจำนองเรือกับโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริต เพราะทราบเจตนาลวงของผู้ร้องสอดนั้นอยู่แล้ว จึงฟ้องบังคับจำนองตามสัญญาหมาย จ.2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ตกเป็นโมฆะเนื่องจากเจตนาลวงและบุคคลภายนอกไม่สุจริต ทำให้สัญญาจำนองไม่มีผลบังคับใช้
ผู้ร้องสอดจำนองเรือยนต์ไว้กับโจทก์ตามสัญญาหมายจ.1ต่อมาผู้ร้องสอดโอนเรือนี้ให้แก่จำเลยเพื่อหลบเจ้าหนี้ของผู้ร้องสอดโดยสมรู้กับจำเลย แล้วให้จำเลยทำสัญญาจำนองเรือนั้นกับโจทก์ใหม่เท่าจำนวนหนี้ตามสัญญาจำนองเดิม การจำนองครั้งหลังนี้ไม่มีการรับเงิน แต่ถือเอาเงินที่ผู้ร้องสอดจะต้องชำระตามสัญญาจำนองหมายจ.1 มาเป็นเงินรับจำนองตามสัญญาหมายจ.2 โดยโจทก์ก็ทราบว่าผู้ร้องสอดโอนเรือพิพาทให้แก่จำเลยเพื่อหลบเจ้าหนี้ ส่วนสัญญาจำนองหมายจ.1 ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนไถ่ถอน ดังนี้ เห็นได้ว่าเจตนาของผู้ร้องสอดในการโอนเรือให้แก่จำเลยเป็นเจตนาลวงด้วยสมรู้กับจำเลย จึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่มีสิทธิในเรือตลอดทั้งไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาจำนองเรือกับโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยไม่สุจริตเพราะทราบเจตนาลวงของผู้ร้องสอดนั้นอยู่แล้ว จึงฟ้องบังคับจำนองตามสัญญาหมายจ.2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก: ทายาทถูกตัดสิทธิมิให้รับมรดก ย่อมไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้ได้
อายุความที่ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นั้น ผู้ที่จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่เฉพาะทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกด้วยเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นน้องของเจ้ามรดกถูกโจทก์ซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดกตัดมิให้จำเลยรับมรดกเสียแล้ว จำเลยจึงย่อมยกอายุความมรดกดังกล่าวขึ้นต่อสู้กับโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดกและการตัดมรดก: สิทธิในการยกอายุความเฉพาะทายาทผู้มีสิทธิเท่านั้น
อายุความที่ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนั้น ผู้ที่จะยกขึ้นต่อสู้ได้ก็แต่เฉพาะทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกด้วยเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นน้องของเจ้ามรดก ถูกโจทก์ซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดกตัดมิให้จำเลยรับมรดกเสียแล้ว จำเลยจึงย่อมยกอายุความมรดกดังกล่าวขึ้นต่อสู้กับโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์นัดฟังคำแถลงการณ์ใหม่และการตัดสินคดีโดยองค์คณะใหม่
เมื่อผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คณะหนึ่งได้นั่งฟังคำแถลงการณ์ด้วยวาจาของคู่ความครั้งหนึ่งแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ยังมีอำนาจนัดฟังคำแถลงการณ์ใหม่ เพื่อแก้ข้อขัดข้องในการดำเนินกระบวนพิจารณาได้ เมื่อได้นัดใหม่แล้วคู่ความมิได้มาแถลง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คณะใหม่ก็ชอบที่จะปรึกษาและตัดสินคดีไปได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183