คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ พานิชอัตรา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 509 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย แม้ถูกบังคับด้วยคำพิพากษา ก็มีสิทธิเรียกคืนได้
จำเลยเคยฟ้องโจทก์ขอให้ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญาจำนองโจทก์ต่อสู้ว่าจำเลยนำดอกเบี้ยที่เกินอัตราตามกฎหมายมารวมกับต้นเงินด้วยศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินเต็มตามสัญญาจำนอง โจทก์อุทธรณ์ และขอทุเลาการบังคับคดีแต่ก่อนศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเรื่องการทุเลาการบังคับคดี จำเลยได้ขอให้ยึดทรัพย์ของโจทก์ขายทอดตลาดเพื่อชำระต้นเงินที่โจทก์มิได้โต้แย้งโจทก์จึงได้ไถ่ถอนการจำนอง (รวมทั้งดอกเบี้ยที่อ้างว่าเกินอัตราตามกฎหมายด้วย) ต่อมาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีและให้ยกคำพิพากษาศาลแพ่งให้สืบพยานต่อไปจำเลยจึงขอถอนฟ้อศาลอนุญาต คำสั่งนั้นถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเรียกดอกเบี้ยที่เกินอัตราคืนดังนี้ จะถือว่าโจทก์กระทำการเพื่อชำระหนี้เป็นการอันฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือทำการชำระดอกเบี้ยนั้นไปตามอำเภอใจดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 411 และ 407 บัญญัติไว้มิได้เพราะโจทก์ต้องชำระดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไป เพราะผลบังคับของคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการบังคับของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ามีกำหนดเวลา สิ้นสุดเมื่อครบกำหนด ไม่ต้องบอกเลิก
ทำสัญญาเช่าที่ดินมีกำหนด 10 ปี ถือว่าเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดแน่นอนและเมื่อครบกำหนดเวลาสิ้นสุดตามสัญญาเช่าเช่นนี้ สัญญาเช่านั้นย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564 โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ามีกำหนดเวลา สิ้นสุดเมื่อครบกำหนด ไม่ต้องบอกเลิก
ทำสัญญาเช่าที่ดินมีกำหนด 10 ปี ถือว่าเป็นสัญญาที่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดแน่นอน และเมื่อครบกำหนดเวลาสิ้นสุดตามสัญญาเช่า เช่นนี้ สัญญาเช่านั้นย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 564 โดยมิพักต้องบอกกล่าวก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินของภริยาโดยไม่ผูกพันสินบริคณห์ และสิทธิยึดทรัพย์สินสมรสเพื่อชำระหนี้
การที่ภริยาไปกู้ยืมเงินบุคคลภายนอกมิได้เป็นนิติกรรมที่ภริยาทำขึ้นผูกพันสินบริคณห์โดยเฉพาะ เพราะไม่ได้เป็นนิติกรรมในการจัดการหรือจำหน่ายสินบริคณห์ แต่เป็นนิติกรรมเกี่ยวกับหนี้เงินจึงไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะบังคับตาม ป.พ.พ.มาตรา 38 และ 138 แม้สามีจะบอกล้างแล้ว ภริยาก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามมาตรา 37 และ 1479
เมื่อปรากฏว่าทรัพย์รายพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย และจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์ก็มีสิทธิยึดได้ ผู้ร้องจะมาร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ปล่อยทรัพย์ไม่ได้ ถ้าหากผู้ร้องถือว่าคนเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์พิพาท ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้กันส่วนได้ของตนออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส-การบอกล้างนิติกรรมกู้ยืม-สิทธิยึดทรัพย์-การกันส่วนของสินสมรส
การที่ภริยาไปกู้ยืมเงินบุคคลภายนอกมิได้เป็นนิติกรรมที่ภริยาทำขึ้นผูกพันสินบริคณห์โดยเฉพาะเพราะไม่ได้เป็นนิติกรรมในการจัดการหรือจำหน่ายสินบริคณห์ แต่เป็นนิติกรรมเกี่ยวกับหนี้เงิน จึงไม่ต้องด้วยลักษณะที่จะบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 และ 138 แม้สามีจะบอกล้างแล้ว ภริยาก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามมาตรา 37 และ 1479
เมื่อปรากฏว่า ทรัพย์รายพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย และจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาโจทก์ก็มีสิทธิยึดได้ ผู้ร้องจะมาร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ปล่อยทรัพย์ไม่ได้ ถ้าหากผู้ร้องถือว่าตนเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์พิพาท ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้กันส่วนได้ของตนออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา: การพิจารณาความต่อเนื่องของกรรมและการกระทำต่อบุคคลหลายราย
จำเลยเห็นนายแก้วหาเห็ดอยู่กับนางทา จำเลยมีความหึงหวงจึงใช้มีดเข้าไปฟันนายแก้วก่อน นายแก้วต่อสู้ป้องกันตัว
จำเลยฟันนายแก้ว 2-3 ที นางทาจึงเข้าช่วยป้องกันนายแก้วจำเลยแทงนางทาจนนางทาถึงแก่ความตาย แล้วไล่ทำร้ายนายแก้วถึงแก่ความตายอีกดังนี้ ไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายทั้งสองโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
การที่จำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำคนละกรรมเพราะจำเลยกระทำต่อบุคคลทั้ง 2 โดยฟันแทงคนละที ไม่ใช่ฟันหรือแทงครั้งเดียวแต่เกิดผลทำให้คนถูกทำร้ายถึง 2 คนแต่การกระทำของจำเลยต่อนายแก้วตั้งแต่ฟันนายแก้วแล้วนางทาเข้ามาขัดขวาง และในที่สุดจำเลยวิ่งไล่ตามไปฟันนายแก้วอีกจนนายแก้วถึงแก่ความตายนั้นเป็นการกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกันพฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาต่างกรรมต่างวาระกันกรณีจึงเข้ามาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา: การพิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำและจำนวนกรรม
จำเลยเห็นนายแก้วหาเห็ดอยู่กับนางทา จำเลยมีความหึงหวงจึงใช้มีดเข้าไปฟันนายแก้วก่อน นายแก้วต่อสู้ป้องกันตัว จำเลยฟันนายแก้ว 2-3 ที นางทาจึงเข้าช่วยป้องกันนายแก้ว จำเลยแทงนางทาจนนางทาถึงแก่ความตาย แล้วไล่ทำร้ายนายแก้วถึงแก่ความตายอีก ดังนี้ ไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายทั้งสองโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
การที่จำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำคนละกรรม เพราะจำเลยกระทำต่อบุคคลทั้ง 2 โดยฟันแทงคนละที ไม่ใช่ฟันหรือแทงครั้งเดียว แต่เกิดผลทำให้คนถูกทำร้ายถึง 2 คน แต่การกระทำของจำเลยต่อนายแก้วตั้งแต่ฟันนายแก้ว แล้วนางทาเข้ามาขัดขวาง และในที่สุดจำเลยวิ่งไล่ตามไปฟันนายแก้วอีก จนนายแก้วถึงแก่ความตายนั้น เป็นการกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกัน พฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลยทำร้ายนายแก้วและนางทาต่างกรรมต่างวาระกัน กรณีจึงเข้ามาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องทางจำเป็น: เฉพาะเจ้าของที่ดินเท่านั้นจึงมีสิทธิฟ้องได้
เรื่องทางจำเป็นนั้น กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าของที่ดินที่ถูกปิดล้อมโดยเฉพาะ ดังนั้น เจ้าของที่ดินเท่านั้นจะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น
ที่ดินของม.ที่โจทก์ปลูกเรือนอยู่อาศัยจดทางสาธารณะแต่ ม. ปลูกห้องแถวกั้นเสีย จึงเข้าออกทางนี้ไม่ได้เช่นนี้ จะถือว่าที่ดินของ ม. ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่นและมาร้องขอให้ศาลบังคับเจ้าของที่ดินให้เปิดทางจำเป็นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องทางจำเป็น: เจ้าของที่ดินเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องร้อง
เรื่องทางจำเป็นนั้น กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าของที่ดินที่ถูกปิดล้อมโดยเฉพาะ ดังนั้น เจ้าของที่ดินเท่านั้นจะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น
ที่ดินของ ม.ที่โจทก์ปลูกเรือนอยู่อาศัยจดทางสาธารณะ แต่ ม.ปลูกห้องแถวกั้นเสีย จึงเข้าออกทางนี้ไม่ได้ เช่นนี้ จะถือว่าที่ดินของ ม.ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินแปลงอื่น และมาร้องขอให้ศาลบังคับเจ้าของที่ดินให้เปิดทางจำเป็นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนการขายฝาก: ผลของการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้สิทธิไถ่ถอนสิ้นสุด
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝาก และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับไถ่การขายฝาก โดยให้นำเงินสินไถ่มาวางศาลเพื่อชำระแก่จำเลยภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันพิพากษา เมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ต่อมาได้ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ผิดนัดไม่นำเงินสินไถ่มาวางศาลภายในกำหนดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป เพราะทรัพย์ที่ขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย โจทก์หมดสิทธิที่จะไถ่ถอนคืนแล้ว ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาของจำเลย 3 ใน 4 พร้อมด้วยคาตัดสินและค่าคำบังคับ.
of 51