พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนอง, หนังสือมอบอำนาจ, และระยะเวลาชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แม้ขณะมอบอำนาจโจทก์จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่หนังสือมอบอำนาจ ระบุว่าทำที่กรุงเทพมหานครก็ตามก็เป็นเรื่องสถานที่มอบอำนาจคลาดเคลื่อน ไปเท่านั้นยังไม่พอฟังว่าโจทก์มิได้ทำหนังสือมอบอำนาจ
ทนายโจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองถึงจำเลยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับตามตำบลที่อยู่ที่เป็นบ้านของจำเลยซึ่งระบุไว้ในสัญญา จำนอง และสามีจำเลยได้ลงชื่อรับไว้แล้วนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือ บอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนอง 100,000 บาทกับ ดอกเบี้ยภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ แต่จำเลยก็มิได้ชำระโจทก์ จึงนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่จำเลยรับหนังสือ 27 วัน ประกอบกับจำเลย ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเป็นเวลาปีเศษ ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลย ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรแล้ว
ทนายโจทก์ส่งหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองถึงจำเลยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับตามตำบลที่อยู่ที่เป็นบ้านของจำเลยซึ่งระบุไว้ในสัญญา จำนอง และสามีจำเลยได้ลงชื่อรับไว้แล้วนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งหนังสือ บอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้จำนอง 100,000 บาทกับ ดอกเบี้ยภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ แต่จำเลยก็มิได้ชำระโจทก์ จึงนำคดีมาฟ้องหลังจากวันที่จำเลยรับหนังสือ 27 วัน ประกอบกับจำเลย ผิดนัดไม่ชำระดอกเบี้ยเป็นเวลาปีเศษ ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลย ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันที่แท้จริงเป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ค้ำประกัน แม้จะมีสำเนาปลอม
จำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอซื้อเชื้อน้ำมันจากโจทก์ โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อแต่ต้องมีธนาคารค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ออกหนังสือค้ำประกันชำระราคาค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์และมอบให้ บ.รับไป ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันมีลายมือชื่อผู้ค้ำประกันปลอมไปมอบให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าเป็นหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงของจำเลยที่ 2 จึงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อน้ำมันไป ต่อมา บ.นำหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงไปคืนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สอบถามไปยังโจทก์ โจทก์แจ้งว่าหนังสือค้ำประกันของจำเลยอยู่ที่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ชำระราคาน้ำมัน โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวมาในฟ้องแจ้งชัดขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันฉบับที่แท้จริง จำเลยที่ 2 ก็รับว่าได้ออกหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแก่โจทก์ทั้งโจทก์ยังได้อ้างส่งหนังสือค้ำประกันฉบับนั้นเป็นพยานต่อศาลในชั้นพิจารณาด้วย แม้โจทก์จะคัดสำเนาหนังสือค้ำประกันฉบับที่จำเลยที่ 1 นำมามอบแก่โจทก์อันเป็นสัญญาค้ำประกันปลอม ซึ่งมีข้อความตรงกันกับหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแนบมาท้ายฟ้อง ก็หามีผลให้เข้าใจว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันปลอมไม่ ถือได้ว่าการฟ้องคดีของโจทก์มีหลักฐานการค้ำประกันเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 680 วรรคท้ายแล้ว
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า"ตามที่นายป๊วยเคี้ยว แซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า "หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัทฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า"ตามที่นายป๊วยเคี้ยว แซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า "หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัทฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันที่แท้จริงเป็นหลัก แม้มีฉบับปลอม ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอซื้อเชื่อน้ำมันจากโจทก์ โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อแต่ต้องมีธนาคารค้ำประกันจำเลยที่ 2 ออกหนังสือค้ำประกันการชำระราคาค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์และมอบให้ บ. รับไป ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันมีลายมือชื่อผู้ค้ำประกันปลอมไปมอบให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าเป็นหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงของจำเลยที่ 2 จึงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อน้ำมันไปต่อมา บ. นำหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงไปคืนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สอบถามไปยังโจทก์ โจทก์แจ้งว่าหนังสือค้ำประกันของจำเลยยังอยู่ที่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ชำระราคาน้ำมัน โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวมาในฟ้องแจ้งชัดขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันฉบับที่แท้จริง จำเลยที่ 2 ก็รับว่าได้ออกหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริง แก่โจทก์ทั้งโจทก์ยังได้อ้างส่งหนังสือค้ำประกันฉบับนั้นเป็นพยานต่อศาลในชั้นพิจารณาด้วย แม้โจทก์จะคัดสำเนาหนังสือค้ำประกันฉบับที่จำเลยที่ 1 นำมามอบแก่โจทก์อันเป็นสัญญาค้ำประกันปลอม ซึ่งมีข้อความตรงกันกับหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแนบมาท้ายฟ้อง ก็หามีผลให้เข้าใจว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันปลอมไม่ถือได้ว่าการฟ้องคดีของโจทก์มีหลักฐานการค้ำประกันเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680วรรคท้ายแล้ว
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า "ตามที่นายป๊วยเคี้ยวแซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า"หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัท ฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า "ตามที่นายป๊วยเคี้ยวแซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า"หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัท ฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374-375/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกเงินเกินบัญชี, ผิดนัดชำระหนี้, การบอกกล่าวบังคับจำนอง: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี 300,000 บาท กำหนดชำระภายใน 6 เดือนเป็นเรื่องของสัญญาบัญชีเดินสะพัด ลูกหนี้เบิกเงินเกิน 300,000 บาท และเกินเวลา 6 เดือน ก็ยังคงให้บัญชีเดินสะพัดเดินอยู่ต่อไป ยังไม่ผิดนัดจนกว่าจะหักทอนบัญชีเรียกให้ชำระเงินคงเหลือต้องเสียดอกเบี้ยทบต้นทุกเดือน
หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองส่งทางไปรษณีย์ถึงผู้จำนอง ณ ภูมิลำเนาแต่ผู้รับไม่ยอมรับ แสดงว่ามีผู้รับแต่ไม่ยอมรับแทน เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับคำบอกกล่าวโฆษณาทางหนังสือพิมพ์จะแพร่หลายหรือไม่ไม่สำคัญ ถือเป็นการมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้ว
หนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองส่งทางไปรษณีย์ถึงผู้จำนอง ณ ภูมิลำเนาแต่ผู้รับไม่ยอมรับ แสดงว่ามีผู้รับแต่ไม่ยอมรับแทน เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับคำบอกกล่าวโฆษณาทางหนังสือพิมพ์จะแพร่หลายหรือไม่ไม่สำคัญ ถือเป็นการมีจดหมายบอกกล่าวบังคับจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับเป็นผู้รับแทน และไม่มีหลักฐานมอบอำนาจเป็นหนังสือ
ผู้จำนองย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด ทนายความของเจ้าหนี้ส่งหนังสือแจ้งการบังคับจำนองไปยังผู้จำนองตามภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ มีผู้ลงชื่อรับแทน เวลามากรุงเทพฯ ทุกครั้งผู้จำนองพักที่ภูมิลำเนาเดิมซึ่งครอบครัวมิได้ย้ายไปที่อื่น ฟังได้ว่าผู้จำนองได้ทราบคำบอกกล่าวแล้ว แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความทำหนังสือบอกกล่าว ผู้รับจำนองให้สัตยาบันตาม มาตรา 823 แล้ว การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทวงถามหนี้โดยการส่งหนังสือทางไปรษณีย์มีผลเมื่อถึงมือผู้รับ
หนังสือทวงถามให้ชำระเงินกู้ส่งทางไปรษณีย์มีผู้เซ็นรับมีผลเป็นการทวงถามตั้งแต่เวลาที่ไปถึง คือเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์นำส่งถึงสถานที่อยู่ของผู้กู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยอัคคีภัย: การตีราคาความเสียหาย, สิทธิผู้รับประกันภัยรายแรก, และข้อยกเว้น
อ. เอาประกันภัยอาคารโรงงานซึ่งระหว่างก่อสร้างและวัตถุดิบไว้กับจำเลย โดยยกประโยชน์ตามกรมธรรม์ให้โจทก์ มีเงื่อนไขตามกรมธรรม์ว่า ถ้าการค้าหรือการอุตสาหกรรมที่ผู้เอาประกันดำเนินอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เพิ่มการเสี่ยงวินาศภัย ผู้เอาประกันต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยก่อนวินาศภัยเกิดขึ้น มิฉะนั้นสัญญาประกันภัยระงับทันที และมีข้อตกลงว่า อัตราดอกเบี้ยประกันจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ขึ้นเมื่อก่อสร้างโรงงานเสร็จ ดังนี้ การที่จำเลยได้เรียกให้อ. ชำระเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเมื่อก่อสร้างโรงงานเสร็จและเริ่มเดิมเครื่องจักรทำการผลิต เจตนาของจำเลยเป็นเพียงการใช้สิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น หาเกี่ยวกับปัญหาที่ว่าการเดินเครื่องจักรทำการผลิตเป็นเหตุให้เสี่ยงต่อวินาศภัยเพิ่มขึ้นโดยละเมิดเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัยไม่
เมื่อจำเลยเรียกให้ อ. ชำระเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้นอ.มีหนังสือตอบจำเลยมีใจความว่าขอส่งคืนกรมธรรม์เนื่องจากอ. ได้เอาประกันภัยวัตถุดิบไว้กับบริษัทอื่นแล้ว อ. ประสงค์จะเอาประกันเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ซึ่งยังมิได้เอาประกันไว้ เงินเอาประกันเครื่องจักรขอให้เป็นไปตามเดิม ดังนี้ เจตนาของ อ. มีความหมายเป็นคำเสนอเพื่อเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์เดิม โดยจะเอาประกันภัยเครื่องจักรแทนวัตถุดิบ ซึ่งได้ย้ายไปเอาประกันไว้กับบริษัทอื่น หาเป็นการบอกเลิกสัญญาไม่ และการที่ อ. แสดงเจตนาตามคำเสนอต่อจำเลยซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง ย่อมตกเป็นอันไร้ผลเมื่อเกิดอุบัติเหตุอัคคีภัยเสียก่อนที่หนังสือ อ. จะไปถึงบริษัทจำเลย กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดิมจึงยังมีผลผูกพันจำเลย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 877 สันนิษฐานให้เป็นคุณแก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยถูกวินาศภัยไปทั้งหมด ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะเรียกร้องเอาชดใช้ค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เอาประกัน เว้นแต่ผู้รับประกันภัยพิสูจน์หักล้างได้ว่าความเสียหายของทรัพย์สินต่ำกว่าจำนวนเงินที่เอาประกัน
อ. เอาประกันภัยวัตถุดิบไว้กับจำเลย แล้วนำวัตถุดิบนั้นไปประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นอีก แม้เมื่อเกิดความเสียหายจากอัคคีภัยขึ้น อ.ได้ยอมรับค่าเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยอื่นนั้นไปบางส่วนแล้วก็ไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิหน้าที่ของจำเลย ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 871 และจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยคนแรกจะต้องรับผิดเมื่อความวินาศภัยก่อน ซึ่งต้องรับผิดมากกว่าผู้รับประกันภัยคนหนึ่ง ตามมาตรา 870 วรรคท้ายจำเลยจึงต้องรับผิดในจำนวนวินาศภัยจริงที่ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้
เครื่องปรับอากาศทำความเย็นซึ่งติดตั้งอยู่ที่ผนังด้านนอกของอาคารที่เอาประกันภัย เป็นเพียงเครื่องอุปกรณ์ หาใช่ส่วนควบของอาคารไม่ เมื่อเกิดอัคคีภัยไหม้อาคารและเครื่องปรับอากาศก็ไป ผู้เอาประกันภัยจะเรียกเอาชดใช้ค่าเสียหายในส่วนเครื่องปรับอากาศไม่ได้
เมื่อจำเลยเรียกให้ อ. ชำระเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้นอ.มีหนังสือตอบจำเลยมีใจความว่าขอส่งคืนกรมธรรม์เนื่องจากอ. ได้เอาประกันภัยวัตถุดิบไว้กับบริษัทอื่นแล้ว อ. ประสงค์จะเอาประกันเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ซึ่งยังมิได้เอาประกันไว้ เงินเอาประกันเครื่องจักรขอให้เป็นไปตามเดิม ดังนี้ เจตนาของ อ. มีความหมายเป็นคำเสนอเพื่อเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์เดิม โดยจะเอาประกันภัยเครื่องจักรแทนวัตถุดิบ ซึ่งได้ย้ายไปเอาประกันไว้กับบริษัทอื่น หาเป็นการบอกเลิกสัญญาไม่ และการที่ อ. แสดงเจตนาตามคำเสนอต่อจำเลยซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง ย่อมตกเป็นอันไร้ผลเมื่อเกิดอุบัติเหตุอัคคีภัยเสียก่อนที่หนังสือ อ. จะไปถึงบริษัทจำเลย กรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดิมจึงยังมีผลผูกพันจำเลย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 877 สันนิษฐานให้เป็นคุณแก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยถูกวินาศภัยไปทั้งหมด ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะเรียกร้องเอาชดใช้ค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เอาประกัน เว้นแต่ผู้รับประกันภัยพิสูจน์หักล้างได้ว่าความเสียหายของทรัพย์สินต่ำกว่าจำนวนเงินที่เอาประกัน
อ. เอาประกันภัยวัตถุดิบไว้กับจำเลย แล้วนำวัตถุดิบนั้นไปประกันภัยไว้กับบริษัทอื่นอีก แม้เมื่อเกิดความเสียหายจากอัคคีภัยขึ้น อ.ได้ยอมรับค่าเสียหายจากบริษัทรับประกันภัยอื่นนั้นไปบางส่วนแล้วก็ไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิหน้าที่ของจำเลย ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 871 และจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยคนแรกจะต้องรับผิดเมื่อความวินาศภัยก่อน ซึ่งต้องรับผิดมากกว่าผู้รับประกันภัยคนหนึ่ง ตามมาตรา 870 วรรคท้ายจำเลยจึงต้องรับผิดในจำนวนวินาศภัยจริงที่ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้
เครื่องปรับอากาศทำความเย็นซึ่งติดตั้งอยู่ที่ผนังด้านนอกของอาคารที่เอาประกันภัย เป็นเพียงเครื่องอุปกรณ์ หาใช่ส่วนควบของอาคารไม่ เมื่อเกิดอัคคีภัยไหม้อาคารและเครื่องปรับอากาศก็ไป ผู้เอาประกันภัยจะเรียกเอาชดใช้ค่าเสียหายในส่วนเครื่องปรับอากาศไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429-1430/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนการขายฝากที่ไม่มีกำหนดเวลาไถ่ และสิทธิในการครอบครองห้องพิพาทหลังใช้สิทธิไถ่
โจทก์ขายฝากห้องพิพาทโดยไม่มีกำหนดเวลาไถ่ โจทก์จึงมีสิทธิขอไถ่ได้ภายในกำหนด 10 ปี และที่โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อฝากไปที่ว่าการอำเภอตามวันเวลาที่กำหนดเพื่อไถ่ถอนการขายฝาก ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน จำเลยได้รับแล้ว แม้จะคืนหนังสือนั้นไปก็ฟังว่าจำเลยได้ทราบการขอไถ่ และถือว่าโจทก์ใช้สิทธิไถ่คืนโดยชอบแล้ว
การที่จำเลยผู้ซื้อฝากให้โจทก์ผู้ขายฝากเช่าห้องพิพาท และต่อมาไม่ยอมให้โจทก์ไถ่คืน โจทก์ย่อมไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่ไม่ยอมออกจากห้องพิพาทที่เช่านั้นนับแต่วันที่โจทก์ใช้สิทธิไถ่คืนโดยชอบแล้ว
การที่จำเลยผู้ซื้อฝากให้โจทก์ผู้ขายฝากเช่าห้องพิพาท และต่อมาไม่ยอมให้โจทก์ไถ่คืน โจทก์ย่อมไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่ไม่ยอมออกจากห้องพิพาทที่เช่านั้นนับแต่วันที่โจทก์ใช้สิทธิไถ่คืนโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1429-1430/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่คืนการขายฝากที่ไม่มีกำหนดเวลา และข้อยกเว้นค่าเสียหายจากการครอบครอง
โจทก์ขายฝากห้องพิพาทโดยไม่มีกำหนดเวลาไถ่ โจทก์จึงมีสิทธิขอไถ่ได้ภายในกำหนด 10 ปี และที่โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อฝากไปที่ว่าการอำเภอตามวันเวลาที่กำหนดเพื่อไถ่ถอนการขายฝาก ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน จำเลยได้รับแล้ว แม้จะคืนหนังสือนั้นไปก็ฟังว่าจำเลยได้ทราบการขอไถ่ และถือว่าโจทก์ใช้สิทธิไถ่คืนโดยชอบแล้ว
การที่จำเลยผู้ซื้อฝากให้โจทก์ผู้ขายฝากเช่าห้องพิพาทและต่อมาไม่ยอมให้โจทก์ไถ่คืน โจทก์ย่อมไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหาย ที่ไม่ยอมออกจากห้องพิพาทที่เช่านั้นนับแต่วันที่โจทก์ใช้สิทธิไถ่คืนโดยชอบแล้ว
การที่จำเลยผู้ซื้อฝากให้โจทก์ผู้ขายฝากเช่าห้องพิพาทและต่อมาไม่ยอมให้โจทก์ไถ่คืน โจทก์ย่อมไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหาย ที่ไม่ยอมออกจากห้องพิพาทที่เช่านั้นนับแต่วันที่โจทก์ใช้สิทธิไถ่คืนโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1213/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าต่ออายุหลังการเสียชีวิตของผู้ให้เช่า ไม่ผูกพันทายาท หากไม่มีการสนองรับก่อน
หนังสือสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับนาย จ. ข้อ 5 ที่มีข้อความว่า เมื่อครบอายุสัญญาเช่าแล้ว ผู้ให้เช่ายินยอมจดทะเบียนต่ออายุสัญญาเช่าให้แก่ผู้เช่าอีกสิบปีตามสัญญาเดิม เป็นแต่เพียงคำมั่นของนาย จ. ว่าจะให้โจทก์เช่าต่อไปเท่านั้นยังมิได้ก่อให้เกิดสัญญาแม้สัญญาเช่าเดิมจะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนไว้ คำมั่นนี้ก็ไม่มีผลผูกพันนาย จ.เพราะโจทก์ไม่ได้สนองรับก่อนนาย จ. ตาย และเมื่อโจทก์ได้รู้อยู่แล้วว่านาย จ.ตายก่อนสัญญาเช่าจะครบกำหนดสิบปี กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 360 ซึ่งบัญญัติมิให้นำบทบัญญัติมาตรา 130 วรรคสอง มาใช้บังคับคำมั่นของนาย จ.ย่อมไม่มีผลบังคับ ไม่ผูกพันจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกที่ดินส่วนที่โจทก์เช่าให้ต้องปฏิบัติตาม โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่จดทะเบียนต่ออายุสัญญาเช่าให้โจทก์อีกสิบปีไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3,4/2517)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3,4/2517)