คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มณี ชุติวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน: การโอนกรรมสิทธิ์และการมีกรรมสิทธิ์
สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันไม่ได้ เว้นแต่จะอาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305
แม้จำเลยจะได้รับโอนที่ดินมารวมทั้งคูรายพิพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยก็หามีกรรมสิทธิ์ในคูรายพิพาทนั้นด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ได้ แม้จะมีการโอนโฉนดรวมถึงที่ดินนั้นก็ตาม
สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันไม่ได้ เว้นแต่จะอาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1305
แม้จำเลยจะได้รับโอนที่ดินมารวมทั้งคูรายพิพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยก็หามีกรรมสิทธิ์ในคูรายพิพาทนั้นด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ทรัพย์สินโดยเสน่หาหลังแยกกันอยู่ ไม่ถือเป็นทรัพย์สินร่วม
โจทก์จำเลยได้ประกอบพิธีสมรสโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้อยู่ร่วมกันที่ร้านของโจทก์ ต่อมาจำเลยไม่ถูกกับบุตรโจทก์ จึงได้แยกไปอยู่ที่อื่น โจทก์จำเลยต่างก็ประกอบอาชีพของตนและมีทรัพยสมบัติแยกกันต่อมาโจทก์หวังจะคืนดีกับจำเลยจึงมอบเช็คให้จำเลยไปซื้อที่ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของและปลูกบ้านลงในที่ซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวดังนี้ ถือว่าการให้เช็คและการปลูกบ้านให้เป็นการให้โดยเสน่หา มิใช่เป็นทรัพย์ที่ประกอบทำมาหาได้ร่วมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ทรัพย์สินโดยเสน่หาในความสัมพันธ์นอกสมรส: ไม่ถือเป็นทรัพย์สินร่วม
โจทก์จำเลยได้ประกอบพิธีสมรสโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้อยู่ร่วมกันที่ร้านของโจทก์ ต่อมาจำเลยไม่ถูกกับบุตรโจทก์ จึงได้แยกไปอยู่ที่อื่น โจทก์จำเลยต่างก็ประกอบอาชีพของตน และมีทรัพย์สมบัติแยกกัน ต่อมาโจทก์หวังจะคืนดีกับจำเลยจึงมอบเช็คให้จำเลยไปซื้อที่ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของและปลูกบ้านลงในที่ซึ่งมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว ดังนี้ถือว่าการให้เช็คและการปลูกบ้านให้เป็นการให้โดยเสน่หา มิใช่เป็นทรัพย์ที่ประกอบทำมาหาได้ร่วมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการชนสะพาน: การประมาทของจำเลยและการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของโจทก์
ในกรณีที่จำเลยควบคุมเรือยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนสะพานและท่าเทียบเรือของโจทก์การที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวไว้ที่สะพานและท่าเทียบเรือ ตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือฯ เพราะหากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ ก็จะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นมาชนสะพานและท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่3 เมตรนั้นได้ จึงถือว่าโจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วยศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้เพียง 3 ใน 4 ของ ค่าเสียหายทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ 223

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ควบคุมเรือและหน้าที่ในการติดตั้งไฟสัญญาณความปลอดภัยทางน้ำ ส่งผลต่อการแบ่งความรับผิดในความเสียหาย
ในกรณีที่จำเลยควบคุมเรือยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนสะพานและท่าเทียบเรือของโจทก์ การที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวไว้ที่สะพานและท่าเทียบเรือตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้ นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือฯ เพราะหากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ ก็จะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นมาชนสะพาน และท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่ 3 เมตรนั้นได้ จึงถือว่าโจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วย ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้เพียง 3 ใน 4 ของค่าเสียหายทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ 223.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์หางยาวที่ใช้ในการขนของหลีกเลี่ยงภาษี ศาลรับฟังได้แม้ไม่ได้ระบุระวางบรรทุก
เฉพาะเรือยนต์หางยาวเช่นเรือยนต์หางยาวของกลางคดีนี้เป็นเรือที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปว่าเป็นเรือเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โตชนิดหนึ่งใช้วิ่งรับส่งในแม่น้ำลำคลอง โดยข้อเท็จจริงไม่มีทางจะฟังว่าเป็นเรือมีระวางบรรทุกเกิน 250 ตันได้เลย ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปดังกล่าว ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า มีระวางบรรทุกเท่าใด ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเรือยนต์หางยาวพร้อมด้วยเครื่องของกลางคดีนี้ มีระวางบรรทุกไม่เกิน 250 ตัน เมื่อจำเลยนำไปใช้ในการขนของที่ยังมิได้เสียภาษี จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือยนต์หางยาวที่ใช้ขนของหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยไม่จำเป็นต้องระบุระวางบรรทุกในคำฟ้อง
เฉพาะเรือยนต์หางยาวเช่นเรือยนต์หางยาวของกลางคดีนี้เป็นเรือที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปว่าเป็นเรือเล็กๆ ไม่ใหญ่โตชนิดหนึ่งใช้วิ่งรับส่งในแม่น้ำลำคลองโดยข้อเท็จจริงไม่มีทางจะฟังว่าเป็นเรือมีระวางบรรทุกเกิน 250 ตัน ได้เลยฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปดังกล่าว ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่ามีระวางบรรทุกเท่าใดศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเรือยนต์หางยาวพร้อมด้วยเครื่องของกลางคดีนี้ มีระวางบรรทุกไม่เกิน 250 ตัน เมื่อจำเลยนำไปใช้ในการขนของที่ยังมิได้เสียภาษี จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 32 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากทำร้ายร่างกายสาหัสเป็นทำร้ายร่างกายทั่วไป จากระยะเวลาการรักษาสั้นกว่าที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสรักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาบาดแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษอาญาจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 เป็น 295 จากระยะเวลาการรักษาบาดแผลที่โจทก์ไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส รักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295.
of 62