คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
มณี ชุติวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์สิทธิในทรัพย์มรดกและการยึดทรัพย์: การสละสิทธิในมรดก
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวในคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดว่าจำเลยไม่มีสิทธิรับมรดกของ ค. โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาท ผู้ร้องย่อมนำสืบได้ว่า ก.ภริยาจำเลยได้ขอร้องบรรดาพี่น้องขอแบ่งเงินสดและได้ตกลงแบ่งเงินสดให้ ก. ก.สละสิทธิไม่เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกต่อไป เป็นเรื่องที่อยู่ในประเด็นตามคำร้องที่นำสืบได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบสิทธิในทรัพย์มรดกเพื่อขัดทรัพย์ยึด ศาลรับฟังได้หากอยู่ในประเด็นคำร้อง
ผู้ร้องขัดทรัพย์กล่าวในคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดว่าจำเลยไม่มีสิทธิรับมรดกของ ค. โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาท ผู้ร้องย่อมนำสืบได้ว่า ก. ภริยาจำเลยได้ขอร้องบรรดาพี่น้องขอแบ่งเงินสดและได้ตกลงแบ่งเงินสดให้ ก. ก. สละสิทธิไม่เกี่ยวข้องในทรัพย์มรดกต่อไปเป็นเรื่องที่อยู่ในประเด็นตามคำร้องที่นำสืบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบเชื่อ แม้เป็นการซื้อขาด ก็มีอายุความ 5 ปี
พ่อค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซื้อเชื่อสลากกินแบ่งจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปขายต่อ แม้ว่าการซื้อสลากกินแบ่งจะเป็นการซื้อขาดจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็มีอายุความฟ้องร้อง 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (5) และ 165 วรรคสุดท้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหนี้ซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล แม้เป็นการซื้อขาด ก็มีอายุความ 5 ปี
พ่อค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซื้อเชื่อสลากกินแบ่งจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปขายต่อ แม้ว่าการซื้อสลากกินแบ่งจะเป็นการซื้อขาดจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็มีอายุความฟ้องร้อง 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(5) และ 165 วรรคสุดท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ผู้ตายยิงก่อน แต่จำเลยเป็นผู้เริ่มก่อเหตุ
ในเวลากลางคืน จำเลยกับพวกถือปืนขึ้นไปหาผู้ตายบนเรือนของ ส. เพื่อจะทำร้ายผู้ตายเพราะความโกรธเคืองผู้ตายไปเบิกความเป็นพยานในคดีจำเลยปล้นทรัพย์ จนศาลพิพากษาจำคุกจำเลยและจำเลยอาฆาตไว้ และขึ้นไปยืนคุมในลักษณะจะทำร้ายผู้ตายถือว่าจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนผู้ตายใช้ปืนยิงต่อสู้ป้องกันตน เพราะจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนคนละกระบอกขู่ผู้ตาย แม้กระสุนปืนของผู้ตายจะลั่นออกไปก่อนจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยกระทำไปโดยป้องกันหาได้ไม่
แม้ผู้ตายถูกกระสุนปืนของพวกจำเลยยิง มิใช่กระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความผิดไปได้เพราะจำเลยกับพวกร่วมขึ้นไปจะทำร้ายผู้ตายเป็นการร่วมกันกระทำผิดจำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยมีเจตนาและร่วมกันกระทำความผิด แม้ผู้ถูกกระทำจะยิงก่อนแต่ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันตัว
ในเวลากลางคืน จำเลยกับพวกถือปืนขึ้นไปหาผู้ตายบนเรือนของ ส. เพื่อจะทำร้ายผู้ตายเพราะความโกรธเคืองผู้ตายไปเบิกความเป็นพยานในคดีจำเลยปล้นทรัพย์ จนศาลพิพากษาจำคุกจำเลยและจำเลยอาฆาตไว้ และขึ้นไปยืนคุมในลักษณะจะทำร้ายผู้ตาย ถือว่าจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน ผู้ตายใช้ปืนยิงต่อสู้ป้องกันตน เพราะจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนคนละกระบอกขู่ผู้ตาย แม้กระสุนปืนของผู้ตายจะลั่นออกไปก่อน จำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยกระทำไปโดยป้องกันหาได้ไม่
แม้ผู้ตายถูกกระสุนปืนของพวกจำเลยยิง มิใช่กระสุนปืนที่จำเลยยิง ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความผิดไปได้ เพราะจำเลยกับพวกร่วมขึ้นไปจะทำร้ายผู้ตาย เป็นการร่วมกันกระทำผิด จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกสินสมรสให้บุตรโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยา: การให้ตามสมควรในทางศีลธรรมหรือสมาคม
โจทก์ฟ้องว่าสามีโจทก์นำสินสมรสไปยกให้จำเลยโดยเสน่หา โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์เป็นหนังสือ ขอให้เพิกถอนเฉพาะส่วนของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นสินสมรสระหว่างสามีโจทก์และมารดาจำเลย จึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ และศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการยกให้นี้เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางสมาคมนิยมเป็นข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 ดังนี้ถือว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าการยกให้เป็นกรให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคมหรือไม่นี้ ได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยจึงฎีกาปัญหาข้อนี้ได้
การยกที่ดิน 3 แปลงราคา 100,000 บาท อันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ให้บุตรของสามีโจทก์อันเกิดแต่ภริยาอีกคนหนึ่ง โดยในขณะยกให้ไม่ปรากฏว่าผู้ยกให้มีหลักทรัพย์อันมีค่าอย่างอื่นอีก ย่อมไม่ใช่เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคมที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกสินสมรสให้บุตรโดยไม่ได้รับความยินยอม: การพิจารณาการให้ตามสมควรทางศีลธรรมและสมาคม
โจทก์ฟ้องว่าสามีโจทก์นำสินสมรสไปยกให้จำเลยโดยเสน่หาโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์เป็นหนังสือขอให้เพิกถอนเฉพาะส่วนของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นสินสมรสระหว่างสามีโจทก์และมารดาจำเลย จึงไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ และศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการยกให้นี้เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางสมาคมนิยมเป็นข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 ดังนี้ถือว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าการยกให้เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคมหรือไม่นี้ได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยจึงฎีกาปัญหาข้อนี้ได้
การยกที่ดิน 3 แปลงราคา 100,000 บาท อันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ให้บุตรของสามีโจทก์อันเกิดแต่ภริยาอีกคนหนึ่ง โดยในขณะยกให้ไม่ปรากฏว่าผู้ยกให้มีหลักทรัพย์อันมีค่าอย่างอื่นอีก ย่อมไม่ใช่เป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคมดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: ทายาทต้องพิสูจน์การเช่าหากจำเลยอ้างซื้อขายและครอบครองนานกว่า
ที่พิพาทมีโฉนด โจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์ จำเลยอ้างว่าบิดามารดาโจทก์ขายที่พิพาทให้บิดามารดาจำเลยโดยมิได้มีการแก้ทะเบียนกัน ข้อเท็จจริงรับกันว่า บิดามารดาจำเลยและจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมา 40 ปีแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ศาลได้สั่งแสดงตามคำขอของจำเลยแล้ว เป็นหน้าที่ของฝ่ายโจทก์ซึ่งเป็นทายาทเดิมจะต้องนำสืบแสดงว่าฝ่ายจำเลยได้ทำนาพิพาทโดยเช่าจากฝ่ายโจทก์ดังที่โจทก์อ้าง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการเช่า: จดหมายรับสภาพหนี้และการเบิกความในคดีอาญาใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้
จำเลยได้เขียนจดหมายมีข้อความว่า 'ผมต้องขออภัยที่ยังหาบ้านที่เหมาะสมยังไม่ได้ จึงต้องอยู่ต่อไปอีกจนสิ้น พฤษภาคมนี้ ส่วนค่าเช่าที่ค้างอยู่ ผมจะได้จัดการชำระให้ในไม่ช้านี้' จดหมายฉบับนี้แม้จำเลยจะเขียนถึงพลเรือโทนัย นพคุณ ซึ่งมิใช่เป็นผู้ให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทก็ตามแต่กรณีเป็นเรื่องจำเลยยอมรับว่าได้เช่าบ้านพิพาทและยังค้างค่าเช่าอยู่จริงเมื่อจำเลยได้ลงชื่อในจดหมายฉบับนี้แล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นหลักฐานการเช่าอันจะนำมาฟ้องร้องขอให้บังคับคดีได้
คำให้การของจำเลยในคดีอาญาที่เบิกความว่า จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทของโจทก์นั้น ถือว่าเป็นหลักฐานการเช่าในอันที่จะใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องจำเลยได้เช่นเดียวกัน
of 62