พบผลลัพธ์ทั้งหมด 615 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายักยอกเงินค่าขายยาเส้น การยอมรับเงินและการผัดชำระ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยรับฝากยาเส้นไว้จากผู้เสียหายแล้วเอาไปขายจริง แต่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาเงินค่ายาเส้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว มิได้ฟ้องว่ายักยอกยาเส้น เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่า ผู้เสียหายได้ยอมตกลงรับเงินค่ายาเส้นจากจำเลย และยังยอมให้จำเลยผัดชำระเงินด้วย ดังนี้ เมื่อจำเลยยังมิได้ชำระก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง การที่จำเลยยังไม่มีเงินค่ายาเส้นชำระให้ไม่เป็นผิดทางอาญาฐานยักยอกดังฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยลูกหนี้รู้ว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ผู้รับโอนต้องรับผิดชอบ
ทำสัญญาจะขายที่ดินให้ผู้ซื้อคนแรก โดยส่งมอบที่ดินให้เขาครอบครองและได้รับเงินค่าที่ดินไปแล้ว กลับเอาที่ดินนั้นไปจดทะเบียนโอนขายให้คนอื่นโดยผู้รับโดยได้รู้ถึงคามจริงเป็นทางให้ผู้ซื้อคนแรกซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบแล้ว ผู้ซื้อคนแรกก็มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่พิพาทนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินโดยรู้ว่าเจ้าหนี้จะเสียเปรียบ เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนการจดทะเบียนได้
ทำสัญญาจะขายที่ดินให้ผู้ซื้อคนแรก โดยส่งมอบที่ดินให้เขาครอบครองและได้รับเงินค่าที่ดินไปแล้ว กลับเอาที่ดินนั้นไปจดทะเบียนโอนขายให้คนอื่น โดยผู้รับโอนได้รู้ถึงความจริงอันเป็นทางให้ผู้ซื้อคนแรกซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบแล้ว ผู้ซื้อคนแรกก็มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่พิพาทนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: เหตุยกเว้นโทษทางอาญา
ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาไปจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่ได้ออกหมายจับ จำเลยไปจับผู้ต้องหาโดยเข้าใจว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้ถือเป็นหลักปฏิบัติกันตลอดมาว่าไปจับได้ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการมิชอบ จำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าซื้อโดยสุจริต: คุ้มครองจากการคืนทรัพย์สินหากชำระราคาครบถ้วน
ผู้เช่าซื้อทรัพย์สินจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นโดยสุจริต และได้ชำระเงินครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว ทรัพย์สินนั้นย่อมตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าในทำนองเดียวกันกับผู้ให้เช่าได้ขายทรัพย์นั้นให้แก่ผู้เช่า จึงถือได้ว่าผู้เช่าซื้อเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น และไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริงเว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์จากการเช่าซื้อ: สิทธิของผู้เช่าซื้อเมื่อซื้อจากพ่อค้าสุจริตและชำระเงินครบถ้วน
ผู้เช่าซื้อทรัพย์สินจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้นโดยสุจริต และได้ชำระเงินครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อแล้ว ทรัพย์สินนั้นย่อมตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าในทำนองเดียวกันกับผู้ให้เช่าได้ขายทรัพย์นั้นให้แก่ผู้เช่า จึงถือได้ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น และไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์ในการฎีกา: คำนวณจากทุนทรัพย์ที่ฟ้องในศาลชั้นต้น แม้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาจะต่ำกว่าเกณฑ์
ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้น ให้ถือทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องในศาลชั้นต้นเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ที่ศาลล่างตัดสินให้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 5,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 5,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาให้ดูที่มูลค่าที่ฟ้องในศาลชั้นต้น แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้ค่าเสียหายต่ำกว่า
ทุนทรัพย์ที่จะถือเป็นหลักฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่นั้น ให้ถือทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้องในศาลชั้นต้นเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ที่ศาลล่างตัดสินให้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 4,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทราคา 4,000 บาทเป็นของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ละเมิดเก็บเกี่ยวข้าวในที่พิพาทไปเป็นราคาเงิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้ว่าค่าเสียหายจะให้เพียง 200 บาทเท่านั้นก็ตาม คู่ความก็ฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ พฤติการณ์ทั่วไปไม่เพียงพอ
กรณีเรื่องขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อไปอีก 15 วัน โดยอ้างว่าทนายโจทก์ยังทำคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้เนื่องจากคดีใหญ่โตมีทุนทรัพย์มาก มีกรณีสลับซับซ้อน และยังคัดคำเบิกความของพยานและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลฉบับเผชิญสืบตรวจที่พิพาทไม่เสร็จ ทั้งทนายโจทก์คิดว่าความและเตรียมคดีเพื่อว่าความให้บุคคลอื่นหลายเรื่อง ดังนี้ ตามข้ออ้างของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายเวลายื่นอุทธรณ์ให้ตามที่โจทก์ร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อไปอีก 15 วัน โดยอ้างว่าทนายโจทก์ยังทำคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้เนื่องจากคดีใหญ่โตมีทุนทรัพย์มาก มีกรณีสลับซับซ้อน และยังคัดคำเบิกความของพยานและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลฉบับเผชิญสืบตรวจที่พิพาทไม่เสร็จ ทั้งทนายโจทก์คิดว่าความและเตรียมคดีเพื่อว่าความให้บุคคลอื่นหลายเรื่อง ดังนี้ ตามข้ออ้างของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายเวลายื่นอุทธรณ์ให้ตามที่โจทก์ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะอนุญาตได้
กรณีเรื่องขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษเท่านั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อไปอีก 15 วัน โดยอ้างว่าทนายโจทก์ยังทำคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้ เนื่องจากคดีใหญ่โตมีทุนทรัพย์มาก มีกรณีสลับซับซ้อน และยังคัดคำเบิกความของพยานและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลฉบับเผชิญสืบตรวจที่พิพาทไม่เสร็จทั้งทนายโจทก์ติดว่าความและเตรียมคดีเพื่อว่าความให้บุคคลอื่นหลายเรื่อง ดังนี้ตามข้ออ้างของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่า เป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายเวลายื่นอุทธรณ์ให้ตามที่โจทก์ร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำฟ้องอุทธรณ์ต่อไปอีก 15 วัน โดยอ้างว่าทนายโจทก์ยังทำคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้ เนื่องจากคดีใหญ่โตมีทุนทรัพย์มาก มีกรณีสลับซับซ้อน และยังคัดคำเบิกความของพยานและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลฉบับเผชิญสืบตรวจที่พิพาทไม่เสร็จทั้งทนายโจทก์ติดว่าความและเตรียมคดีเพื่อว่าความให้บุคคลอื่นหลายเรื่อง ดังนี้ตามข้ออ้างของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่า เป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายเวลายื่นอุทธรณ์ให้ตามที่โจทก์ร้อง