พบผลลัพธ์ทั้งหมด 615 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805-1806/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนก่อหนี้: ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบหนี้ที่ตัวแทนซื้อเชื่อ
การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง แม้จะจ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างอีกต่อหนึ่งก็ตาม แต่ระหว่างก่อสร้างได้ปักป้ายว่าตนเป็นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและบางครั้งก็ไปตรวจงานเองหรือมอบให้คนอื่น ไปตรวจแทน การส่งมอบงานและรับเงินแต่ละงวดจำเลยที่ 1 ก็ทำเองโดยตรงเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนแล้ว จึงต้องรับผิดในหนี้ที่จำเลยที่ 2 ไปซื้อเชื่อวัสดุก่อสร้างต่อบุคคลภายนอกด้วย
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาท เมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาท เมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805-1806/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาเชิดตัวแทนก่อหนี้: ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบหนี้ที่ตัวแทนซื้อวัสดุก่อสร้าง
การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง แม้จะจ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างอีกต่อหนึ่งก็ตาม แต่ระหว่างก่อสร้างได้ปักป้ายว่าตนเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และบางครั้งก็ไปตรวจงานเองหรือมอบให้คนอื่นไปตรวจแทน การส่งมอบงานและรับเงินแต่ละงวดจำเลยที่ 1 ก็ทำเองโดยตรง เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนแล้ว จึงต้องรับผิดในหนี้ที่จำเลยที่ 2 ไปซื้อเชื่อวัสดุก่อสร้างต่อบุคคลภายนอกด้วย
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาทเมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาทเมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนและการแปลงหนี้: การใช้หนี้แทนบุคคลอื่นและการทำสัญญากู้ยืมเงิน
เจ้าของเรือนกู้เงินโจทก์จำเลยต่อมาจำเลยจะรื้อเอาเรือนไป โจทก์คัดค้าน ในที่สุดจำเลยตกลงจะใช้หนี้ให้โจทก์แทนเจ้าของเรือนโดยโจทก์เลิกคัดค้าน มอบเรือนให้จำเลยไป ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีผลสมบูรณ์ผูกพันกันตามกฎหมายได้ และหากจำเลยไม่มีเงินใช้ให้โจทก์ตามสัญญา จึงทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ ก็เป็นการแปลงหนี้เดิมมาเป็นหนี้กู้ยืมเงินซึ่งมีผลสมบูรณ์และบริบูรณ์ตามกฎหมาย ผูกพันกันได้ตามสัญญากู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนแปลงหนี้กู้ยืมเงิน - ผลผูกพันตามสัญญา
เจ้าของเรือนกู้เงินโจทก์จำเลย ต่อมาจำเลยจะรื้อเอาเรือนไป โจทก์คัดค้าน ในที่สุดจำเลยตกลงจะใช้หนี้ให้โจทก์แทนเจ้าของเรือน โดยโจทก์เลิกคัดค้านมอบเรือนให้จำเลยไป ดังนี้ ถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีผลสมบูรณ์ผูกพันต่อกันตามกฎหมายได้ และหากจำเลยไม่มีเงินใช้ให้โจทก์ตามสัญญา จึงทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ก็เป็นการแปลงหนี้เดิมมาเป็นหนี้กู้ยืมเงินซึ่งมีผลสมบูรณ์และบริบูรณ์ตามกฎหมาย ผูกพันกันได้ตามสัญญากู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์มรดกให้บุคคลไม่มีสิทธิ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
ทายาทโดยธรรมทำสัญญายกทรัพย์มรดกที่ดินที่ตนมีสิทธิรับมรดกให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิรับมรดก แต่สัญญายกให้นั้นไม่มีข้อความแสดงว่าทั้งสองฝ่ายทำสัญญาเพื่อระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งเพื่อให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันแต่อย่างใดสัญญายกให้นั้นย่อมไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบทรัพย์มรดกให้ผู้ไม่มีสิทธิ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
ทายาทโดยธรรมทำสัญญายกทรัพย์มรดกที่ดินที่ตนมีสิทธิรับมรดกให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิรับมรดก แต่สัญญายกให้นั้นไม่มีข้อความแสดงว่าทั้งสองฝ่ายทำสัญญาเพื่อระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งเพื่อให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันแต่อย่างใด สัญญายกให้นั้นย่อมไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435-1436/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดินดำไม่ใช่วัตถุระเบิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แม้มีสารเคมีผสม หากไม่มีคุณสมบัติในการระเบิด
วัตถุระเบิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ.2501 มาตรา 3 คือ วัตถุที่สามารถส่งกำลังดันอย่างแรงต่อสิ่งห้อมล้อมโดยฉับพลันเมื่อระเบิดขึ้นโดยมีสิ่งเหมาะมาทำให้เกิดกำลังดัน หรือโดยการสลายตัวของวัตถุระเบิดนั้นทำให้มีแรงทำลายหรือแรงประหารฯลฯ
ดินดำของกลางในคดีนี้ซึ่งฟังได้เพียงว่าเป็นวัตถุที่มีสารเคมีผสมอยู่ คือ โปแตสเซียมไนเตรท กำมะถัน และถ่าน เท่านั้น ไม่ปรากฎว่า มีอำนาจหรือคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าว จึงมิใช่วัตถุระเบิด
ดินดำของกลางในคดีนี้ซึ่งฟังได้เพียงว่าเป็นวัตถุที่มีสารเคมีผสมอยู่ คือ โปแตสเซียมไนเตรท กำมะถัน และถ่าน เท่านั้น ไม่ปรากฎว่า มีอำนาจหรือคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าว จึงมิใช่วัตถุระเบิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้ผิดกฎหมาย เมื่อผู้ขับขี่รู้เห็นเป็นใจ
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์รับจ้างบรรทุกไม้ที่ตัดและแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตของผู้มีชื่อ โดยจำเลยเป็นผู้ขับขี่เองและรู้เห็นเป็นใจด้วย รถยนต์ดังกล่าวของจำเลยเป็นยานพาหนะ ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งไม้ผิดกฎหมาย จำเลยรู้เห็นเป็นใจ
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ รับจ้างบรรทุกไม้ที่ตัดและแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตของผู้มีชื่อ โดยจำเลยเป็นผู้ขับขี่เองและรู้เห็นเป็นใจด้วย รถยนต์ดังกล่าวของจำเลยเป็นยานพาหนะที่ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะบุตรตามกฎหมาย: การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและความสามารถในการฟ้องร้อง
พี่น้องร่วมบิดามารดาได้เสียเป็นผัวเมียนั้น เมื่อ พ.ศ.24+7 นั้น ตามกฎหมายลักษณะผัวเมียจะต้องถูกลงโทษลอยแพ ฉะนั้น พี่น้องดังกล่าวจึงมิใช่ผัวเมียที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ต่อมา พ.ศ.24+ จะมีบุตรด้วยกัน ก็เป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา เว้นแต่บิดาจะจดทะเบียนหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ ไม่เป็น+
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ จะจดทะเบียนสมรสกันโดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว
บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องบิดาเรียกทรัพย์ที่ยืมไปคืนได้ ไม่เป็น+
แม้ชายอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และหญิงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ จะจดทะเบียนสมรสกันโดยมิได้รับความยินยอมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองก็ตาม ก็หาถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใดไม่ กฎหมายเพียงแต่ให้อำนาจบิดามารดาหรือผู้ปกครองร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการสมรสเสียได้เท่านั้น หากไม่มีการร้องขอให้เพิกถอนชายหญิงนั้นก็ย่อมบรรลุนิติภาวะแล้ว