พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,124 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และการคุ้มครองผู้รับโอนสิทธิโดยสุจริต
เมื่อจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งจำเลยอาจอ้างสิทธินี้ยันเจ้าของเดิมได้ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรค 2 สิทธิของจำเลยอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น จำเลยจะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสยค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนทำการโดยสุจริต เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่สุจริต คดีต้องฟังว่าโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทจากเข้าของเดิมโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต จำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยทางครอบครองตามมาตรา 1328 ยันโจทก์มิได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนทำการโดยสุจริต เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่สุจริต คดีต้องฟังว่าโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทจากเข้าของเดิมโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต จำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยทางครอบครองตามมาตรา 1328 ยันโจทก์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และการคุ้มครองผู้รับโอนสิทธิโดยสุจริต
เมื่อจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี. จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งจำเลยอาจอ้างสิทธินี้ยันเจ้าของเดิมได้ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรคสอง. สิทธิของจำเลยอันยังมิได้จดทะเบียนนั้น. จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วไม่ได้.
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนทำการโดยสุจริต. เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่า.โจทก์รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่สุจริต. คดีต้องฟังว่าโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว.จำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยทางครอบครองตามมาตรา1382 ยันโจทก์มิได้.
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนทำการโดยสุจริต. เมื่อจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่า.โจทก์รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยไม่สุจริต. คดีต้องฟังว่าโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว.จำเลยอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยทางครอบครองตามมาตรา1382 ยันโจทก์มิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077-1078/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันตามสัญญาและการระงับสิทธิเรียกร้อง
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีข้อความว่า หากพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ใดแล้ว ก็ให้ผู้นั้นได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ดังนี้ จึงเป็นข้อตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย เข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นจำเลย โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของพิพาท โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นจำเลย โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของพิพาท โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077-1078/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันตามสัญญาและการระงับสิทธิเรียกร้อง
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีข้อความว่า. หากพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ใดแล้ว ก็ให้ผู้นั้นได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท. ดังนี้ จึงเป็นข้อตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย เข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ.
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย. โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาท. โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้.
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย. โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาท. โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077-1078/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันและผลกระทบต่อสิทธิในที่ดิน
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งมีข้อความว่า หากพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ใดแล้ว ก็ให้ผู้นั้นได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ดังนี้ จึงเป็นข้อตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย เข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาท โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้
เมื่อพยานคนกลางชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ย่อมทำให้จำเลยได้สิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาท โจทก์จึงจะฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่พิพาทนั้นเป็นของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากการยืมข้าวเปลือก: ผลประโยชน์ตอบแทนไม่ใช่ดอกเบี้ยตามกฎหมาย, ประกาศห้ามตกข้าวถูกยกเลิก
การยืมข้าวเปลือกซึ่งตกลงให้ดอกเบี้ยเป็นข้าวเปลือกในอัตรา1 ถังต่อข้าวเปลือกที่ยืม 2 ถังนั้นมิใช่ดอกเบี้ยตามความหมายของกฎหมาย เพราะผลประโยชน์ที่เรียกเป็นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นได้จากหนี้เงินเท่านั้น เมื่อตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในการยืมข้าวเปลือกกันไว้อย่างไร (แม้คำนวณแล้วผลประโยชน์ตอบแทนจะสูงเกินกว่าร้อยละสิบห้าต่อปี) ผู้ยืมก็จะต้องชำระให้ตามข้อตกลงนั้น
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่างๆ ในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1981/2511)
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่างๆ ในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1981/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากการยืมข้าวเปลือก - ผลประโยชน์ตอบแทนไม่ใช่ดอกเบี้ยตามกฎหมาย - ประกาศห้ามตกข้าวถูกยกเลิก
การยืมข้าวเปลือกซึ่งตกลงให้ดอกเบี้ยเป็นข้าวเปลือกในอัตรา 1 ถังต่อข้าวเปลือกที่ยืม 2 ถังนั้นมิใช่ดอกเบี้ยตามความหมายของกฎหมาย เพราะผลประโชน์ที่เรียกเป็นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นได้จากหนี้เงินเท่านั้น เมื่อตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในการยืมข้าวเปลือกกันไว้อย่างไร (แม้คำนวณแล้วผลประโยชน์ตอบแทนจะสูงเกินกว่าร้อยละห้าสิบต่อปี) ผู้ยืมจะต้องชำระให้ตามข้อตกลงนั้น
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ. 1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่าง ๆ ในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1981/2511
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ. 1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่าง ๆ ในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1981/2511
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าข้าวเปลือก: ไม่ใช่ดอกเบี้ยตามกฎหมายหากไม่ใช่หนี้เงิน, ประกาศห้ามตกข้าวถูกยกเลิก
การยืมข้าวเปลือกซึ่งตกลงให้ดอกเบี้ยเป็นข้าวเปลือกในอัตรา 1 ถังต่อข้าวเปลือกที่ยืม 2 ถังนั้นมิใช่ดอกเบี้ยตามความหมายของกฎหมาย. เพราะผลประโยชน์ที่เรียกเป็นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นได้จากหนี้เงินเท่านั้น. เมื่อตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในการยืมข้าวเปลือกกันไว้อย่างไร.(แม้คำนวณแล้วผลประโยชน์ตอบแทนจะสูงเกินกว่าร้อยละสิบห้าต่อปี). ผู้ยืมก็จะต้องชำระให้ตามข้อตกลงนั้น
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่างๆในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ.(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1981/2511).
ประกาศห้ามมิให้ตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.ซึ่งได้รวบรวมข้อบัญญัติต่างๆในทางแพ่งทั้งหมดขึ้นใช้บังคับ.(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1981/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041-1046/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียว ความผิดซ้ำซ้อน การฟ้องร้องหลายสำนวน และการรอการลงโทษ
จำเลยทำผิดเป็นกรรมเดียว แต่โจทก์แต่ละคนแยกฟ้องจำเลยเป็น 5 สำนวน จึงแยกสำนวนลงโทษจำเลยเรียงไปแต่ละสำนวนมิได้ มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นว่าจำเลยทำผิดเพียงครั้งเดียว แต่ถูกลงโทษในความผิดอันเดียวกันนั้นซ้ำกันหลาย ๆ ครั้งได้
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษ 6 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษ 6 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041-1046/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและผลกระทบต่อการลงโทษซ้ำซ้อน ศาลฎีกาตัดสินเรื่องกรรมเดียวแต่ฟ้องหลายสำนวน
จำเลยทำผิดเป็นกรรมเดียว แต่โจทก์แต่ละคนแยกฟ้องจำเลยเป็น 5 สำนวน จึงแยกสำนวนลงโทษจำเลยเรียงไปแต่ละสำนวนมิได้ มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นว่าจำเลยทำผิดเพียงครั้งเดียว แต่ถูกลงโทษในความผิดอันเดียวกันนั้นซ้ำกันหลายๆ ครั้งได้
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษ 6 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษ 6 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษ โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220