พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,124 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมต้องชัดเจนถึงการรับเงิน หากมีเพียงเจตนาขอยืม ถือไม่พอฟ้องบังคับคดี
เอกสารที่อ้างเป็นหลักฐานการกู้ยืมมีข้อความว่า "ฯลฯพักนี้ เงินของฉันถอนเงินห้าพันบาทมาซื้อผ้าผวยไว้ขายหมดแล้วไม่มีเงินซื้อของ ฯลฯ พักนี้งาลงราคาฯลฯ ฉันจะยืมเงินมณีมาซื้อของสัก ห้าพันบาทหรือสี่พันบาทก็ได้ จะรีบเข้าหุ้นส่วนซื้องาเก็บไว้ขาย ปลายปีนี้ ถ้าเหลือเงินให้รีบส่งมาโดยเร็ว ฯลฯ เงินฉันยังขาดอีก หลายพันบาท ถ้ามีให้รีบส่งมา" ข้อความในเอกสารดังกล่าวนี้ ฟังได้เพียงว่า ผู้ยืมแสดงเจตนาขอยืมเงินจากผู้ให้ยืมเท่านั้น ส่วนผู้ยืมจะได้รับเงินไปจากผู้ให้ยืมตามที่ขอยืมหรือไม่ จำนวนเท่าใด หาได้มีข้อความหรือเอกสารอื่นใด ลงลายมือชื่อผู้ยืม เป็นหลักฐานไม่ เอกสารดังกล่าวจึงไม่พอฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมฉะนั้น โจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ไม่พอฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
เอกสารที่อ้างเป็นหลักฐานการกู้ยืมมีข้อความว่า " ฯลฯ พักนี้เงินของฉันถอนเงินห้าพันบาทมาซื้อผ้าผวยไว้ขายหมดแล้วไม่มีเงินซื้อของ ฯลฯ พักนี้งาลงราคา ฯลฯ ฉันจะยืมเงินมณีมาซื้อของสัก 5 พันบาท หรือ 4 พันบาทก็ได้ จะรีบเข้าหุ้นส่วนซื้องาเก็บไว้ขายปลายปีนี้ ถ้าเหลือเงินให้รีบส่งมาโดยเร็ว ฯลฯ เงินฉันยังขาดอีกหลายพันบาทถ้ามีให้รีบส่งมา" ข้อความในเอกสารดังกล่าวนี้ฟังได้เพียงว่า ผู้ยืมแสดงเจตนาขอยืมเงินจากผู้ให้ยืมเท่านั้น ส่วนผู้ยืมจะได้รับเงินไปจากผู้ให้ยืมตามที่ขอยืมหรือไม่ จำนวนเท่าใดหาได้มีข้อความหรือเอกสารอื่นใด ลงลายมือผู้ยืมเป็นหลักฐานไม่ เอกสารดังกล่าวจึงไม่พอฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม ฉะนั้น โจทก์จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ธรณีสงฆ์: การครอบครองนานไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ แม้ซื้อมาจากผู้ครอบครอง
ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ ผู้ใดจะครอบครองที่พิพาทมาช้านานเพียงใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ธรณีสงฆ์: การครอบครองนานไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ แม้ซื้อมาจากผู้ครอบครอง
ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ ผู้ใดจะครอบครองที่พิพาทมาช้านานเพียงใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภารจำยอม การใช้สิทธิ และการฟ้องซ้ำ: แม้มีทางออกอื่น ก็อาจมีภารจำยอมได้ การฟ้องคดีภารจำยอมของที่ดินตนเองไม่ใช่การฟ้องซ้ำ
พฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้วก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือส.ค.1 หรือ น.ส.3 แล้วรับฟังไม่ได้
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้วก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือส.ค.1 หรือ น.ส.3 แล้วรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่สิ้นสุดแม้มีทางออกอื่น การฟ้องภารจำยอมสำหรับที่ดินของตนเองไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
พฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้
ที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ นั้นแม้จะมีทางออกทางอื่นได้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดทางภารจำยอมทางอื่นอีกได้ และที่ดินที่มีทางออกเป็นทางภารจำยอมอยู่แล้ว แม้มีทางออกทางอื่นอีกก็ไม่ทำให้ทางภารจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป
การพิจารณาว่ามีทางภารจำยอมในที่ดินแปลงใดหรือไม่ ก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบ ไม่มีกฎหมายใดให้ถือว่า ถ้าไม่มีปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน หรือ ส.ค. 1 หรือ น.ส. 3 แล้วรับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องกรณีสัญญาจะซื้อขายและประเด็นฟ้องซ้ำ
ฟ้องคดีก่อนมีประเด็นว่า จำเลยได้สละสิทธิมอบที่พิพาทให้โจทก์และภริยาโจทก์แล้วหรือไม่ ส่วนคดีหลังมีประเด็นว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้โจทก์หรือไม่ จึงมีประเด็นคนละอย่าง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ภริยาโจทก์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยได้ไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาทแทนจำเลยแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอขายที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันนั้น ครั้นเมื่อภริยาโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยกลับยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาทดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้เกิดขึ้นแล้วนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาท โจทก์ย่อมใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป อายุความฟ้องร้องจึงเริ่มนับแต่วันนั้น ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาท ฉะนั้น เมื่อนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทจนถึงวันฟ้องคดีเกินสิบปี คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163,164
โจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องอายุความ จึงไม่สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174
ภริยาโจทก์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยได้ไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาทแทนจำเลยแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอขายที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันนั้น ครั้นเมื่อภริยาโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยกลับยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาทดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้เกิดขึ้นแล้วนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาท โจทก์ย่อมใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป อายุความฟ้องร้องจึงเริ่มนับแต่วันนั้น ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาท ฉะนั้น เมื่อนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทจนถึงวันฟ้องคดีเกินสิบปี คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163,164
โจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องอายุความ จึงไม่สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องกรณีสัญญาจะขาย และการฟ้องซ้ำ ประเด็นสิทธิเรียกร้องเกิดขึ้นเมื่อใด
ฟ้องคดีก่อนมีประเด็นว่า จำเลยได้สละสิทธิ์มอบที่พิพาทให้โจทก์และภริยาโจทก์แล้วหรือไม่ ส่วนคดีหลังมีประเด็นว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้โจทก์หรือไม่ จึงมีประเด็นคนละอย่าง ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ภริยาโจทก์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยได้ไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาทแทนจำเลยแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอขายที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันนั้น ครั้นเมื่อภริยาโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยกลับยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาทดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ ดังนี้ สิทธิ์เรียกร้องของโจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้เกิดขึ้นแล้วนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาท โจทก์ย่อมได้สิทธิ์เรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป อายุความฟ้องร้องจึงเริ่มนับแต่วันนั้น ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาท ฉะนั้น เมื่อนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทจนถึงวันฟ้องคดีเกินสิบปี คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163, 164
โจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องอายุความจึงไม่สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174
ภริยาโจทก์ซึ่งเป็นบุตรจำเลยได้ไถ่ถอนการขายฝากที่พิพาทแทนจำเลยแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอขายที่พิพาทให้โจทก์ในวันเดียวกันนั้น ครั้นเมื่อภริยาโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยกลับยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาทดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ ดังนี้ สิทธิ์เรียกร้องของโจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้เกิดขึ้นแล้วนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาท โจทก์ย่อมได้สิทธิ์เรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทให้ได้นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป อายุความฟ้องร้องจึงเริ่มนับแต่วันนั้น ไม่ใช่เริ่มนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอขายที่พิพาท ฉะนั้น เมื่อนับแต่วันที่จำเลยยื่นคำร้องขอขายที่พิพาทจนถึงวันฟ้องคดีเกินสิบปี คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163, 164
โจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อน ศาลพิพากษายกฟ้องอายุความจึงไม่สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่มีผลผูกพันเมื่อตกลงกันยังไม่ชัดเจน และการลงทุนปรับปรุงพื้นที่เป็นประโยชน์จำเลยเอง
จำเลยพูดขอเช่าที่พิพาทกับผู้แทนโจทก์มีกำหนด 10 ปีผู้แทนโจทก์รับว่าจะให้เช่าเป็นเวลา 10 ปีตามขอแต่ให้รอการแบ่งแยกที่ดินมรดกกันเสียก่อน เมื่อรู้ว่าตกเป็นของใครจึงจะค่อยทำสัญญาเช่ากันต่อไป จำเลยเชื่อว่าจะได้เช่ามีกำหนด 10 ปี จึงลงทุนปรับพื้นที่ซึ่งเป็นหลุมบ่อและสร้างเขื่อนริมคลอง ดังนี้ การที่จำเลยกระทำดังนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเอง ไม่ได้เป็นข้อตกลงหรือข้อเรียกร้องจากฝ่ายเจ้าของที่ดินแต่อย่างใด ตามพฤติการณ์จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน: การลงทุนก่อนสัญญาที่สมบูรณ์ ไม่ถือเป็นสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยพูดขอเช่าที่พิพาทกับผู้แทนโจทก์มีกำหนด 10 ปี ผู้แทนโจทก์รับว่าจะให้เช่าเป็นเวลา 10 ปีตามขอ แต่ให้รอการแบ่งแยกที่ดินมรดกกันเสียก่อน เมื่อรู้ว่าตกเป็นของใครจึงจะค่อยทำสัญญาเช่ากันต่อไป จำเลยเชื่อว่าจะได้เช่ามีกำหนด 10 ปี จึงลงทุนปรับพื้นที่ซึ่งเป็นหลุมบ่อและสร้างเขื่อนริมคลอง ดังนี้ การที่จำเลยกระทำดังนั้นก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยเอง ไม่ได้เป็นข้อตกลงหรือข้อเรียกร้องจากฝ่ายเจ้าของที่ดินแต่อย่างใด ตามพฤติการณ์จึงไม่มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนตามกฎหมาย