พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,124 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกร้องมรดกทั้งฐานะบุตรบุญธรรมและทายาทตามบัญชีเครือญาติ: ศาลต้องพิจารณาประเด็นทั้งสอง
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของ พ. โดยอ้างว่าเป็นบุตรบุญธรรมของ พ. ประการหนึ่งกับอ้างว่าเป็นทายาทของ พ. ตามบัญชีเครือญาติ ท้ายฟ้องด้วยอีกประการหนึ่ง ตามบัญชีเครือญาติโจทก์แสดงว่า พ. มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันหลายคนรวมทั้ง ว. บิดาโจทก์ ว. ตายไปแล้ว ซึ่งพอเป็นที่เข้าใจถึงการเป็นทายาทของโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดก ของ พ. แทนที่ ว. ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายถึงสภาพการเป็นทายาท ของโจทก์ว่าเป็นมาโดยลำดับอย่างไรไว้ในคำฟ้องแล้วเพราะบัญชีเครือญาติ ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิรับมรดกของ พ. ในฐานะเป็นบุตรบุญธรรมแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องมาด้วย คดีจึงมีประเด็นซึ่งจะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกแทนที่ ว. บิดา ตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องจริงหรือไม่
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิรับมรดกของ พ. ในฐานะเป็นบุตรบุญธรรมแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องมาด้วย คดีจึงมีประเด็นซึ่งจะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกแทนที่ ว. บิดา ตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องจริงหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรับมรดกตามบัญชีเครือญาติ แม้ไม่มีสถานะบุตรบุญธรรม ศาลต้องพิจารณาประเด็นการเป็นทายาท
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกของ พ. โดยอ้างว่าเป็นบุตรบุญธรรมของ พ. ประการหนึ่ง กับอ้างว่าเป็นทายาทของ พ. ตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องด้วยอีกประการหนึ่ง ตามบัญชีเครือญาติ โจทก์แสดงว่า พ. มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันหลายคนรวมทั้ง ว. บิดาโจทก์ ว. ตายไปแล้ว ซึ่งพอเป็นที่เข้าใจถึงการเป็นทายาทของโจทก์ ว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกของ พ. แทนที่ ว. ถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายถึงสภาพการเป็นทายาทของโจทก์ว่าเป็นมาโดยลำดับอย่างไรไว้ในคำฟ้องแล้ว เพราะบัญชีเครือญาติก็เป็นส่วนหนึ่งขอคำฟ้อง
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิรับมรดกของ พ. ในฐานะเป็นบุตรบุญธรรม แต่เมื่อปรากฏว่า โจทก์ได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องมาด้วย คดีจึงมีประเด็นซึ่งจะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกแทนที่ ว. บิดา ตามบัญชีเครือญาติ ท้ายฟ้องจริงหรือไม่
แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิรับมรดกของ พ. ในฐานะเป็นบุตรบุญธรรม แต่เมื่อปรากฏว่า โจทก์ได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทตามบัญชีเครือญาติท้ายฟ้องมาด้วย คดีจึงมีประเด็นซึ่งจะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกแทนที่ ว. บิดา ตามบัญชีเครือญาติ ท้ายฟ้องจริงหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานหนี้พนัน จำเลยมีสิทธิหักล้างได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธการกู้เงินและปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อที่จำเลยที่ 1 ลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้มอบให้จำเลยที่ 2 เป็นหลักฐานแห่งหนี้การพนันที่จำเลยที่ 1 เสียแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นลงในแบบพิมพ์นั้น สัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นเอกสารปลอม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมนำสืบหักล้างตามข้อต่อสู้ได้ เพราะมิใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักล้างสัญญากู้ด้วยข้อต่อสู้เรื่องเอกสารปลอมและการใช้เอกสารสัญญากู้เป็นหลักฐานหนี้พนัน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธการกู้เงินและปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นลายมือชื่อที่จำเลยที่ 1 ลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญากู้มอบให้จำเลยที่ 2เป็นหลักฐานแห่งหนี้การพนันที่จำเลยที่ 1 เสียแก่จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นลงในแบบพิมพ์นั้นสัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นเอกสารปลอม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมนำสืบหักล้างตามข้อต่อสู้ได้เพราะมิใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเงินเพื่อตกลงเลิกคดีหลังถูกทำร้าย ไม่ถือเป็นความผิดขู่กรรโชก หากไม่มีเจตนาทุจริต
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ถูกผู้เสียหายยิง แล้วได้ไปแจ้งความต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกำนัน การที่จำเลยที่ 2 เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายเพื่อตกลงเลิกคดีกัน และจำเลยที่ 1 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายเป็นทำนองไกล่เกลี่ยให้เลิกแล้วต่อกันนั้น ดังนี้ จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 148, 337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเงินตกลงคดีหลังถูกทำร้าย: ไม่เป็นความผิดขู่กรรโชก หากไม่มีเจตนาทุจริต
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ถูกผู้เสียหายยิง แล้วได้ไปแจ้งความต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกำนัน การที่จำเลยที่ 2 เรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหายเพื่อตกลงเลิกคดีกัน และจำเลยที่ 1 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายเป็นทำนองไกล่เกลี่ยให้เลิกแล้วต่อกันนั้น ดังนี้จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 148, 337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกหนี้หลังเลิกบริษัท, อำนาจทนาย, และการตีราคาไม้ของกลาง
แม้การชำระบัญชีสิ้นสุดไปแล้ว กฎหมายยังให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้สินที่บริษัทหรือผู้ถือหุ้นเป็นหนี้อยู่ได้
กรณีเรื่องนี้ว่ากล่าวกันให้บริษัทผู้ร้องต้องรับผิดเป็นเงินวางศาลเมื่อบริษัทผู้ร้องรับไม้ของกลางไปและได้ว่ากล่าวกันก่อนเลิกบริษัท ฉะนั้น ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ประกอบมาตรา 1272 คู่กรณีจึงคงว่ากล่าวคดีกันต่อมาได้และทนายของบริษัทผู้ร้องคงมีอำนาจดำเนินคดีต่อมาตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วันบริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้ามไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวงราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้นการตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท
กรณีเรื่องนี้ว่ากล่าวกันให้บริษัทผู้ร้องต้องรับผิดเป็นเงินวางศาลเมื่อบริษัทผู้ร้องรับไม้ของกลางไปและได้ว่ากล่าวกันก่อนเลิกบริษัท ฉะนั้น ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ประกอบมาตรา 1272 คู่กรณีจึงคงว่ากล่าวคดีกันต่อมาได้และทนายของบริษัทผู้ร้องคงมีอำนาจดำเนินคดีต่อมาตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วันบริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้ามไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวงราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้นการตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกหนี้หลังชำระบัญชีเลิกบริษัท และอำนาจทนายความในการดำเนินคดี
แม้การชำระบัญชีสิ้นสุดไปแล้ว กฎหมายยังให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้สินที่บริษัทหรือผู้ถือหุ้นเป็นหนี้อยู่ได้ กรณีเรื่องนี้ว่ากล่าวกันให้บริษัทผู้ร้องต้องรับผิดเป็นเงินวางศาลเมื่อบริษัทผู้ร้องรับไม้ของกลางไปและได้ว่ากล่าวกันก่อนเลิกบริษัท ฉะนั้น ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ประกอบมาตรา 1272 คู่กรณีจึงคงว่ากล่าวคดีกันต่อมาได้และทนายของบริษัทผู้ร้องคงมีอำนาจดำเนินดคีต่อมาตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วัน บริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้าม ไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวง ราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้น การตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือ ลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วัน บริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้าม ไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวง ราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้น การตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือ ลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการพิสูจน์เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดอันตราย
จำเลยไม่ได้ขับรถเร็ว และทางลากไม้ที่ขับมานั้นเป็นทางจำกัดบังคับให้ขับโดยข้างหนึ่งเป็นคลอง อีกข้างหนึ่งเป็นเขา จะขับให้ห่างคลองไปอีกไม่ได้เพราะติดเขาการที่ล้อพ่วงเอียงนั้นก็เนื่องจากที่ตรงนั้น เป็นหลุม เอาหินกองไว้ หินแตก เป็นเหตุให้ระดับล้อที่ผ่านไปทรุดต่ำลงและรถคันที่จำเลยขับก็ไม่ได้คว่ำถ้าผู้ตายไม่ด่วนตัดสินใจกระโดดจากรถเหมือนคนอื่นก็คงไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ดังนี้หาใช่ความประมาท ของจำเลยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถและการพิสูจน์เหตุปัจจัยทางกายภาพที่ส่งผลต่ออุบัติเหตุ
จำเลยไม่ได้ขับรถเร็ว และทางลากไม้ที่ขับมานั้นเป็นทางจำกัดบังคับให้ขับโดยข้างหน้าเป็นคลอง อีกข้างหนึ่งเป็นเขา จะขับให้ห่างคลองไปอีกไม่ได้เพราะติดเขา การที่ล้อพ่วงเอียงนั้นก็เนื่องจากที่ตรงนั้นเป็นหลุม เอาหินกองไว้ หินแตก เป็นเหตุให้ระดับล้อที่ผ่านไปทรุดต่ำลง และรถคันที่จำเลยขับก็ไม่ได้คว่ำ ถ้าผู้ตายไม่ด่วนตัดสินใจกระโดดจากรถเหมือนคนอื่น ก็คงไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ดังนี้ หาใช่ความประมาทของจำเลยไม่