คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวิง ลัดพลี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,124 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าโดยความยินยอมก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งฯ และสิทธิของคู่สัญญาในการบังคับตามสัญญาแบ่งทรัพย์สิน
สามีภริยาที่สมรสกันก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 เมื่อได้ตกลงหย่ากันโดยทำเป็นหนังสือและมีพยานลงลายมือชื่อ 2 คน ย่อมเป็นการหย่าที่สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากัน ได้ทำสัญญาหย่าและแบ่งทรัพย์สินกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ในสัญญานั้นได้ตกลงยกที่นาและบ้านให้แก่บุตรซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นให้แก่บุตร โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเรียกเอาทรัพย์สินที่ตกลงกันยกให้บุตรนั้นมาเป็นของตนเอง ถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องในนามของจำเลย ให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านให้แก่บุตรตามสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่มีมูลหนี้เดิม การใช้เงินฝากผิดวัตถุประสงค์ และผลของการไม่ชำระหนี้
โจทก์มอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยนำไปฝากธนาคารจำเลยกลับเอาไปใช้เสียหมด จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินโจทก์มีจำนวนเงินเท่ากับที่จำเลยรับฝากไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้ เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่มีมูลหนี้เดิมจากการมอบเงินฝาก สัญญาสมบูรณ์ใช้บังคับได้
โจทก์มอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยนำไปฝากธนาคาร จำเลยกลับเอาไปใช้เสียหมด จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินโจทก์มีจำนวนเงินเท่ากับที่จำเลยรับฝากไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้ เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว: การปฏิบัติตามกฎหมายที่ดินเป็นสำคัญ แม้กฎหมายจะเปลี่ยนแปลง
ตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินได้ ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกำหนดที่กฎหมายระบุไว้ และต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เมื่อมิได้ปฏิบัติเพื่อการได้มาซึ่งที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ย่อมไม่ได้ที่ดินหรือไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน แม้พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ. 2486 จะถูกยกเลิกโดยประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ตามประมวลกฎหมายที่ดินก็บัญญัติถึงการได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวทำนองเดียวกับพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวจึงไม่ทำให้คนต่างด้าวที่มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายมีสิทธิในที่ดิน
โจทก์เป็นคนต่างด้าวมิได้ปฏิบัติเพื่อการได้มาซึ่งที่พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิในที่พิพาท และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินของคนต่างด้าว: การปฏิบัติตามกฎหมายที่ดินเป็นสำคัญ
ตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินได้ ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกำหนดที่กฎหมายระบุไว้ และต้องได้รับอนุญาติจากเจ้าพนักงาน เมื่อมิได้ปฏิบัติเพื่อการได้มาซึ่งที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ย่อมไม่ได้ที่ดินหรือไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน แม้พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 จะถูกยกเลิกโดยประมวลกฎหมายที่ดินแต่ตามประมวลกฎหมายที่ดินก็บัญญัติถึงการได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวทำนองเดียวกับพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว จึงไม่ทำให้คนต่างด้าวที่มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายมีสิทธิในที่ดิน
โจทก์เป็นคนต่างด้าวมิได้ปฏิบัติเพื่อการได้มาซึ่งที่พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่มีสิทธิในที่พิพาท และไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้เรื่องเจตนาในการทำสัญญา และผลของการกรอกข้อความในสัญญาเกินจริง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้ ความจริงโจทก์ให้เงินจำเลยไปหากำไรทางดอกเบี้ยซึ่งโจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ ให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้ค้ำประกันด้านหลังโดยยังไม่ได้กรอกข้อความและวันเดือนปีหรือลงจำนวนเงินในสัญญากู้นั้นเลย โจทก์สมคบกับพยานและผู้เขียนกรอกข้อความและจำนวนปลอมขึ้น ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ ไม่ถือว่าจำเลยนำสืบเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุแห่งสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันนั้นว่าไม่สมบูรณ์ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
การที่โจทก์มากรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันในจำนวนเงินเกินว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้และค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์จากข้อตกลงที่ไม่ชัดเจนและการกรอกข้อความเกินจริง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้ ความจริงโจทก์ให้เงินจำเลยไปหากำไรทางดอกเบี้ยซึ่งโจทก์ได้ให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ ให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้ค้ำประกันด้านหลังโดยยังไม่ได้กรอกข้อความและวันเดือนปีหรือลงจำนวนเงินในสัญญากู้นั้นเลย โจทก์สมคบกับพยานและผู้เขียนกรอกข้อความและจำนวนเงินปลอมขึ้นดังนี้ การที่จำเลยสืบตามข้อต่อสู้นี้ไม่ถือว่าจำเลยนำสืบเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุแห่งสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันนั้นว่าไม่สมบูรณ์ จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
การที่โจทก์มากรอกข้อความลงในสัญญากู้และค้ำประกันในจำนวนเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นจริง โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้และค้ำประกันดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค และการร่วมกระทำผิด
ฟ้องที่มิได้กล่าวหาว่า จำเลยร่วมกระทำความผิดด้วย จึงลงโทษไม่ได้
จำเลยที่ 1 ออกเช็คให้จำเลยที่ 2 ไปยืมเงินโจทก์ร่วมจำเลยที่ 2 ก็ได้ยืมเงินและมอบเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ร่วมเป็นการชำระหนี้ แม้โจทก์ร่วมรับเช็คไว้โดยรู้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินในบัญชีก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมรู้เห็นเป็นใจกระทำผิดกับจำเลยอันจะถือว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินยังไม่เกิดจนกว่าจะขอรับเงิน และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน นอกจากนี้โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 ตกลงกันขณะออกเช็คว่า จะบังคับการจ่ายเงินต่อเมื่อพ้นกำหนด 1 เดือน นับแต่วันออกเช็คจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินจนกว่าจะพ้น 1 เดือน แต่เมื่อพ้น 1 เดือน จำเลยที่ 1 มิได้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระเงินตามเช็ค และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าปิดบัญชีจำเลยที่ 1 แล้ว จึงถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยในขณะออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯมาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี การร่วมรู้เห็นเป็นใจของผู้รับเช็ค และการบังคับใช้เช็คตามข้อตกลง
ฟ้องที่มิได้กล่าวหาว่า จำเลยร่วมกระทำความผิดด้วย จึงลงโทษไม่ได้
จำเลยที่ 1 ออกเช็คให้จำเลยที่ 2 ก็ได้ยืมเงินและมอบเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ร่วมเป็นการชำระหนี้ แม้โจทก์ร่วมรับเช็คไว้โดยรู้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินในบัญชี ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมรู้เห็นเป็นใจกระทำผิดกับจำเลยอันจะถือว่าไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินยังไม่เกิดจนกว่าจะขอรับเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน นอกจากนี้โจทก์ร่วมและจำเลยที่ 2 ตกลงกันขณะออกเช็คว่า จะบังคับการจ่ายเงินต่อเมื่อพ้นกำหนด 1 เดือน นับแต่วันออกเช็ค จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินจนกว่าจะพ้น 1 เดือน แต่เมื่อพ้น 1 เดือน จำเลยที่ 1 มิได้นำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระเงินตามเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าปิดบัญชีจำเลยที่ 1 แล้ว จึงถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยในขณะออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการยึดทรัพย์สินเกินความจำเป็น ผู้ผิดพลาดต้องดำเนินการคัดค้านตั้งแต่แรก
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 34,000 บาทเศษ และดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีในเงินต้น 30,000 บาท จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาเลย เจ้าพนักงานจึงต้องยึดที่ทั้งแปลงราคาประมาณ 100,000 บาท แม้ต่อมาจำเลยจะได้ผ่อนชำระหนี้ไปถึง 35,000 บาท หากจำเลยเห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดียึดสวนยางของจำเลยทั้งแปลงมากเกินความจำเป็น ก็ชอบที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานแบ่งยึดแต่พอควร หากจำเลยเห็นควรแบ่งขายให้พอดีกับหนี้สินที่ค้าง จำเลยก็น่าจะได้แถลงให้ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ ในวันขายจำเลยได้มอบให้ทนายความมาระวังผลประโยชน์ของจำเลย ทนายความมิได้ทักท้วงในเรื่องนี้ แสดงว่าทนายจำเลยก็เห็นชอบด้วย จะยกเป็นเหตุคัดค้านเมื่อขายทอดตลาดสำเร็จแล้วย่อมไม่ได้
of 113