คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวิง ลัดพลี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,124 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระค่าเช่า แม้ผู้ให้เช่ามิได้เรียกเก็บเอง และผลของการโอนสิทธิเช่า
เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้ฝ่ายผู้ให้เช่าไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า ผู้เช่าจึงมีหน้าที่ไปชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาผู้ให้เช่า ฉะนั้น การที่ผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจึงไม่เป็นข้อแก้ตัวให้ผู้เช่าพ้นความรับผิดในการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระค่าเช่าและการรับโอนสิทธิหน้าที่จากสัญญาเช่าเดิม ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาผู้ให้เช่า
เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้ฝ่ายผู้ให้เช่าไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าผู้เช่าจึงมีหน้าที่ไปชำระค่าเช่า ณ ภูมิลำเนาของผู้ให้เช่าฉะนั้น การที่ผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจึงไม่เป็นข้อแก้ตัวให้ผู้เช่าพ้นความรับผิดในการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่: ปัญหาข้อเท็จจริงเรื่องการใช้พื้นที่เช่าเพื่อการค้าเป็นส่วนใหญ่หรือไม่ ถือเป็นฎีกาที่ต้องห้าม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยและไปเผชิญสืบห้องพิพาทด้วยแล้วจึงวินิจฉัยว่า จำเลยทำการค้าเป็นส่วนใหญ่ เช่นนี้ จำเลยจะอุทธรณ์หรือฎีกาว่าทำการค้าเป็นส่วนน้อยไม่ได้ ถือว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วโต้แย้งอีกไม่ได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยและไปเผชิญสืบห้องพิพาทด้วยแล้วจึงวินิจฉัยว่า จำเลยทำการค้าเป็นส่วนใหญ่ เช่นนี้ จำเลยจะอุทธรณ์หรือฎีกาว่าทำการค้าเป็นส่วนน้อยไม่ได้ถือว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้มีการบรรยายถึงการ 'รับเอา' ทรัพย์ไว้ ก็ไม่ทำให้การกระทำความผิดฐานช่วยจำหน่ายสิ้นไป
มีคนเอาปืนมาจำนำจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับผู้อื่นโดยจำเลยช่วยพูดจาให้เขารับจำนำ เช่นนี้เป็นการช่วยจำหน่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า จำเลยนี้กับพวกได้นำเอาอาวุธปืนดังกล่าวไปจำนำนายนวลแสงพุ่มพงษ์เป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างถึงจำเลยกระทำช่วยจำหน่ายอยู่ในตัวแล้วแม้ตอนต่อไปโจทก์จะบรรยายสรุปการกระทำของจำเลยว่า ทั้งนี้จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันรับเอาอาวุธปืนเป็นทำนองจำเลยรับไว้ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยและความหมายข้างต้นที่โจทก์บรรยายฟ้องเสียไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือการจำหน่ายทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357
มีคนเอาปืนมาจำนำจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับผู้อื่น โดยจำเลยช่วยพูดจาให้เขารับจำเลย เช่นนี้ เป็นการช่วยจำหน่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่าจำเลยนี้กับพวกได้นำเอาอาวุธปืนดังกล่าวไปจำนวนนายนวล แสงพุ่มพงษ์ เป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างถึงจำเลยกระทำช่วยจำหน่ายอยู่ในตัวแล้ว แม้ตอนต่อไปโจทก์จะบรรยายสรุปการกระทำของจำเลยว่า ทั้งนี้จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันรับเอาอาวุธปืน เป็นทำนองจำเลยรับไว้ ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยและความหมายข้างต้นที่โจทก์บรรยายฟ้องเสียไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์: ผลของการส่งเอกสารผิดพลาดและการบังคับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือไปให้ผู้ร้องชำระหนี้ภายใน 14 วันผู้ร้องเข้าใจผิดส่งหนังสือปฏิเสธหนี้ไปที่อื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอให้ศาลออกคำบังคับโดยถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินตามมาตรา 119ศาลออกคำบังคับให้ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาหนังสือปฏิเสธหนี้ของผู้ร้องศาลยกคำร้องคดีสู่ศาลฎีกาสั่งว่าผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ๆ ขอให้ศาลบังคับศาลก็ต้องบังคับให้จะสั่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลายต้องทำต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาเหตุผลอื่น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือไปถึงผู้ร้องให้ชำระหนี้หรือชี้แจงข้อปฏิเสธเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 14 วัน ผู้ร้องเข้าใจผิดว่ากองบังคดีล้มละลายเป็นส่วนราชการของศาลแพ่ง จึงมีหนังสือปฏิเสธหนี้ไปถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้รับชำระหนี้หรือหนังสือปฏิเสธหนี้จากผู้ร้องภายในกำหนดเวลา จึงถือว่าผู้ร้องเป็นลูกหนี้กองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 ศาลแพ่งได้ออกคำบังคับให้ผู้ร้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาหนังสือปฏิเสธหนี้ของผู้ร้อง ศาลแพ่งสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใมหญ่เห็นว่า ผู้ร้องมิได้แจ้งการปฏิเสธเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 วรรคแรก เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งบังคับผู้ร้องชำระหนี้ ศาลก็ต้องสั่งบังคับให้ผู้ร้องชำระหนี้ผู้ร้องจะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ข้อที่ผู้ร้องกล่าวถึงความเข้าใจผิดจึงได้มีหนังสือไปถึงอธิบดีศาลแพ่งนั้น แม้ศาลจะเห็นใจในความเข้าใจผิดศาลก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งเป็นอย่างอื่นให้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังศาลสั่งจำหน่ายคดีบางส่วนและการใช้ดุลพินิจของศาลในการอนุญาต
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ให้โอกาสแก่โจทก์จำเลยที่จะขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้อง หรือคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา ในเมื่อมีเหตุอันสมควรแต่ถึงแม้จะมีเหตุอันสมควรดังที่โจทก์หรือจำเลยอ้างแล้วกฎหมายยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้คดีเสร็จโดยรวดเร็วจึงจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธและนัดตัดสินเนิ่นนานไปถึง 7 วัน เพื่อประสานกับคดีที่ให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ใหม่ ซึ่งถ้าศาลไม่สั่งเช่นนั้น จำเลยที่ 1 ก็จะถูกศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่อาจยื่นคำให้การใหม่ ดังนี้เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ(อ้างนัยฎีกาที่ 555/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การภายหลังการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี ศาลมีดุลพินิจอนุมัติหรือไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ให้โอกาสแก่โจทก์จำเลยที่จะขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้อง หรือคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา ในเมื่อมีเหตุอันสมควร แต่ถึงแม้จะมีเหตุอันสมควรดังที่โจทก์หรือจำเลยอ้างแล้วกฎหมายยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้คดีเสร็จโดยรวดเร็ว จึงจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธ และนัดตัดสินเนิ่นนานไปถึง 7 วัน เพื่อประสานกับคดีที่ให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ใหม่ ซึ่งถ้าศาลไม่สั่งเช่นนั้น จำเลยที่ 1 ก็จะถูกศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่อาจยื่นคำให้การใหม่ ดังนี้ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ (อ้างนัยฎีกาที่ 555/2501)
of 113