พบผลลัพธ์ทั้งหมด 112 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341-350/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของจังหวัดจากการกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัด และการรุกล้ำที่สาธารณสมบัติ
จังหวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลและมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แทนนั้น เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้กระทำการใดอันเป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจและหน้าที่ราชการในตำแหน่งแล้ว จังหวัดก็จะต้องรับผิดชอบ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจึงมีอำนาจฟ้องจังหวัดเป็นจำเลยได้
โจทก์ปลูกสร้างอาคารลงในที่ดินของตนต่อมาน้ำในแม่น้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้าไปถึงใต้ถุนอาคาร โจทก์จึงได้ต่อเสาและเอาไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันมิให้อาคารของตนพังลงนั้น หาใช่โจทก์เข้าไปปลูกปักอาคารในที่ซึ่งเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามความหมายของประกาสคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ไม่.
โจทก์ปลูกสร้างอาคารลงในที่ดินของตนต่อมาน้ำในแม่น้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้าไปถึงใต้ถุนอาคาร โจทก์จึงได้ต่อเสาและเอาไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันมิให้อาคารของตนพังลงนั้น หาใช่โจทก์เข้าไปปลูกปักอาคารในที่ซึ่งเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามความหมายของประกาสคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341-350/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของจังหวัดจากคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด และการรุกล้ำที่สาธารณะ
จังหวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลและมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แทนนั้นเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้กระทำการใดอันเป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจและหน้าที่ราชการในตำแหน่งแล้วจังหวัดก็จะต้องรับผิดชอบ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายจึงมีอำนาจฟ้องจังหวัดเป็นจำเลยได้
โจทก์ปลูกสร้างอาคารลงในที่ดินของตน ต่อมาน้ำในแม่น้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้าไปถึงใต้ถุนอาคารโจทก์จึงได้ต่อเสาและเอาไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันมิให้อาคารของตนพังลงนั้น หาใช่โจทก์เข้าไปปลูกปักอาคารในที่ซึ่งเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามความหมายของประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 ไม่
โจทก์ปลูกสร้างอาคารลงในที่ดินของตน ต่อมาน้ำในแม่น้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้าไปถึงใต้ถุนอาคารโจทก์จึงได้ต่อเสาและเอาไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันมิให้อาคารของตนพังลงนั้น หาใช่โจทก์เข้าไปปลูกปักอาคารในที่ซึ่งเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามความหมายของประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม หากศาลแขวงชี้ขาดแล้ว
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้อง โดยชี้ขาดข้อเท็จจริงว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกโฉนดจากจำเลยมาทำการสอบสวนในกรณีที่มีผู้คัดค้านโต้แย้งการขอรับมรดกโจทก์อุทธรณ์ว่าความจำเป็นมีแล้ว เช่นนี้ เป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท: ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาที่อ้างอิงบทกฎหมายผิดพลาดได้
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นใส่ชื่อกฎหมายที่ใช้ลงโทษจำเลยผิดพลาดไป โดยใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทนที่จะเป็นกฎหมายลักษณะอาญาการที่ศาลฎีกาจะแก้ให้ถูกต้องย่อมไม่เป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้โจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์และฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตามที่ถูกต้องได้
การที่เอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จไปให้การต่อเจ้าพนักงาน ก็เท่ากับแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานนั่นเอง จะอ้างว่าเป็นเรื่องผู้บังคับบัญชาเรียกตนไปสอบถามเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2507)
การที่เอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จไปให้การต่อเจ้าพนักงาน ก็เท่ากับแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานนั่นเอง จะอ้างว่าเป็นเรื่องผู้บังคับบัญชาเรียกตนไปสอบถามเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท: ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขคำพิพากษาศาลล่างให้ถูกต้องได้ แม้โจทก์มิได้ฎีกา
คำพิพากษาของศาลชั้นต้นใส่ชื่อกฎหมายที่ใช้ลงโทษจำเลยผิดพลาดไป โดยใช้ประมวลกฎหมายอาญาแทนที่จะเป็นกฎหมายลักษณะอาญา การที่ศาลฎีกาจะแก้ให้ถูกต้องย่อมไม่เป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตามที่ถูกต้องได้
การที่เอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จไปให้การต่อเจ้าพนักงาน ก็เท่ากับแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานนั่นเอง จะอ้างว่าเป็นเรื่องผู้บังคับบัญชาเรียกคนไปสอบถามเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2507)
การที่เอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จไปให้การต่อเจ้าพนักงาน ก็เท่ากับแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานนั่นเอง จะอ้างว่าเป็นเรื่องผู้บังคับบัญชาเรียกคนไปสอบถามเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองนาและการแบ่งผลประโยชน์ ไม่ถือเป็นการเช่าธรรมดา เจ้าของนาเดิมมีแต่สิทธิเก็บกิน
เจ้าของนายกนาพิพาทให้ผู้รับ ต่อมาผู้รับยอมให้เจ้าของนาเดิมครอบครองนาโดยผู้รับยอมเช่านา แบ่งผลประโยชน์ให้เจ้าของนาเดิมหนึ่งในสี่ จนตลอดชั่วชีวิตของเจ้าของนาเดิม เช่นนี้ ถือว่า ผู้รับยังมิได้สละสิทธิครอบครอง ผู้รับยังเป็นเจ้าของนาพิพาทอยู่กรณีจึงมิใช่เป็นการเช่าธรรมดา เจ้าของนาเดิมมีแต่เพียงสิทธิเก็บกินเท่านั้น ฉะนั้นเจ้าของนาเดิมจะเรียกร้องเอานาพิพาทไปเป็นของตนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาและการป้องกันตนเอง
ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาต่อกันแต่ถ้าความผิดที่จำเลยอ้างว่าโจทก์กระทำนั้นมิใช่เป็นความผิดอันเดียวกันหรือที่ก่อขึ้นด้วยกันหากแต่ต่างคนต่างกระทำในวาระต่างกันแล้วโจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีได้
การอ้างสิทธิป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 นั้นจะต้องเป็นการป้องกันภยันตรายที่ใกล้จะถึงซึ่งจะบังเกิดขึ้นแก่จำเลย
การอ้างสิทธิป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 นั้นจะต้องเป็นการป้องกันภยันตรายที่ใกล้จะถึงซึ่งจะบังเกิดขึ้นแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดิน: คำพิพากษาบังคับรื้อสิ่งปลูกสร้าง หรือชดใช้ค่าที่ดิน
คำพิพากษาที่บังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษารื้อห้องแถวที่ปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่พิพาทออกเสียจากที่พิพาทถ้าไม่สามารถจะรื้อได้ให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาใช้ค่าที่ดินให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะเลือกปฏิบัติในประการหลังโดยอ้างเหตุว่าถ้ารื้อห้องแถวแล้วลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะได้รับความเสียหายมากนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: การรู้ตัวผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายเริ่มต้นเมื่อทราบตัวผู้กระทำละเมิด ไม่จำเป็นต้องรู้จำนวนค่าเสียหายที่แน่นอน
ผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งกล่าวไว้ในมาตรา 448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ก็คือ ผู้ทำละเมิดตามมาตรา 420 นั่นเองและการรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 448 นั้น ก็มิได้หมายรวมถึงการรู้จำนวนค่าเสียหายที่ผู้ละเมิดจะพึงต้องใช้ด้วย
เสมียนแผนกเงินยักยอกเงินของทางราชการในระหว่างที่จำเลย3 คนดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินสืบต่อกัน เมื่ออธิบดีกรมนั้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบสวนว่า จำเลยคนใดจะต้องรับผิดเพียงใด เป็นจำนวนเงินเท่าใด ย่อมแล้วแต่ความทุจริตซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จำเลยนั้นๆเป็นหัวหน้าแผนก ดังนี้ อายุความในการที่กรมนั้นจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยย่อมเริ่มต้นแล้วแม้รายงานนั้นจะแจ้งด้วยว่า ในขณะนั้นยังไม่สามารถจะรายงานให้ทราบจำนวนเงินซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดก็ตาม
เสมียนแผนกเงินยักยอกเงินของทางราชการในระหว่างที่จำเลย3 คนดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินสืบต่อกัน เมื่ออธิบดีกรมนั้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบสวนว่า จำเลยคนใดจะต้องรับผิดเพียงใด เป็นจำนวนเงินเท่าใด ย่อมแล้วแต่ความทุจริตซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จำเลยนั้นๆเป็นหัวหน้าแผนก ดังนี้ อายุความในการที่กรมนั้นจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยย่อมเริ่มต้นแล้วแม้รายงานนั้นจะแจ้งด้วยว่า ในขณะนั้นยังไม่สามารถจะรายงานให้ทราบจำนวนเงินซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: การรู้ตัวผู้ละเมิดเริ่มต้นเมื่อทราบการกระทำละเมิด ไม่จำเป็นต้องรู้จำนวนค่าเสียหาย
ผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งกล่าวไว้ในมาตรา 448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ก็คือ ผู้ทำละเมิดตามมาตรา 420 นั่นเอง และการรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 448 นั้น ก็มิได้หมายรวมถึงการรู้จำนวนค่าเสียหายที่ผู้ละเมิดจะพึงต้องใช้ด้วย
เสมียนแผนกเงินยักยอกเงินของทางราชการในระหว่างที่จำเลย 3 คนดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินสืบต่อกันเมื่ออธิบดีกรมนั้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบสวนว่าจำเลยคนใดจะต้องรับผิดเพียงใด เป็นจำนวนเงินเท่าใดย่อมแล้วแต่ความทุจริตซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จำเลยนั้น ๆ เป็นหัวหน้าแผนก ดังนี้ อายุความในการที่กรมนั้นจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยย่อมเริ่มต้นแล้ว แม้รายงานนั้นจะแจ้งด้วยว่าในขณะนั้นยังไม่สามารถจะรายงานให้ทราบจำนวนเงินซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดก็ตาม
เสมียนแผนกเงินยักยอกเงินของทางราชการในระหว่างที่จำเลย 3 คนดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินสืบต่อกันเมื่ออธิบดีกรมนั้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบสวนว่าจำเลยคนใดจะต้องรับผิดเพียงใด เป็นจำนวนเงินเท่าใดย่อมแล้วแต่ความทุจริตซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จำเลยนั้น ๆ เป็นหัวหน้าแผนก ดังนี้ อายุความในการที่กรมนั้นจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยย่อมเริ่มต้นแล้ว แม้รายงานนั้นจะแจ้งด้วยว่าในขณะนั้นยังไม่สามารถจะรายงานให้ทราบจำนวนเงินซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดก็ตาม