คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถขจรนิติปคุณ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 112 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เครื่องหมายการค้าโดยไม่สุจริตเพื่อแอบอิงชื่อเสียงของผู้อื่น
เครื่องหมาย "MOLINARD" และ เครื่องหมาย "MOLINARD"กับ "M" เป็นเครื่องหมายที่โจทก์คิดประดิษฐ์ขึ้นใช้เฉพาะกับสินค้าของโจทก์ซึ่งส่งมาจำหน่ายแพร่หลายในประเทศไทยกว่า 20 ปีแล้ว การที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า คำว่า "MOLINARD"และ"MOLINARD" กับ "M" โดยดัดแปลงตัวอักษรให้เพี้ยนไปบ้าง เพื่อแอบอิงชื่อเสียงเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้กับสินค้าของจำเลยนั้นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลห้ามมิให้จำเลยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้เงินเบิกเกินบัญชี, ดอกเบี้ยทบต้นผิดสัญญา, และขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
การที่ลูกหนี้นำเงินเข้าบัญชีและถอนไปในระยะเวลาที่ยังมีการเบิกเงินเกินบัญชีกันอยู่ หาเป็นการชำระหนี้เงินเบิกเกินบัญชีแต่อย่างใดไม่
จะนำข้อตกลงในการเบิกเงินเกินบัญชีที่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้นทุกเดือนไปใช้ในกรณีที่มีการผิดนัดไม่ชำระหนี้แล้วไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ กรณีปลัดอำเภอลงนามในใบอนุญาตเกินอำนาจ
จำเลยเป็นปลัดอำเภอมีหน้าที่รับคำขอและสอบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับการขออนุญาตให้และมีอาวุธปืน แล้วทำความเห็นเสนอต่อนายอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาต จำเลยก็มีหน้าที่กรอกข้อความในใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเสนอนายอำเภอ ลงลายมือชื่อในฐานะนายทะเบียนท้องที่ จำเลยไม่มีอำนาจที่จะลงลายมือชื่อได้ ดังนี้ หากจำเลยลงลายมือชื่อของจำเลยเองในใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแล้วประทับตราตำแหน่งนายอำเภอเป็นการปลอมตนว่าเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจลงนามในใบอนุญาตแล้ว ใบอนุญาตนี้ก็ไม่ใช่ใบอนุญาตอันแท้จริง เพราะไม่ได้ลงนามพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจออกใบอนุญาต จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารกู้เงินปิดแสตมป์ไม่ครบ แต่ยังใช้เป็นหลักฐานได้หากเสียอากรเพิ่มเติม
หนังสือกู้ปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราแล้ว แม้จะได้ขีดฆ่าแสตมป์เหล่านั้นไม่ครบก็ยังใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีฟ้องเรียกเงินกู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา ศาลมีอำนาจพิจารณาบังคับคดีตามความเป็นจริง แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หากมีเหตุเปลี่ยนแปลง
โจทก์ฟ้องจำเลย ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้วเป็นผลว่าให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 โอนขายที่พิพาทให้โจทก์ 2 งาน โดยวัดจากหลักหมายเลขที่ 12021 ไปหาหลักเลขที่ 08080 โดยให้เป็นรูปที่ดินตามเส้นแดงในแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง ถ้าหากจำเลยไม่ปฏิบัติการโอนให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยนี้ด้วย ถ้าจำเลยไม่สามารถขายที่ดินรายนี้ให้โจทก์ได้ตามที่กล่าวแล้ว ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนเงินมัดจำ 5,000 บาทแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 10,000 บาทดังนี้ ในการบังคับคดีย่อมเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นที่จะต้องดูว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะปฏิบัติการโอนขายที่พิพาทให้โจทก์2 งานดังกล่าวแล้วได้โดยชอบด้วยกฎหมายได้หรือไม่ และจะถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยได้หรือไม่เมื่อไม่มีทางปฏิบัติตามที่กล่าวนั้นได้แล้วจึงจะบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 5,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 10,000 บาท
กรณีดังกล่าวข้างต้น ในชั้นแรกข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลว่า จำเลยไม่อาจปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำบังคับโดยวิธีแรกนั้นได้ โจทก์ขอให้บังคับการโอนเป็นอย่างอื่นศาลชั้นต้นจึงสั่งบังคับให้เป็นไปโดยวิธีที่สอง คือให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมทั้งดอกเบี้ยและชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แม้จะมีการอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นขึ้นมาและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาพิพากษายืนตามนั้นก็ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็เป็นคำวินิจฉัยในเรื่องคำสั่งบังคับคดีของศาลชั้นต้นนั้นเองเป็นการวินิจฉัยในกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล จึงต้องด้วยข้อยกเว้นให้รื้อร้องกันอีกได้ตามมาตรา 148(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวนั้น คือ ยังมิได้คืนเงินมัดจำและชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ถ้ามีข้อเท็จจริงใหม่ปรากฏต่อศาลว่าศาลอาจดำเนินการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาโดยวิธีแรกอันเป็นคำบังคับตามคำขอที่เป็นประธานในคดีนี้ได้อยู่โจทก์ก็มีสิทธิที่จะขอคำบังคับศาลให้ดำเนินการไปตามความจริงตามคำพิพากษาได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินชลประทาน: สาธารณสมบัติ ปักหลักเกินแนวเดิมได้ หากมีเหตุผลและความจำเป็น
กรมชลประทานปักหลักกันเขตที่ดินเพื่อใช้ในการชลประทานแม้จะปักเกินเขตที่กำหนดไว้ในประกาศกระแสพระบรมราชโองการเรื่อง ขยายการหวงห้ามและจัดซื้อที่ดินสำหรับการทดน้ำ ไขน้ำฯลฯ เพราะดินเหลว ต้องใช้เนื้อที่มากกว่ากำหนดถ้าที่ดินตอนใดมีเจ้าของก็จ่ายเงินซื้อแล้วจึงปักหลักตอนใดไม่มีเจ้าของก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อดังนี้ต้องถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) โดยไม่ต้องมีกฎหมายพิเศษให้อำนาจอีกผู้ใดจะบุกรุกและยกอายุความการครอบครองขึ้นยันกรมชลประทานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ มิใช่การค้ำประกันหนี้ตามมาตรา 700
ค้ำประกันความเสียหายที่ลูกจ้างจะก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการร้านค้า มิใช่เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
เมื่อผู้ค้ำประกันถูกฟ้องเป็นจำเลย ผู้ค้ำประกันให้การต่อสู้ว่านายจ้างได้ผ่อนเวลาให้ลูกจ้างชำระเงินที่ยักยอกเอาไปโดยผู้ค้ำประกันมิได้ยินยอมด้วย แต่มิได้ระบุให้ชัดว่านายจ้างได้ผ่อนเวลาให้ตอนไหนเมื่อไรผู้ค้ำประกันจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดดอกเบี้ยหลังการยึดทรัพย์: จำเลยโต้แย้งการชำระหนี้ ทำให้ต้องรับผิดดอกเบี้ยต่อจนกว่าจะยุติการโต้แย้ง
จำเลยไม่ใช้เงินตามคำพิพากษาตามยอมจนต้องมีการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยที่จำนองโจทก์ไว้ออกขายทอดตลาดขายได้แล้ว จำเลยร้องคัดค้านว่าขายราคาต่ำไปเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยความเห็นชอบของศาลจึงได้รอการจ่ายเงินไว้จนกว่าคดีที่จำเลยร้องคัดค้านนั้นถึงที่สุดดังนี้ ถือว่าจำเลยโต้แย้งการชำระหนี้ให้โจทก์ตลอดมาจำเลยต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ตลอดระยะเวลาที่โต้แย้งนั้นเพราะโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ด้วยความผิดของจำเลยที่ทำการโต้แย้งเอง
ระเบียบการของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่คิดดอกเบี้ยให้เพียงถึงวันขายทอดตลาดจะนำมาใช้บังคับแก่กรณีดังกล่าวข้างต้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา การบังคับชำระหนี้ทางศาล และค่าเสียหายจากการไม่มีทางออก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 213 เมื่อศาลได้พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษาถ้าจำเลยได้เอาที่พิพาทนั้นไปจำนองเป็นประกันหนี้แก่บุคคลที่สามไว้ก่อนศาลมีคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องจัดการให้สภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าหากจำเลยไม่ปรารถนาจัดการหรือไม่สามารถจัดการให้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทกลับคืนมาสู่จำเลยโดยสมบูรณ์เพื่อทำนิติกรรมเป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ ศาลไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้บุคคลที่สามกระทำการอันนั้นโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายให้ เพราะกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทได้ตกเป็นประกันหนี้โดยการจำนองโดยชอบแก่บุคคลที่สามแล้วบุคคลที่สามจะต้องเสียหายโดยไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยแต่อย่างใดเมื่อเป็นดังนี้ จึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 215 ซึ่งได้บัญญัติว่า'เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นก็ได้'ความเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้นี้ เป็นความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์จำต้องไปซื้อที่ดินของบุคคลอื่นเพื่อทำเป็นทางเดินออกถึงทางสาธารณะก็เป็นการสืบแสดงถึงความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ของจำเลยให้ต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้นั้นที่เรียกว่าความเสียหายนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องจ่ายเงินไปแล้วโดยจริงจังแต่อย่างใดการเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นอาจคำนวณเอาได้ แม้ยังไม่ได้จ่ายเงินไป เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นจำนวนเงินอันอาจคำนวณเป็นค่าสินไหมทดแทนได้แล้ว ศาลก็สั่งบังคับให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363-393/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตลาดในวัดเป็นพื้นที่เอกชน การค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตผิดเทศบัญญัติ
ตลาดที่จัดตั้งขึ้นในบริเวณวัดแม้จะได้รับอนุญาตให้จัดตั้งหรือไม่ก็ตาม ก็ยังเป็นสถานที่เอกชน ผู้ที่นำของไปขายในสถานที่นั้นโดยมิได้รับอนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลย่อมเป็นความผิดต่อเทศบัญญัติซึ่งออกตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 50
of 12