พบผลลัพธ์ทั้งหมด 87 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการชำระบัญชีเพื่อสิ้นสภาพนิติบุคคลตามกฎหมาย
(1) สภาพของนิติบุคคลจำพวกห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนแล้วจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการจดทะเบียน และจะสิ้นสภาพก็ด้วยการจดทะเบียนและกฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้จดทะเบียนเพื่อให้นิติบุคคลสิ้นสภาพไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการในมาตรา 1254,1270
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้นใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507)
(2) การเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีการชำระบัญชี
(3) ความในมาตรา 1061 นั้นใช้บังคับได้เฉพาะห้างหุ้นส่วนสามัญเท่านั้น จะใช้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ เพราะมีหมวด 5 บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่ชำระบัญชีและการสิ้นสภาพนิติบุคคลเมื่อไม่มีหนี้สิน
หุ้นส่วนขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยไม่ชำระบัญชี โดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีหนี้สินและทรัพย์สินใด ๆ กันแล้ว นายทะเบียนได้จดทะเบียนเลิกห้างให้ ห้างหุ้นส่วนนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลนับตั้งแต่วันจดทะเบียน แม้ภายหลังปรากฎว่าห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ชำระบัญชี และยังมีหนี้สินอยู่ ก็ไม่ทำให้ห้างนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่ชำระบัญชีและการสิ้นสภาพนิติบุคคล
หุ้นส่วนขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่ชำระภาษีโดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีหนี้สินและทรัพย์สินใดๆแล้ว นายทะเบียนได้จดทะเบียนเลิกห้างให้ ห้างหุ้นส่วนนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลนับตั้งแต่วันจดทะเบียน แม้ภายหลังปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ชำระบัญชี และยังมีหนี้สินอยู่ ก็ไม่ทำให้ห้างนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิฟ้องร้องก่อนปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย
ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นจำเลยว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนแต่ยังมิได้จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชี โจทก์เตือนให้ไปจัดการ จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้บังคับ จำเลยให้การแต่เพียงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงกันแบ่งทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนกันเอง หนี้สินของห้างหุ้นส่วนก็ไม่มี เป็นการเลิกและชำระบัญชีกันเองเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นที่จะขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องแล้ว ดังนี้ ในชั้นฎีกาจำเลยจะยกปัญหาเรื่องคำฟ้องของโจทก์ขึ้นฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061, 1251 หาใช่ห้างหุ้นส่วนเป็นผู้จัดการชำระบัญชีไม่ คำฟ้องของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าจำเลยไม่จัดการชำระบัญชี ต้องถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายใน 2 มาตรานั้นก่อน จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชี แต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำานจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชี แต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำานจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิโจทก์เมื่อจำเลยเพิกเฉยต่อการชำระบัญชีตามกฎหมาย
ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นจำเลยว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนตกลงเลิกห้างหุ้นส่วน แต่ยังมิได้จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีโจทก์เตือนให้ไปจัดการ จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้บังคับ จำเลยให้การแต่เพียงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงกันแบ่งทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนกันเองหนี้สินของห้างหุ้นส่วนก็ไม่มี เป็นการเลิกและชำระบัญชีกันเองเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นที่จะขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องแล้ว ดังนี้ ในชั้นฎีกาจำเลยจะยกปัญหาเรื่องคำฟ้องของโจทก์ขึ้นฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1061,1251 หาใช่ห้างหุ้นส่วนเป็นผู้จัดการชำระบัญชีไม่ คำฟ้องของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าจำเลยไม่จัดการชำระบัญชีต้องถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามความหมายใน 2มาตรานั้นก่อน จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชีแต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชีแต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีหุ้นส่วนเลิก: สิทธิฟ้องศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีเมื่อตกลงกันเองไม่ได้
การชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 จะตกลงกันให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ หรือจะตกลงกันให้แต่งตั้งบุคคลใดอื่นเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ ในการตกลงกันแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ในกรณีที่ไม่อาจตกลงกันอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว ก็ชอบที่จะต้องนำคดีมาสู่ศาลขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีต่อไป อันเป็นการใช้สิทธิทางศาล ไม่ใช่ว่าจะต้องร่วมกันจัดตั้งผู้ชำระบัญชีโดยคะแนนเสียงข้างมากเสมอไป
ที่กฎหมายระบุไว้ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากนั้น มีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงให้มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีกันเองได้ ก็ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากเท่นั้น ซึ่งถ้าไม่ตกลงหรือตกลงกันไม่ได้ที่จะให้มีการแต่งตั้งโดยคะแนนเสียงข้างมาก ก็ชอบที่จะมาขอให้ศาลแต่งตั้งได้
ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ศาลตั้ง ล. เป็นผู้ชำระบัญชี จำเลยให้การว่าโจทก์จะตรงมาฟ้องศาลขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีไม่ได้ และหากศาลเห็นสมควรตั้งผู้ชำระบัญชีก็ควรตั้งคนกลางที่เหมาะสมเช่นหัวหน้ากองหมาย ฯลฯ เป็นต้น เมื่อศาลตั้งหัวหน้ากองหมาย ซึ่งโจทก์ก็แสดงว่าพอใจแล้ว จำเลยจะว่าไม่สมควรหรือพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ไม่ได้
ที่กฎหมายระบุไว้ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากนั้น มีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงให้มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีกันเองได้ ก็ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากเท่นั้น ซึ่งถ้าไม่ตกลงหรือตกลงกันไม่ได้ที่จะให้มีการแต่งตั้งโดยคะแนนเสียงข้างมาก ก็ชอบที่จะมาขอให้ศาลแต่งตั้งได้
ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ศาลตั้ง ล. เป็นผู้ชำระบัญชี จำเลยให้การว่าโจทก์จะตรงมาฟ้องศาลขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีไม่ได้ และหากศาลเห็นสมควรตั้งผู้ชำระบัญชีก็ควรตั้งคนกลางที่เหมาะสมเช่นหัวหน้ากองหมาย ฯลฯ เป็นต้น เมื่อศาลตั้งหัวหน้ากองหมาย ซึ่งโจทก์ก็แสดงว่าพอใจแล้ว จำเลยจะว่าไม่สมควรหรือพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งขอถอดถอนผู้ชำระบัญชีไม่กระทบความรับผิดต่อห้างหุ้นส่วน การฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม
จำเลยถูกผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญฟ้องเรียกเงินคืน จำเลยจะฟ้องแย้ขอให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชีนั้น ไม่ได้เพราะแม้จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้ พิจารณาแล้วพิพากษาให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชี ฟ้องของผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ยังคงมีอยู่ การถอดถอนผู้ชำระบัญชีในภายหลัง หาได้กระทบกระเทือนความรับผิดของจำเลยต่อห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นแต่ประการใดไม่ ถ้าหากผู้ชำระบัญชีซึ่งได้เป็นผู้ชำระบัญชีอยู่ในเวลาฟ้องนั้นมีอำนาจเรียกร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อห้างหุ้นส่วนสามัญแม้มีการถอดถอนผู้ชำระบัญชี ฟ้องแย้งไม่กระทบการเรียกร้องเดิม
จำเลยถูกผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญฟ้องเรียกเงินคืนจำเลยจะฟ้องแย้งขอให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชีนั้น ไม่ได้ เพราะแม้จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาแล้วพิพากษาให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชี ฟ้องของผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ยังคงมีอยู่การถอดถอนผู้ชำระบัญชีในภายหลังหาได้กระทบกระเทือนความรับผิดของจำเลยต่อห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นแต่ประการใดไม่ถ้าหากผู้ชำระบัญชีซึ่งได้เป็นผู้ชำระบัญชีอยู่ในเวลาฟ้องนั้นมีอำนาจเรียกร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนและการชำระบัญชีเมื่อหุ้นส่วนถึงแก่กรรม ผู้รับมรดกไม่ต้องเป็นหุ้นส่วนแทน
การเป็นหุ้นส่วนกันนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนนั้น ๆ เอง ห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย ผู้รับมรดกก็ดีหรือผู้จัดการมรดกของผู้เป็นหุ้นส่วนที่ตายจะยืนยันถือสิทธิ์โดยลำพังเข้าไปเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตายต่อไปนั้นไม่ได้ และนัยที่ตรงข้ามผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นจะฟ้องขอให้บังคับให้ผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกเช่นว่านั้นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตายต่อไปก็ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วน ผู้จัดการมรดกและผู้รับมรดกจะต้องเข้ามาแทนที่ของหุ้นส่วนผู้ตายเพื่อการชำระบัญชี หลักกฎหมายในเรื่องการที่ต้องเข้ามาแทนที่เพื่อการชำระบัญชีเป็นคนละเรื่องกับการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตาย
โจทก์เป็นหุ้นส่วนกับผู้ตาย จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกและผู้จัดการมรดกของผู้ตายปฏิเสธไม่ยอมคิดบัญชี โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
โจทก์ฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีของหุ้นส่วนตามกฎหมายลอย ๆ เช่นนี้เป็นการเพียงพอแล้ว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์เช่นว่านี้ ไม่ขัดต่อ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 172 และการที่ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องเกินคำขอแต่ประการใด
โจทก์ฟ้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วน ผู้จัดการมรดกและผู้รับมรดกจะต้องเข้ามาแทนที่ของหุ้นส่วนผู้ตายเพื่อการชำระบัญชี หลักกฎหมายในเรื่องการที่ต้องเข้ามาแทนที่เพื่อการชำระบัญชีเป็นคนละเรื่องกับการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตาย
โจทก์เป็นหุ้นส่วนกับผู้ตาย จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกและผู้จัดการมรดกของผู้ตายปฏิเสธไม่ยอมคิดบัญชี โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
โจทก์ฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีของหุ้นส่วนตามกฎหมายลอย ๆ เช่นนี้เป็นการเพียงพอแล้ว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์เช่นว่านี้ ไม่ขัดต่อ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 172 และการที่ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชี ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องเกินคำขอแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนเมื่อหุ้นส่วนเสียชีวิต และสิทธิในการชำระบัญชี
การเป็นหุ้นส่วนกันนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นๆ เอง ห้างหุ้นส่วนย่อมเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตายผู้รับมรดกก็ดีหรือผู้จัดการมรดกของผู้เป็นหุ้นส่วนที่ตายจะยืนยันถือสิทธิ์โดยลำพังเข้าไปเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตายต่อไปนั้นไม่ได้ และนัยที่ตรงข้ามผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นจะฟ้องขอให้บังคับให้ผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกเช่นว่านั้นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตายต่อไปก็ไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนผู้จัดการมรดกและผู้รับมรดกจะต้องเข้ามาแทนที่ของหุ้นส่วนผู้ตายเพื่อการชำระบัญชีหลักกฎหมายในเรื่องการที่ต้องเข้ามาแทนที่เพื่อการชำระบัญชีเป็นคนละเรื่องกับการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตาย
โจทก์เป็นหุ้นส่วนกับผู้ตายจำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกและผู้จัดการมรดกของผู้ตายปฏิเสธไม่ยอมคิดบัญชี โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
โจทก์ฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีของหุ้นส่วนตามกฎหมายลอยๆ เช่นนี้เป็นการเพียงพอแล้วคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เช่นว่านี้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172 และการที่ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีก็ไม่ใช่เป็นเรื่องเกินคำขอแต่ประการใด
โจทก์ฟ้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนผู้จัดการมรดกและผู้รับมรดกจะต้องเข้ามาแทนที่ของหุ้นส่วนผู้ตายเพื่อการชำระบัญชีหลักกฎหมายในเรื่องการที่ต้องเข้ามาแทนที่เพื่อการชำระบัญชีเป็นคนละเรื่องกับการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตาย
โจทก์เป็นหุ้นส่วนกับผู้ตายจำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกและผู้จัดการมรดกของผู้ตายปฏิเสธไม่ยอมคิดบัญชี โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
โจทก์ฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีจัดการชำระบัญชีของหุ้นส่วนตามกฎหมายลอยๆ เช่นนี้เป็นการเพียงพอแล้วคำขอท้ายฟ้องของโจทก์เช่นว่านี้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172 และการที่ศาลแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีก็ไม่ใช่เป็นเรื่องเกินคำขอแต่ประการใด