พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบทรัพย์ที่ยึดให้ผู้ซื้อหลังขายทอดตลาด แม้มีข้อขัดข้องในการโอน
เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบที่ดินที่ไปยึดไว้ให้จำเลยคนหนึ่งเป็นผู้รักษา จำเลยคนนั้นจึงอยู่ในฐานะเป็นผู้ดูแลแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ชั่วคราว เมื่อศาลขายทอดตลาดที่ดินและโจทก์ซื้อไปแล้ว ศาลก็ต้องให้ผู้รักษาทรัพย์มอบทรัพย์ที่รักษาไว้แก่ผู้ซื้อ ส่วนกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินยังขัดข้องในการที่จะทำนิติกรรมการโอนที่ดินดังกล่าวให้ผู้ซื้อนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งจะต้องว่ากล่าวกันต่อไป ไม่เกี่ยวกับการที่ศาลจะให้ผู้รักษาทรัพย์มอบทรัพย์ที่ตนรักษาให้โจทก์ผู้ซื้อแต่อย่างไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหลังบอกเลิกสัญญา และข้อยกเว้นการยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 ให้อำนาจแต่เพียงร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึด ไม่มีข้อบัญญัติให้ผู้ร้องว่ากล่าวหรือเรียกร้องในกรณีอื่น เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์หาว่าโจทก์จำเลยทำให้ผู้ร้องเสียหายและเรียกค่าเสียหายจากโจทก์จำเลยเนื่องจากการถูกยึดทรัพย์ ผู้ร้องก็ต้องเสนอข้อหาโดยทำเป็นคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 จะเรียกร้องมาในคำร้องขัดทรัพย์ไม่ได้
จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทำสัญญารับจ้างเหมาสร้างทางไว้กับผู้ร้องขัดทรัพย์ก่อนถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ โดยมีข้อกำหนดในสัญญาว่า "ถ้ามีการเลิกสัญญาโดยผู้รับจ้างเหมาผิดสัญญาด้วยประการใด ๆ สัมภาระสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้รับจ้างเหมาที่นำไปไว้ในบริเวณที่ก่อสร้าง ผู้รับจ้างเหมายอมให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างทั้งหมด ผู้รับจ้างเหมาจะนำเอาไปไม่ได้" และมีข้อสัญญาให้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในเมื่อผู้รับจ้างเหมาผิดสัญญา ดังนี้ เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้บอกเลิกสัญญาโดยจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา สัมภาระสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ถูกยึดโดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างตามข้อกำหนดในสัญญา แม้ถึงว่าการบอกเลิกสัญญานั้นจะกระทำภายหลังที่โจทก์ได้ยึดทรัพย์นี้แล้วก็ตาม โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดนั้นได้
จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทำสัญญารับจ้างเหมาสร้างทางไว้กับผู้ร้องขัดทรัพย์ก่อนถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ โดยมีข้อกำหนดในสัญญาว่า "ถ้ามีการเลิกสัญญาโดยผู้รับจ้างเหมาผิดสัญญาด้วยประการใด ๆ สัมภาระสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของผู้รับจ้างเหมาที่นำไปไว้ในบริเวณที่ก่อสร้าง ผู้รับจ้างเหมายอมให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างทั้งหมด ผู้รับจ้างเหมาจะนำเอาไปไม่ได้" และมีข้อสัญญาให้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในเมื่อผู้รับจ้างเหมาผิดสัญญา ดังนี้ เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้บอกเลิกสัญญาโดยจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา สัมภาระสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ถูกยึดโดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างตามข้อกำหนดในสัญญา แม้ถึงว่าการบอกเลิกสัญญานั้นจะกระทำภายหลังที่โจทก์ได้ยึดทรัพย์นี้แล้วก็ตาม โจทก์ก็ไม่มีสิทธิให้ขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดก่อนคำพิพากษา แม้ผู้ซื้อสุจริตก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์คืน
การยึดทรัพย์จำเลยก่อนคำพิพากษานั้น แม้การยึดทรัพย์เจ้าพนักงานจะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบเพราะไม่พบตัวจำเลยก็ไม่ทำให้การยึดนั้นเสียไป
จำเลยซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา แก่ผู้ซื้อ แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิตามนัยแห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฎว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้น ส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา
จำเลยซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา แก่ผู้ซื้อ แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิตามนัยแห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฎว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้น ส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาและการบังคับคดี แม้จำเลยไม่ได้รับแจ้ง ย่อมมีผลบังคับใช้ได้
การยึดทรัพย์จำเลยก่อนคำพิพากษานั้น แม้การยึดทรัพย์เจ้าพนักงานจะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบเพราะไม่พบตัวจำเลยก็ไม่ทำให้การยึดนั้นเสียไป
จำเลยขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาแก่ผู้อื่น แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฏว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา
จำเลยขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาแก่ผู้อื่น แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฏว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา