คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 285 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินนิคมสร้างตนเองยังไม่ได้ออกโฉนด ถือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับคดี
ที่ดินซึ่งกรมประชาสงเคราะห์จัดสรรให้จำเลยซึ่งเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเองเข้าทำกินตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 และทางนิคมยังไม่ได้ออกหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินนิคมสร้างตนเองยังมิได้ออกส.ค. จึงเป็นสาธารณสมบัติแผ่นดิน ไม่อยู่ในความรับผิดบังคับคดี
ที่ดินซึ่งกรมประชาสงเคราะห์จัดสรรให้จำเลยซึ่งเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเองเข้าทำกินตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 และทางนิคมยังไม่ได้ออกหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการยึดเงินประกันการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเงินประกันการเลือกตั้งโดยตรง แต่มีสิทธิอายัดได้ เงินประกันตกเป็นของรัฐหากผู้สมัครไม่ผ่านเกณฑ์
โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดเงินที่จำเลยวางเป็นประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 287 นั้นโจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้เท่านั้น
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเหนือเงินประกันการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเงินประกันการเลือกตั้งที่ผู้ว่าฯ ยึดไว้ได้ เพียงอายัดได้
โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดเงินที่จำเลยวางเป็นประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 287 นั้น โจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้เท่านั้น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อู่ซ่อมรถบนที่เช่า: สิทธิของผู้ให้เช่าเมื่อผู้เช่าถูกยึดทรัพย์
เช่าที่ดินเขาแล้วปลูกอู่ซ่อมรถยนต์ลงในที่เช่านั้นโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าจะรักษาที่เช่าทุกส่วนให้เรียบร้อยจนกว่าผู้เช่าจะออกจากที่เช่าหรือหมดอายุสัญญาเช่าหรือผิดสัญญาหรือสัญญาเช่าต้องเลิกกันเพราะผิดสัญญาผู้เช่าจะรื้อถอนอู่ซ่อมรถยนต์ที่ปลูกไว้มิได้ ต้องปล่อยให้ตกเป็นของผู้ให้เช่าโดยไม่เรียกร้องเอาค่าอะไรจากผู้ให้เช่า และสัญญาเช่ารายนี้ก็เป็นสัญญาเฉพาะตัวผู้เช่ากับบริวารเท่านั้นมีสิทธิ์จะอยู่ได้ จะให้ผู้อื่นเช่าช่วงหรือให้ผู้อื่นเข้าอยู่แทนเช่นให้อาศัยก็ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่ออู่รถยนต์นี้ถูกเจ้าหนี้ของผู้เช่ายึดทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษา ก็เป็นอันว่าผู้เช่าต้องออกจากทรัพย์ที่เช่านี้โดยปริยายตามอำนาจของการยึดทรัพย์ ฉะนั้นอู่รถยนต์นี้ก็ต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าคือเจ้าของที่ดินตามข้อสัญญา คดีจึงตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285(2). กล่าวคือเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ หรือไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลต้องสั่งถอนการยึดอู่รถยนต์รายนี้ (ประชุมใหญ่)ครั้งที่ 5/2494

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์อู่ซ่อมรถในที่เช่า: การยึดทรัพย์บังคับคดีขัดต่อสัญญาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า
เช่าที่ดินเขาแล้วปลูกอู่ซ่อมรถยนต์ลงในที่เช่านั้นโดยข้อสัญญาว่า ผู้เช่าจะรักษาที่เช่าทุกส่วนให้เรียบร้อยจนกว่าค่าเช่าจะออกจากที่เช่าหรือหมดอายุสัญญาเช่าต้องเลิกกันเพราะผิดสัญญา ผู้เช่าจะรื้อถอนอู่ซ่อมรถยนต์ที่ปลูกไว้มิได้ ต้องปล่อยให้ตกเป็นของผู้ให้เช่าโดยไม่เรียกร้องเอาค่าอะไรจากผู้ให้เช่า และสัญญาเช่ารายนี้ก็เป็นสัญญาเฉพาะตัวผู้เช่ากับบริวารเท่านั้นมีสิทธิจะอยู่ได้ จะให้ผู้อื่นเช่าช่วงหรือให้ผู้อื่นเข้าอยู่แทนเช่นให้อาศัยก็ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่ออู่รถยนต์นี้ทุกเจ้าหนี้ของผู้เช่ายึดทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษา ก็เป็นอันว่าผู้เช่าต้องออกจากทรัพย์ที่เช่านี้โดยปริยายตามอำนาจของการยึดทรัพย์ ฉะนั้นอู่รถยนต์นี้ก็ต้องตกเป็นกรรมสิทธิของผู้ให้เช่าคือเจ้าของที่ดินตามข้อสัญญา คดีจึงตกอยู่ในบังคับตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 285(2) กล่าวคือเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ หรือไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลต้องสั่งถอนการยึดอู่รถยนต์รายนี้