คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 8 ทวิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 103 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหาความผิด – ไม่จำเป็นต้องระบุทุกบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ที่ ป.วิ.อ. มาตรา 134 กำหนดให้พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหานั้นก็เพื่อประสงค์ให้ผู้ต้องหาทราบว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิด และเพื่อให้ผู้ต้องหาเข้าใจถึงการกระทำของผู้ต้องหาซึ่งเป็นความผิดนั้น โดยไม่ต้องระบุอ้างถึงตัวบทกฎหมายที่ผู้ต้องหากระทำผิด ในกรณีที่การกระทำอันหนึ่งผิดกฎหมายหลายบท พนักงานสอบสวนไม่จำต้องระบุถึงกฎหมายที่เป็นความผิดทุกบทมาตรา ในเมื่อได้แจ้งข้อหาอันเป็นหลักความผิดทั่วไปแล้ว ไม่จำต้องแจ้งข้อหาความผิดอันเกี่ยวพันกันด้วย พนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสอบสวนความผิดทุกข้อหาได้เมื่อพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาว่า จำเลยพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรแล้ว แม้ไม่แจ้งข้อหาว่าพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตด้วย ก็มีอำนาจสอบสวนความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตได้ ถือได้ว่ามีการสอบสวนความผิดฐานนี้แล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาความผิดดังกล่าวได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถือครองอาวุธปืนของผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาครอบครองร่วม ไม่ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
คืนเกิดเหตุ ป. ยืนอยู่ริมถนนข้างทาง จำเลยถืออาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นของ ป. เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจส่องไฟสปอทไลท์จำเลยส่งอาวุธปืนคืน ป. และ ป. โยนอาวุธปืนทิ้งไปที่ป่าหญ้าข้างทาง การที่จำเลยถืออาวุธปืนในมือในขณะที่ ป. ยืนอยู่ ณ ที่นั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ป. กระทำผิด จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและพาอาวุธโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิต
การที่จำเลยกับพวกมายืนรออยู่หน้าปากซอยที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ตายขับรถยนต์มาจอดที่ปากซอย จำเลยก็เข้าไปใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเช่นนี้ เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยได้เตรียมการมาเพื่อที่จะฆ่าผู้ตายไว้ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จะฟังได้ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและในชั้นสืบพยานจำเลย จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีหรือพกพาอาวุธปืนมาก่อนก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ คงลงโทษได้เพียงฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตาม ป.อ. มาตรา 371.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนเถื่อนและการพาอาวุธไปข่มขู่ผู้อื่น ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนสั้นไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้และได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจำเลยให้การปฏิเสธโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ปรากฏว่าอาวุธปืนนั้นเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายให้มีได้และจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนติดตัวเมื่อพยานบุคคลและพยานเอกสารของโจทก์ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวทั้งโจทก์ไม่ได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯได้แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวออกมาขู่ผู้เสียหายเป็นการพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา371

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพา, การลงโทษกรรมต่างกัน, และการริบรถจักรยานยนต์
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดมาตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด
การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์แต่ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์มีผลถึงความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืน หากข้อเท็จจริงไม่พอรับฟังความผิดฐานปล้นทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องความผิดฐานอื่นได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืน พาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตของจำเลยได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน แม้ว่าความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจะยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาในการยกฟ้องความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนเมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืน พาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตของจำเลยได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน แม้ว่าความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจะยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อเท็จจริงในคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่นำสืบพยานหลักฐานยืนยันความผิดของจำเลยเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครอง และพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางราชการให้มีและพกพาอาวุธปืน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวเพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดทั้งโจทก์ก็ไม่ได้อาวุธปืนที่จำเลยใช้ขู่ชิงทรัพย์เป็นของกลาง และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียน จึงลงโทษจำเลยในความผิดทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ ซึ่งข้อเท็จจริงได้จากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยานโจทก์ในคดีอาญา: การพิสูจน์การมีอาวุธปืนและอนุญาต
คดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้สืบให้เห็นว่าจำเลยมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะฟังได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย และในชั้นสืบพยานจำเลย จำเลยจะตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีหรือพกพาอาวุธปืนมาก่อน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดฐานมีและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องพิสูจน์ได้ การยิงขึ้นฟ้าไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า แม้มีอาวุธปืนและเล็งเป้าหมาย
จำเลยใช้อาวุธปืนยิง 1 นัด โดยถืออาวุธปืนกระชับแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ว่าจำเลยจะยิงตอนที่ผู้เสียหายดูโทรทัศน์ห่างประมาณ 1 เมตร หรือยิงตอนผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไปห่างประมาณ 4 เมตร หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว คงยิงผู้เสียหายได้ไม่ผิดพลาดเพราะอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นการที่กระสุนปืนไปถูกหลังคาบ้านแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหายมิได้ยิงไปโดยเจตนาฆ่า
แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ไว้ด้วย แต่โจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดของมาตรา 376 ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
of 11