พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,754 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับข้อตกลงสภาพการจ้าง และการตีความข้อตกลงการปรับเงินเดือน
การที่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้แรงงานจังหวัดเป็นผู้ตีความนั้น มิได้มีข้อห้ามมิให้นำข้อตกลงดังกล่าวมาฟ้องต่อศาลโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาในปัญหาเกี่ยวกับการตีความข้อตกลงซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายได้
เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า การปรับเงินเดือนให้ถือเกณฑ์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในชั้นที่สูงกว่านั้นหมายความว่าให้ปรับอัตราเงินเดือนเดิมของลูกจ้างให้เท่ากับอัตราเงินเดือนในชั้นที่สูงกว่าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเท่านั้น หาใช่ว่าจะต้องนำอัตราเงินเดือนมากำหนดว่าอยู่ในขั้นที่เท่าใด แล้วไปเทียบให้ตรงกับขั้นที่กำหนดแล้วปรับให้สูงขึ้นอีก 1 ขั้นในบัญชีเงินเดือนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่
เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า การปรับเงินเดือนให้ถือเกณฑ์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในชั้นที่สูงกว่านั้นหมายความว่าให้ปรับอัตราเงินเดือนเดิมของลูกจ้างให้เท่ากับอัตราเงินเดือนในชั้นที่สูงกว่าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเท่านั้น หาใช่ว่าจะต้องนำอัตราเงินเดือนมากำหนดว่าอยู่ในขั้นที่เท่าใด แล้วไปเทียบให้ตรงกับขั้นที่กำหนดแล้วปรับให้สูงขึ้นอีก 1 ขั้นในบัญชีเงินเดือนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับข้อตกลงสภาพการจ้าง และการตีความข้อตกลงเรื่องอัตราเงินเดือน
การที่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้แรงงานจังหวัดเป็นผู้ตีความนั้น มิได้มีข้อห้ามมิให้นำข้อตกลงดังกล่าวมาฟ้องต่อศาล โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาในปัญหาเกี่ยวกับการตีความข้อตกลงซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายได้
เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า การปรับเงินเดือนให้ถือเกณฑ์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในชั้นที่สูงกว่านั้น หมายความว่าให้ปรับอัตราเงินเดือนเดิมของลูกจ้างให้เท่ากับอัตราเงินเดือนในชั้นที่สูงกว่าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเท่านั้น หาใช่ว่าจะต้องนำอัตราเงินเดือนมากำหนดว่าอยู่ในขั้นที่เท่าใด แล้วไปเทียบให้ตรงกับขั้นที่กำหนดแล้วปรับให้สูงขึ้นอีก 1 ขั้นในบัญชีเงินเดือนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่
เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า การปรับเงินเดือนให้ถือเกณฑ์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในชั้นที่สูงกว่านั้น หมายความว่าให้ปรับอัตราเงินเดือนเดิมของลูกจ้างให้เท่ากับอัตราเงินเดือนในชั้นที่สูงกว่าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเท่านั้น หาใช่ว่าจะต้องนำอัตราเงินเดือนมากำหนดว่าอยู่ในขั้นที่เท่าใด แล้วไปเทียบให้ตรงกับขั้นที่กำหนดแล้วปรับให้สูงขึ้นอีก 1 ขั้นในบัญชีเงินเดือนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3696/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายจ้างออกระเบียบปฏิบัติงาน และสิทธิเลิกจ้างเมื่อลูกจ้างจงใจฝ่าฝืนโดยมีการตักเตือนแล้ว
นายจ้างมีอำนาจที่จะออกระเบียบกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่พนักงานขายของลูกจ้างเพื่อให้ผลงานของนายจ้างเจริญก้าวหน้าได้ ระเบียบเช่นนี้ไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหรือขัดแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งเป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของลูกจ้างโดยทั่วไป จึงเป็นระเบียบที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อลูกจ้างจงใจฝ่าฝืนและนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วนายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อตกลงสภาพการจ้างต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รับความยินยอม การแก้ไขนั้นไม่ผูกพันและไม่มีผลตามกฎหมาย
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง นอกจากจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์กำหนดไว้แล้ว ยังจะต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วยมิฉะนั้นจะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อตกลงสภาพการจ้างต้องได้รับความยินยอมจากทุกฝ่าย และต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มิฉะนั้นไม่มีผลบังคับ
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนอกจากจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์กำหนดไว้แล้ว ยังจะต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วยมิฉะนั้นจะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความสละสิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จ: มีผลผูกพันและไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
เมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุลูกจ้างได้ทำข้อตกลงกับนายจ้างเป็นหนังสือว่า ลูกจ้างได้รับค่าชดเชยและเงินผลประโยชน์เนื่องจากการปลดเกษียณจากนายจ้างแล้วลูกจ้างรับรองว่าจะไม่ใช้สิทธิเรียกเงินอื่นใดจากนายจ้างอีกต่อไป ดังนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่หมายความว่าลูกจ้างยอมสละสิทธิเรียกร้องเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับจากนายจ้างทุกประเภทซึ่งรวมทั้งเงินบำเหน็จที่ยังขาดอยู่ด้วย ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จที่ยังขาดจากนายจ้างอีกต่อไป
การที่ลูกจ้างยอมสละสิทธิในการรับเงินบำเหน็จนั้นเป็นเรื่องลูกจ้างยอมสละสิทธิในจำนวนเงินที่ลูกจ้างจะพึงได้รับจากนายจ้างเท่านั้น ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีอยู่อย่างไร คู่กรณีก็คงปล่อยให้เป็นไปตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การที่ลูกจ้างยอมสละสิทธิในการรับเงินบำเหน็จนั้นเป็นเรื่องลูกจ้างยอมสละสิทธิในจำนวนเงินที่ลูกจ้างจะพึงได้รับจากนายจ้างเท่านั้น ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีอยู่อย่างไร คู่กรณีก็คงปล่อยให้เป็นไปตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความสละสิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จ: มีผลผูกพันลูกจ้าง
เมื่อลูกจ้างออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุลูกจ้างได้ทำข้อตกลงกับนายจ้างเป็นหนังสือว่า ลูกจ้างได้รับค่าชดเชยและเงินผลประโยชน์เนื่องจากการปลดเกษียณจากนายจ้างแล้วลูกจ้างรับรองว่าจะไม่ใช้สิทธิเรียกเงินอื่นใดจากนายจ้างอีกต่อไป ดังนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่หมายความว่าลูกจ้างยอมสละสิทธิเรียกร้องเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับจากนายจ้างทุกประเภทซึ่งรวมทั้งเงินบำเหน็จที่ยังขาดอยู่ด้วย ลูกจ้างจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินบำเหน็จที่ยังขาดจากนายจ้างอีกต่อไป
การที่ลูกจ้างยอมสละสิทธิในการรับเงินบำเหน็จนั้นเป็นเรื่องลูกจ้างยอมสละสิทธิในจำนวนเงินที่ลูกจ้างจะพึงได้รับจากนายจ้างเท่านั้น ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีอยู่อย่างไร คู่กรณีก็คงปล่อยให้เป็นไปตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การที่ลูกจ้างยอมสละสิทธิในการรับเงินบำเหน็จนั้นเป็นเรื่องลูกจ้างยอมสละสิทธิในจำนวนเงินที่ลูกจ้างจะพึงได้รับจากนายจ้างเท่านั้น ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินบำเหน็จซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีอยู่อย่างไร คู่กรณีก็คงปล่อยให้เป็นไปตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการใช้ดุลพินิจนายจ้างในการงดเลื่อนขั้นเงินเดือน: การพิจารณาผลงานตามระเบียบ
ระเบียบว่าด้วยการขอเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีมิได้กำหนดขีดขั้นไว้ชัดแจ้งว่า การปฏิบัติงานของลูกจ้างอย่างไรจึงจะถือว่าได้ผลสมบูรณ์ตามคุณภาพและปริมาณของงานในตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องให้อำนาจแก่นายจ้างโดยเฉพาะที่จะพิจารณาใช้ดุลพินิจ เมื่อนายจ้างได้ใช้ดุลพินิจแล้วว่าโจทก์ปฏิบัติงานไม่ได้ผลสมบูรณ์ตามคุณภาพและปริมาณของงานในตำแหน่ง เป็นผู้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องงดบำเหน็จจึงเป็นการชอบด้วยระเบียบและเป็นอันยุติตามนั้น ลูกจ้างหามีอำนาจฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งเป็นอย่างอื่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการใช้ดุลพินิจนายจ้างในการงดเลื่อนขั้นเงินเดือนและการไม่อาจฟ้องร้องได้หากเป็นการใช้ดุลพินิจชอบแล้ว
ระเบียบว่าด้วยการขอเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีมิได้กำหนดขีดขั้นไว้ชัดแจ้งว่าการปฏิบัติงานของลูกจ้างอย่างไรจึงจะถือว่าได้ผลสมบูรณ์ตามคุณภาพและปริมาณของงานในตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องให้อำนาจแก่นายจ้างโดยเฉพาะที่จะพิจารณาใช้ดุลพินิจ เมื่อนายจ้างได้ใช้ดุลพินิจแล้วว่าโจทก์ปฏิบัติงานไม่ได้ผลสมบูรณ์ตามคุณภาพและปริมาณของงานในตำแหน่ง เป็นผู้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องงดบำเหน็จ จึงเป็นการชอบด้วยระเบียบและเป็นอันยุติตามนั้นลูกจ้างหามีอำนาจฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งเป็นอย่างอื่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างพนักงานโดยอาศัยระเบียบข้อบังคับบริษัท การบังคับใช้ระเบียบที่แตกต่างกันตามช่วงเวลา และการประเมินความเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยอาศัยอำนาจตามระเบียบของจำเลยเนื่องจากโจทก์ขับรถจำเลยชนกับรถผู้อื่น โจทก์เห็นว่าคำสั่งและระเบียบของจำเลยดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นการเลิกจ้าง โดยไม่เป็นธรรมจำเลยให้การต่อสู้ว่าระเบียบและคำสั่งของจำเลยไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และชอบด้วยกฎหมายแล้ว เป็นการเลิกจ้างที่ชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นจึงมีว่าการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่
โจทก์ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุก่อนที่ระเบียบฉบับใหม่ของจำเลยจะใช้บังคับระเบียบฉบับใหม่จึงไม่มีผลบังคับสำหรับกรณีโจทก์ คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าระเบียบฉบับใหม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ กรณีต้องบังคับตามระเบียบฉบับเดิมซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและใช้บังคับในขณะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อได้ความว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงซึ่งระเบียบฉบับเดิมระบุโทษให้ไล่ออกฉะนั้นที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าระเบียบของจำเลยฉบับใหม่ไม่มีผลบังคับในกรณีของโจทก์การกระทำของโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยอย่างร้ายแรงจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
โจทก์อุทธรณ์ในข้อที่มิได้อ้างมาในฟ้อง จึงมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุก่อนที่ระเบียบฉบับใหม่ของจำเลยจะใช้บังคับระเบียบฉบับใหม่จึงไม่มีผลบังคับสำหรับกรณีโจทก์ คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าระเบียบฉบับใหม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ กรณีต้องบังคับตามระเบียบฉบับเดิมซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและใช้บังคับในขณะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อได้ความว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงซึ่งระเบียบฉบับเดิมระบุโทษให้ไล่ออกฉะนั้นที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าระเบียบของจำเลยฉบับใหม่ไม่มีผลบังคับในกรณีของโจทก์การกระทำของโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยอย่างร้ายแรงจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
โจทก์อุทธรณ์ในข้อที่มิได้อ้างมาในฟ้อง จึงมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย