คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 72 ทวิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 92 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5843/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต้องพิสูจน์ได้ การยิงขึ้นฟ้าไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า แม้มีอาวุธปืนและเล็งเป้าหมาย
จำเลยใช้อาวุธปืนยิง 1 นัด โดยถืออาวุธปืนกระชับแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ไม่ว่าจำเลยจะยิงตอนที่ผู้เสียหายดูโทรทัศน์ห่างประมาณ 1 เมตร หรือยิงตอนผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไปห่างประมาณ 4 เมตร หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว คงยิงผู้เสียหายได้ไม่ผิดพลาดเพราะอาวุธปืนที่ใช้ยิงเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นการที่กระสุนปืนไปถูกหลังคาบ้านแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อขู่ผู้เสียหายมิได้ยิงไปโดยเจตนาฆ่า
แม้คำขอท้ายฟ้องจะระบุขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ไว้ด้วย แต่โจทก์มิได้กล่าวบรรยายมาในฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดของมาตรา 376 ดังนี้ ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรานี้ไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2535/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์ไม่นำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าอาวุธปืนสั้นกระบอกที่จำเลยใช้ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายเป็นอาวุธปืนที่จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวทั้งมิได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมาเป็นหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธว่า อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวจำเลยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วและจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดสองฐานนี้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้วเพียงบทเดียวโดยมิได้ปรับบทความผิดว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 อีกบทหนึ่งจึงเท่ากับยกฟ้องมาตรานี้ การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่งให้ถูกต้อง ข้อหาตามมาตราดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะฎีกาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มิได้ เพราะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันมีอาวุธปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และการปรับบทความผิดทางอาญา
จำเลยกับ ร. ขู่บังคับผู้เสียหายให้ยอมร่วมประเวณีโดยจำเลยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียนของจำเลยจี้ผู้เสียหาย เมื่อสามีผู้เสียหายไปตามพลตำรวจ ส. มาจับกุม ส. เอาปืนดังกล่าวจากเอว ร. มาเก็บไว้โดยถอดกระสุนปืนออกหมดแล้วจำเลยเข้าแย่งเอาปืนคืนจาก ส. ยกขึ้นจ้องยิงที่หน้าอก ส. ดังแชะสามครั้ง ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยกับ ร. ผลัดกันใช้อาวุธปืนของกลางเช่นนี้ถือว่าร่วมกันมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไม่สามารถบรรลุผลอย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิดอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 959/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างร้ายแรงอันจะทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างวานมาฆ่าผู้เสียหาย ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้วางแผนมาก่อนหรือมาซุ่มรอเพื่อจะดักฆ่าผู้เสียหายนั้น จะถือว่าเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด เพราะจำเลยทั้งสองอาจคิดฆ่าผู้เสียหายในขณะเดินผ่านที่เกิดเหตุก็เป็นได้
คดีไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมาย คงได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางจะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่ แต่เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมใน การพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพยานหลักฐานในความผิดอาวุธปืน และการลงโทษตามกฎหมายอาญา
ในความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่นำสืบก็ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก ประกอบมาตรา 72 ทวิวรรคสองไม่ได้ คงลงโทษได้เพียงฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5509/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการพกพาในที่สาธารณะ แม้ไม่มีหลักฐานอาวุธปืนไม่ได้จดทะเบียน แต่ก็มีความผิด
จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนดังกล่าวไปใช้ยิงผู้ตาย และผู้เสียหายในทางสาธารณะ แม้โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง แต่ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยรับว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนมาก่อน ซึ่งมีพนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันและจำเลยก็ มิได้ถามค้านหรือนำสืบหักล้างแต่อย่างใด ย่อมฟังได้ว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงยังไม่อาจฟังได้ด้วยว่าอาวุธปืนที่จำเลย มีโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอาวุธปืนที่ยังไม่ได้จดทะเบียนและ ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับตามที่โจทก์ฟ้อง จึงลงโทษ จำเลยฐานมีอาวุธปืนที่ไม่ได้จดทะเบียนไว้ในครอบครองไม่ได้ คงลงโทษได้ แต่เฉพาะข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5177/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบโจทก์ในคดีอาวุธปืน - การพิสูจน์การไม่มีใบอนุญาต
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธโจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ถ้าไม่นำสืบก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5177/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์ในการพิสูจน์การไม่มีใบอนุญาตอาวุธปืน เมื่อจำเลยปฏิเสธ
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ถ้าไม่นำสืบก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4656/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาที่ศาลไม่ต้องสอบถามจำเลยเรื่องทนาย หากอัตราโทษจำคุกไม่ถึงสิบปี และการพิจารณาคำขอรอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิด2กรรมตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายตามมาตรา7ซึ่งมีโทษตามมาตรา72วรรคสามจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีกับฐานพาอาวุธปืนไปตามมาตรา8ทวิวรรคสองซึ่งมีโทษตามมาตรา72ทวิวรรคสองจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีนั้นความผิดที่โจทก์ฟ้องมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึงสิบปีแม้คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ไม่ระบุว่าวรรคใดก็ต้องถือเอาคำขอที่สอดคล้องกับคำบรรยายฟ้องเป็นสำคัญกรณีเช่นนี้ศาลไม่ต้องสอบถามจำเลยในเรื่องทนายก่อนเริ่มพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา173เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ในชั้นอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษไว้แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาลศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4656/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราโทษจำคุกไม่ถึงสิบปี ศาลไม่ต้องสอบถามจำเลยเรื่องทนายก่อนพิจารณาคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิด 2 กรรมตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย ตามมาตรา 7 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 72 วรรคสามจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงห้าปี กับฐานพาอาวุธปืนไปตามมาตรา 8ทวิวรรคสอง ซึ่งมีโทษ ตาม มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปีนั้น ความผิดที่โจทก์ฟ้องมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึงสิบปี แม้คำขอท้ายฟ้อง องโจทก์ไม่ระบุว่าวรรคใด ก็ต้องถือเอาคำขอที่สอดคล้องกับคำบรรยายฟ้อง เป็นสำคัญ กรณีเช่นนี้ศาลไม่ต้องสอบถามจำเลยในเรื่องทนายก่อนเริ่ม พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษไว้ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ เพื่อให้การพิจารณาคดี เป็นไปตามลำดับชั้นศาล ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวได้
of 10