พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2730/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกงต้องมีลายมือชื่อผู้เสียหายแต่ละคน การสอบสวนผู้ที่ไม่ได้ลงชื่อถือว่าไม่ชอบ
คดีฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดต่ออันยอมความได้นั้นแม้ว่าหนังสือร้องทุกข์จะมีข้อความว่า"จึงได้ร่วมกันมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี"และผู้เสียหายที่มิได้ลงชื่อในหนังสือร้องทุกข์ได้ให้การในชั้นสอบสวนว่าถูกจำเลยกับพวกหลอกลวงให้หลงเชื่อจึงมอบเงินให้ไปก็ตามเมื่อปรากฏว่าหนังสือร้องทุกข์นั้นคงมีแต่ลายมือชื่อของบ.เท่านั้นจะฟังว่าผู้เสียหายอื่นร้องทุกข์ด้วยไม่ได้การสอบสวนต่อมาสำหรับผู้เสียหายที่มิได้ร้องทุกข์จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตร2(7),123วรรคสามและ121วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3623/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจปิดแสตมป์ไม่ครบ ไม่กระทบอำนาจสอบสวนคดีอาญา
ตราสารที่ปิดแสตมป์ไม่บริบูรณ์จะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้เฉพาะในคดีแพ่งเท่านั้น ไม่รวมถึงคดีอาญา แม้หนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์จะปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรก็เป็นการร้องทุกข์ที่ชอบด้วยกฎหมาย พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องอาญา: คำร้องทุกข์ต้องระบุตัวผู้กระทำผิดชัดเจน พนักงานสอบสวนและอัยการจึงมีอำนาจสอบสวนและฟ้องได้
ปรากฏตามสมุดรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า นายส.ร่วมกับจำเลยที่ 1 หลอกลวงเอาเงินโจทก์ร่วมไป ทำให้โจทก์ร่วมเสียหาย จึงได้มาพบพนักงานสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์และมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการจนกว่าคดีถึงที่สุดเป็นการกล่าวหาเฉพาะนายส. กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่ได้กล่าวหาจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ว่าได้ร่วมกระทำผิดด้วยทั้งไม่ได้กล่าวหาว่ามีพวกของนายส. จำเลยที่ 1 หรือบุคคลอื่นที่ยังไม่ทราบชื่อร่วมกระทำผิด การกล่าวหาจึงไม่ ครอบคลุมถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไม่เป็นการกล่าวหาที่ โจทก์ร่วมมีเจตนาจะให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้รับโทษไม่เป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(7),123 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3343/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการกล่าวหาในความผิดอาญา และอำนาจการสอบสวน/ฟ้องคดี
ปรากฏตามสมุดรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า นาย ส.ร่วมกับจำเลยที่ 1 หลอกลวงเอาเงินโจทก์ร่วมไป ทำให้โจทก์ร่วมเสียหาย จึงได้มาพบพนักงานสอบสวนแจ้งความร้องทุกข์ และมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินการจนกว่าคดีถึงที่สุด เป็นการกล่าวหาเฉพาะนาย ส.กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ไม่ได้กล่าวหาจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ว่าได้ร่วมกระทำผิดด้วย ทั้งไม่ได้กล่าวหาว่ามีพวกของนาย ส.จำเลยที่ 1 หรือบุคคลอื่นที่ยังไม่ทราบชื่อร่วมกระทำผิด การกล่าวหาจึงไม่ครอบคลุมถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไม่เป็นการกล่าวหาที่โจทก์ร่วมมีเจตนาจะให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้รับโทษ ไม่เป็นคำร้องทุกข์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา2 (7), 123 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดีอาญา การร้องทุกข์ไม่ชอบ พนักงานสอบสวนและอัยการไม่มีอำนาจ
ตาม หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ร่วมมอบอำนาจให้ พ. ไปร้องทุกข์ดำเนิน คดีจำเลยที่ 2 ในข้อหาออกเช็ค โดย เจตนาไม่ให้มีการใช้ เงินตาม เช็ค เท่านั้น พ. ไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนิน คดีแก่จำเลยที่ 2 แต่ กลับไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนิน คดีแก่จำเลยที่ 1 และตาม บันทึกการร้องทุกข์มอบคดีอันยอมความได้ ที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นนั้น ก็ปรากฏว่า พ. แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนิน คดีแก่จำเลยที่ 1 ในฐานะ ส่วนตัว โดย ไม่มีข้อความตอน ใด ระบุว่า พ. ร้องทุกข์ให้ดำเนิน คดีแก่จำเลยที่ 1 โดย ได้ รับมอบอำนาจจากโจทก์ร่วม ดังนี้ การร้องทุกข์ของ พ. จึงไม่ชอบ เท่ากับโจทก์ร่วมซึ่ง เป็นผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนิน คดีซึ่ง เป็นความผิด ต่อ ส่วนตัวแก่จำเลยทั้งสองต่อ พนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจทำการสอบสวนคดีนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 121 ฉะนั้นพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต้องมีผู้เสียหายโดยตรง และการบุกรุกอสังหาริมทรัพย์
แม้ปูนซีเมนต์ที่จำเลยทำให้เสียหายจะอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่ง อยู่ในความครอบครองดูแลของ ส. ครูใหญ่ แต่ปูนซีเมนต์ดังกล่าวเป็นของ ล. ซึ่งรับเหมาก่อสร้างให้โรงเรียน และมีคนงานของ ล. พักอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนด้วย แสดงว่า ล. มอบปูนซีเมนต์ดังกล่าวให้อยู่ในความครอบครองดูแลของคนงานของตน ส. จึงมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยเดินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึงอาคาร 2 ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านและฉีกถุงปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร 2 แสดงว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ส. ครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวโดยปกติสุขจำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุก
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยเดินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึงอาคาร 2 ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านและฉีกถุงปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร 2 แสดงว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ส. ครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวโดยปกติสุขจำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีทำให้เสียทรัพย์ และความผิดฐานบุกรุก: ผู้เสียหายที่แท้จริงและการกระทำที่เป็นความผิด
แม้ปูนซีเมนต์ที่จำเลยทำให้เสียหายจะอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่ง อยู่ในความครอบครองดูแล ของ ส. ครูใหญ่ แต่ ปูนซีเมนต์ดังกล่าวเป็นของ ล. ซึ่ง รับเหมาก่อสร้างให้โรงเรียน และมีคนงานขอ ล. พักอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนด้วย แสดงว่า ล. มอบปูนซีเมนต์ดังกล่าวให้อยู่ในความครอบครองดูแล ของคนงานของตน ส. จึงมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง การที่จำเลยเดิน เข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึง อาคาร 2 ซึ่ง ไม่ใช่ทางผ่านและฉีก ถุง ปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร 2 แสดงว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ส. ครูใหญ่ของโรงเรียนดังกล่าวโดยปกติสุขจำเลยจึงมีความผิดฐาน บุกรุก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีทำให้เสียทรัพย์เป็นของผู้เสียหายโดยตรง ส่วนความผิดฐานบุกรุกเกิดจากการรบกวนการครอบครอง
ขณะเกิดเหตุโรงเรียนจ้างเหมานางเล็กก่อสร้างส้วม และปูนซีเมนต์ที่ได้รับความเสียหายก็เป็นของนางเล็ก แม้ปูนซีเมนต์จะอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของนางสมรครูใหญ่ แต่นางเล็กก็มีคนงานพักอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนและมอบปูนซีเมนต์ให้อยู่ในความครอบครองดูแลของคนงาน ดังนี้นางเล็กเป็นผู้เสียหายโดยตรง นางสมรไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยได้ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 เป็นความผิดต่อส่วนตัวเมื่อผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนการสอบสวนในข้อหาความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 121 วรรคสอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเข้าไปในโรงเรียน แม้จำเลยจะมีสิทธิเดินผ่านโรงเรียนได้ แต่การที่จำเลยเดินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึงอาคารซึ่งไม่ใช่ทางผ่านและฉีกถุงปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนางสมรครูใหญ่โดยปกติสุขจึงมีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) ประกอบด้วยมาตรา 362.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยเข้าไปในโรงเรียน แม้จำเลยจะมีสิทธิเดินผ่านโรงเรียนได้ แต่การที่จำเลยเดินเข้าไปในบริเวณโรงเรียนในเวลากลางคืนจนไปถึงอาคารซึ่งไม่ใช่ทางผ่านและฉีกถุงปูนซีเมนต์ที่เก็บไว้หน้าอาคาร แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของนางสมรครูใหญ่โดยปกติสุขจึงมีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) ประกอบด้วยมาตรา 362.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์และการฉายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยไม่มีอำนาจฟ้องและขาดองค์ประกอบความผิด
บรรยายฟ้องว่าจำเลยนำฟิล์มภาพยนตร์ซึ่ง อ. และ ส. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ออกฉายเรียกเก็บเงินในการค้าโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์และมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์ของผู้เสียหาย และเป็นการฉายภาพยนตร์โดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ไม่จำต้องบรรยายว่าพนักงานเจ้าหน้าที่หมายถึงผู้ใดและภาพยนตร์ดังกล่าวสร้างขึ้นในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์เพราะเป็นข้อเท็จจริงในทางนำสืบ
ส. เป็นเพียงผู้เช่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จาก อ. จึงมิใช่เจ้าของลิขสิทธิ์และไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานละเมิดลิขสิทธิ์ และการที่ ส. ได้รับมอบอำนาจจาก อ. ให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แต่ ส. ไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมา ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์แทน อ. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมาจึงไม่มีอำนาจสอบสวนในข้อหาความผิดดังกล่าวซึ่งเป็นความผิด ยอมความได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ภาพยนตร์เรื่องใดได้รับอนุญาตจากกรมตำรวจให้นำออกฉายตามสถานที่มหรสพได้แล้ว ย่อมสามารถนำออกฉาย ณ สถานที่มหรสพใดได้ในภายหลังโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานอื่นใดซ้ำอีก
ส. เป็นเพียงผู้เช่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จาก อ. จึงมิใช่เจ้าของลิขสิทธิ์และไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานละเมิดลิขสิทธิ์ และการที่ ส. ได้รับมอบอำนาจจาก อ. ให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แต่ ส. ไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมา ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์แทน อ. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมาจึงไม่มีอำนาจสอบสวนในข้อหาความผิดดังกล่าวซึ่งเป็นความผิด ยอมความได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ภาพยนตร์เรื่องใดได้รับอนุญาตจากกรมตำรวจให้นำออกฉายตามสถานที่มหรสพได้แล้ว ย่อมสามารถนำออกฉาย ณ สถานที่มหรสพใดได้ในภายหลังโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานอื่นใดซ้ำอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2700/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์และการฉายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต: ความถูกต้องของอำนาจฟ้องและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยนำฟิล์มภาพยนตร์ซึ่ง อ. และ ส. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ออกฉายเรียกเก็บเงินในการค้าโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ และมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในภาพยนตร์ของผู้เสียหาย และเป็นการฉายภาพยนตร์โดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ไม่จำต้องบรรยายว่าพนักงานเจ้าหน้าที่หมายถึงผู้ใดและภาพยนตร์ดังกล่าวสร้างขึ้นในประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์เพราะเป็นข้อเท็จจริงในทางนำสืบ
ส. เป็นเพียงผู้เช่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จาก อ. จึงมิใช่เจ้าของลิขสิทธิ์และไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานละเมิดลิขสิทธิ์ และการที่ ส. ได้รับมอบอำนาจจาก อ. ให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แต่ ส. ไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมา ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์แทน อ. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมาจึงไม่มีอำนาจสอบสวนในข้อหาความผิดดังกล่าวซึ่งเป็นความผิด ยอมความได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ภาพยนตร์เรื่องใดได้รับอนุญาตจากกรมตำรวจให้นำออกฉายตามสถานที่มหรสพได้แล้ว ย่อมสามารถนำออกฉาย ณ สถานที่มหรสพใดได้ในภายหลังโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานอื่นใดซ้ำอีก
ส. เป็นเพียงผู้เช่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จาก อ. จึงมิใช่เจ้าของลิขสิทธิ์และไม่มีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานละเมิดลิขสิทธิ์ และการที่ ส. ได้รับมอบอำนาจจาก อ. ให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แต่ ส. ไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมา ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์แทน อ. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมาจึงไม่มีอำนาจสอบสวนในข้อหาความผิดดังกล่าวซึ่งเป็นความผิด ยอมความได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ภาพยนตร์เรื่องใดได้รับอนุญาตจากกรมตำรวจให้นำออกฉายตามสถานที่มหรสพได้แล้ว ย่อมสามารถนำออกฉาย ณ สถานที่มหรสพใดได้ในภายหลังโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานอื่นใดซ้ำอีก