พบผลลัพธ์ทั้งหมด 181 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการขับรถประมาท, ค่าเสียหาย, การจัดการสินบริคณห์, การรับประกันภัย, และความรับผิดของผู้เกี่ยวข้อง
คำฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีละเมิดได้บรรยายชัดแจ้งพอสมควรว่าโจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร ค่าเสียหายแต่ละรายการเป็นจำนวนเงินเท่าใดจึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะหลักฐานและรายละเอียดเกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นเรื่องที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ5เดิมสามีเป็นผู้จัดการสินบริคณห์และมีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับการสงวนบำรุงรักษาหรือการใดๆเพื่อประโยชน์แก่สินบริคณห์ โจทก์สมรสกับภริยาก่อนใช้บทบัญญัติบรรพ5แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดเพื่อความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินอันเป็นการฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่สินบริคณห์ได้เพราะบทบัญญัติบรรพ5ที่ตรวจชำระใหม่ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจจัดการสินบริคณห์ที่คู่สมรสได้มีอยู่แล้ว โจทก์จำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัดมือและเท้าอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้สามารถใช้การได้เป็นปกติแต่โจทก์กะประมาณค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดโดยปราศจากพยานสนับสนุนเป็นการพ้นวิสัยที่ศาลจะหยั่งรู้ได้แน่นอนความเสียหายมีเพียงใดศาลจึงมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้และสงวนสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษาภายในกำหนดเวลาใดเวลาหนึ่งได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 วรรคสอง จำเลย ที่ 2 ผู้เอาประกันภัยจะปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่เป็นเรื่องที่จำเลย ที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่จำเลย ที่ 2 ผู้เป็นคู่สัญญาแต่จะยกเหตุดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาระหว่างจำเลย ที่ 2 กับจำเลย ที่ 3 หาได้ไม่ เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลดค่าเสียหายซึ่งจำเลย ที่ 2 จะต้องชดใช้ให้โจทก์น้อยลงและการชำระหนี้ไม่อาจแบ่งแยกได้จึงมีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลย ที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความครอบคลุมค่าธรรมเนียมทั้งหมด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระแทน
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลว่า จำเลยยินยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งพร้อมค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์รับเงินของจำเลยที่บุคคลภายนอกส่งมาวางศาลได้ทันที ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย ต่อมาโจทก์อ้างว่าในการรับเงินที่บุคคลภายนอกส่งมาวางศาลนั้นโจทก์ได้รับไม่เต็มจำนวน เนื่องจากต้องหักค่าธรรมเนียมถอนการอายัด ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินส่วนที่ขาดแก่โจทก์ ดังนี้เมื่อโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ ย่อมหมายความว่าค่าธรรมเนียมส่วนนี้เป็นพับด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระแทน อนึ่ง โจทก์เป็นผู้ดำเนินการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้ให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมส่วนนี้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่702/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ค่าธรรมเนียมถอนอายัดเป็นพับ ผู้รับประโยชน์ต้องชำระ
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลว่าจำเลยยินยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งพร้อมค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยให้โจทก์รับเงินของจำเลยที่บุคคลภายนอกส่งมาวางศาลได้ทันทีค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย ต่อมาโจทก์อ้างว่าในการรับเงินที่บุคคลภายนอกส่งมาวางศาลนั้นโจทก์ได้รับไม่เต็มจำนวน เนื่องจากต้องหักค่าธรรมเนียมถอนการอายัด ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินส่วนที่ขาดแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ ย่อมหมายความว่าค่าธรรมเนียมส่วนนี้เป็นพับด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระแทน อนึ่ง โจทก์เป็นผู้ดำเนินการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้ให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมส่วนนี้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่702/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: การรู้ตัวผู้รับผิดและผลต่อการฟ้องคดี
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเบียดบังเอาเงินของกรมที่ดินโจทก์ไป เมื่อคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งทำรายงาน กองวิชาการทำความเห็นเสนออธิบดีกรมที่ดินว่า ควรสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม อธิบดีมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแสดงถึงการรับทราบรายงานการสอบสวนนั้นแล้ว ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่อธิบดีมีคำสั่ง โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันมีคำสั่งดังกล่าว คดีโจทก์เฉพาะตัวจำเลยจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. ม.448 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การชำระค่างวดไม่จำเป็นต้องรายเดือน/วัน/สัปดาห์ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าหากยังผ่อนไม่ครบ
ในสัญญาเช่าซื้อนั้น คู่สัญญาอาจตกลงชำระค่าเช่าซื้อเป็นสองงวดได้ ไม่จำต้องกำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือนรายวันหรือรายสัปดาห์ สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้ร้องจึงเป็นสัญญาเช่าซื้อมิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบกรรมสิทธิ์ในรถของกลางจึงเป็นของผู้ร้อง(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1617/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การชำระค่างวดไม่จำเป็นต้องระบุรายเดือนรายวัน หากยังไม่ครบกรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ
ในสัญญาเช่าซื้อนั้น คู่สัญญาอาจตกลงชำระค่าเช่าซื้อเป็นสองงวดได้ ไม่จำต้องกำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน รายวันหรือรายสัปดาห์ สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้ร้องจึงเป็นสัญญาเช่าซื้อ มิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อจำเลยยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางจึงเป็นของผู้ร้อง
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1617/2515)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1617/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิด พ.ร.บ.ควบคุมสินค้าตามชายแดน: สินค้าไม่ใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา
ความผิดฐานมีสินค้าควบคุมไว้ในความครอบครองเกินจำนวนหรือปริมาณที่กำหนด และนำเข้ามาในเขตควบคุมนั้นเกิดขึ้นเพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการหรือผู้ซึ่งผู้อำนวยการมอบหมายเท่านั้น สินค้ากับรถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินมีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา32 หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือที่ได้มาโดยการกระทำผิดซึ่งศาลจะพึงมีอำนาจสั่งให้ริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในความผิดพ.ร.บ.ควบคุมสินค้าตามชายแดน ต้องพิจารณาความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ความผิดฐานมีสินค้าควบคุมไว้ในความครอบครองเกินจำนวนหรือปริมาณที่กำหนด และนำเข้ามาในเขตควบคุมนั้น เกิดขึ้นเพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการหรือผู้ซึ่งผู้อำนวยการมอบหมายเท่านั้น สินค้ากับรถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินมีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา32 หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือที่ได้มาโดยการกระทำผิดซึ่งศาลจะพึงมีอำนาจสั่งให้ริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกค่าเช่าบ้านเท็จ – อำนาจฟ้องของกรม – ความรับผิดทางแพ่ง
กรมสามัญศึกษาโจทก์เป็นนิติบุคคลโดยเป็นกรมในรัฐบาลการฟ้องคดีของโจทก์ย่อมแสดงออกโดยการกระทำของอธิบดีซึ่งเป็นผู้แทนเมื่อเห็นว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าเช่าบ้านที่จำเลยเบิกไปโดยไม่มีสิทธิคืนโจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องคดีได้ อ.ก.พ.กระทรวงไม่มีอำนาจที่จะกระทำการแทนโจทก์ ฉะนั้นจะมีมติอย่างไรในเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจของโจทก์ในการฟ้องคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องระบุข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ฟ้องไม่สมบูรณ์หากขาดรายละเอียด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า โจทก์ได้ยักยอกปูนซีเมนต์ของจำเลยที่ 1 แต่มิได้บรรยายฟ้องว่าความจริงเกี่ยวกับปูนซีเมนต์นั้นเป็นอย่างไรแม้จะกล่าวอ้างในตอนท้ายว่า โจทก์ได้ไปพบพนักงานสอบสวนแก้ข้อกล่าวหาและแสดงพยานหลักฐานว่าโจทก์มิได้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ก็เป็นเรื่องการแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน มิใช่เป็นการบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องของโจทก์ย่อมขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่จะแสดงให้เห็นว่าการแจ้งความของจำเลยเป็นการแจ้งความเท็จ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)