คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพรียง โรจนรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าวหมักผสมสี ไม่เข้าข่ายสุราตาม พ.ร.บ.สุรา หากมีเจตนาใช้ย้อมผ้า ไม่ได้ทำเพื่อดื่ม
ข้าวหมักผสมสีอินดิโก มีไว้เพื่อใช้ย้อมสีผ้าแต่ใช้ดื่มกินได้เช่นเดียวกับสุรา เฉพาะผู้บริโภคที่ไม่ทราบถึงคุณสมบัติของสีที่ใช้ผสมว่าจะเป็นพิษอันตรายเท่านั้น ข้าวหมักผสมสีอินดิโกนี้ไม่ใช่สุรา ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากใบมอบอำนาจปลอม และข้อจำกัดในการยกเหตุใหม่ในฎีกา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงชื่อไว้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากใบมอบอำนาจปลอม ฟ้องไม่เคลือบคลุม ข้อต่อสู้ใหม่ไม่อาจยกได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงชื่อไว้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์ที่มิได้เป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด ศาลมีสิทธิไม่รับอุทธรณ์ได้
การที่โจทก์ไม่ได้นำอุทธรณ์มายื่นด้วยตนเอง และมิได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายื่นแทนนั้น ศาลสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์ต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด การไม่ยื่นเองหรือมอบอำนาจทำให้ศาลไม่รับอุทธรณ์
การที่โจทก์ไม่ได้นำอุทธรณ์มายื่นด้วยตนเองและมิได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายื่นแทนนั้น ศาลสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุผลที่ไม่เชื่อพยานส่งผลถึงจำเลยที่ไม่ยื่นอุทธรณ์หรือไม่: ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ แต่จำเลยนี้ถูกฟ้องในข้อหาเดียวกันมิได้อุทธรณ์ จำเลยนี้จะฎีกาว่าควรจะปล่อยจำเลยนี้ผู้ที่มิได้อุทธรณ์นั้นด้วย ย่อมไม่ได้เพราะปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เชื่อพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่ยื่นอุทธรณ์ขึ้นมานั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่พยานเบิกความพาดพิงถึงจำเลยที่อุทธรณ์ขึ้นมาเป็นคน ๆ ไป ทั้งยังมีคำรับสารภาพของจำเลยแต่ละคนอีกด้วย ดังนี้ จึงมิใช่เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี.
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานรับของโจร จำเลยที่ 2, 3, 4 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2, 3, 4 ดังนี้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ควรพิพากษาปล่อยจำเลยที่ 1 ด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี เช่นนี้ ศาลฎีการับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยความผิดของจำเลยร่วมกัน แม้มิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุผลฟังไม่ได้ เพราะเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเฉพาะราย
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ แต่จำเลยนี้ถูกฟ้องในข้อหาเดียวกันมิได้อุทธรณ์ จำเลยนี้จะฎีกาว่าควรจะปล่อยจำเลยนี้ผู้ที่มิได้อุทธรณ์นั้นด้วย ย่อมไม่ได้ เพราะปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เชื่อพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่ยื่นอุทธรณ์ขึ้นมานั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่พยานเบิกความพาดพิงถึงจำเลยที่อุทธรณ์ขึ้นมาเป็นคนๆไป ทั้งยังมีคำรับสารภาพของจำเลยแต่ละคนอีกด้วย ดังนี้ จึงมิใช่เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานรับของโจรจำเลยที่ 2,3,4 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2,3,4 ดังนี้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ควรพิพากษาปล่อยจำเลยที่1 ด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี เช่นนี้ ศาลฎีการับวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: สิทธิโจทก์ในการยึดทรัพย์จำนองโดยไม่ต้องบังคับคดีกับผู้กู้ก่อน
จำเลยที่ 1 ผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ผู้จำนองค้ำประกันเงินกู้นั้นทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลให้ไว้ต่อโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินโจทก์ ถ้าผิดสัญญาประนีประนอมนั้น ยอมให้โจทก์ยึดที่ดินที่จำนองค้ำประกันขายทอดตลาดได้เมื่อจำเลยทั้งสองผิดนัดโจทก์ย่อมยึดที่ดินนั้นขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องบังคับคดีเอากับทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การยึดทรัพย์จำนองโดยไม่ต้องบังคับคดีกับลูกหนี้ร่วม
จำเลยที่ 1 ผู้กู้ และจำเลยที่ 2 ผู้จำนองค้ำประกันเงินกู้นั้น ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลให้ไว้ต่อโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินโจทก์ ถ้าผิดสัญญาประนีประนอมนั้น ยอมให้โจทก์ยึดที่ดินที่จำนองค้ำประกันขายทอดตลาดได้ เมื่อจำเลยทั้งสองผิดนัด โจทก์ย่อมยึดที่ดินนั้นขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องบังคับคดีเอากับทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาป้องกันทรัพย์สินเกินสมควร การกระทำโดยเจตนาต่อบุคคลอื่นที่ได้รับผลร้าย
จำเลยเป็นภารโรงมีหน้าที่เฝ้าโรงเรียนได้มีคนร้ายมางัดแงะโรงเรียนซึ่งเก็บของที่มีค่าในเวลาที่จำเลยไม่อยู่
ครั้นจำเลยมา คนร้ายหนีไป จำเลยติดตามไล่จับและใช้อาวุธปืนยิงไปโดยเจตนาป้องกันทรัพย์สินของโรงเรียนกระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นการกระทำโดยเจตนาป้องกันทรัพย์ที่เกินสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยติดตามขับไล่คนร้ายไปแล้วใช้ปืนยิงคนร้ายแต่กระสุนปืนไปถูกผู้เสียหายนั้นเป็นการกระทำที่จำเลยได้มีเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งรับผลร้ายจากการกระทำนั้นการกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยประมาท
of 45