คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพรียง โรจนรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเกี่ยวกับสัญญากู้เงินเป็นข้อสำคัญในคดีอาญา และการไม่คืนสัญญาทำให้เกิดการปลอมแปลง
จำเลยที่ 2 เบิกความอันเป็นเท็จเพื่อแสดงว่าโจทก์ได้กู้เงินจำเลยที่ 1 และยังได้เบิกความเท็จอีกว่าโจทก์ได้พักอยู่กับจำเลยที่ 2 โจทก์ได้บอกจำเลยที่ 2 ว่าไปบ้านยางสินไชยได้เงินมา 1,000 บาท เพื่อส่งเสริมให้น่าเชื่อว่าโจทก์ได้กู้เงินจำเลยที่ 1 จริงข้อความที่จำเลยที่ 2 เบิกความต่อศาลในการพิจารณานั้นจึงเป็นข้อสำคัญในคดีที่จำเลยที่ 1 ฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ตามสัญญากู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนและร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดแทงนายเคนถูกที่หลัง และใช้มีดแทงนายประจิตถูกที่หน้าอกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297,83เพียงเท่านี้เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษเป็น 2 กระทง
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่า ได้แยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160แล้ว
หมายเหตุ คดีนี้ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทำผิดต่างกรรมผิดกฎหมายหลายกระทงและทั้งไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการทำร้ายร่างกายผู้อื่นและการกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเจตนา
บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดแทงนายเคนถูกที่หลัง และใช้มีดแทงนายประจิตถูกที่หน้าอก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 83 เพียงเท่านี้เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษเป็น 2 กระทง
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่า ได้แยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 160 แล้ว.
หมายเหตุ คดีนี้ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทำผิดต่างกรรมผิดกฎหมายหลายกระทง และทั้งไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาจะขายที่ดิน: ผลของการไม่ชำระเงินค้างชำระและเงื่อนไขการสิ้นสุดสัญญา
เอกสารมีข้อความว่า จำเลยสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ภายใน 1 ปีในราคา 124,000 บาท โดยโจทก์ต้องผ่อนส่งเป็นงวดการผ่อนต้องชำระทุกวันที่ 16 ของเดือนในตอนท้ายมีข้อความว่า 'ถ้าหากพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญานี้ไปแล้ว นางยี่สุ่น สนิทวงศ์ (โจทก์) ไม่สามารถจะนำเงินที่ค้างมาซื้อตามที่ตกลงกันในสัญญานี้ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุด'ดังนี้ เห็นว่าผลของการไม่ชำระเงินมีอย่างไร ไม่มีข้อความเขียนไว้แสดงให้เห็นว่า คำมั่นของจำเลยจะสิ้นสุดก็เมื่อพ้นกำหนด 1 ปีโดยโจทก์ไม่สามารถชำระเงินตามจำนวนที่จะซื้อที่ดินคืนได้คำว่า นำเงินที่ค้างชำระตามงวดมาซื้อย่อมเข้าใจได้ว่าหมายความถึงเงินที่กำหนดไว้เป็นงวดๆ และยังไม่ได้ชำระตามงวดเหตุนี้ แม้จะค้างชำระเงินตามงวดอยู่สัญญาก็สิ้นสุดลงต่อเมื่อไม่ชำระเงินที่ค้างจนครบ 1 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาจะซื้อขาย: ผลของการไม่ชำระเงินค้างวดกับระยะเวลาที่สัญญาสิ้นสุด
เอกสารมีข้อความว่า จำเลยสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ภายใน 1 ปี ในราคา 124,000 บาท โดยโจทก์ต้องผ่อนส่งเป็นงวด การผ่อนต้องชำระทุกวันที่ 16 ของเดือน ในตอนท้ายมีข้อความว่า "ถ้าหากพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญานี้ไปแล้ว นางยี่สุ่น สนิทวงศ์ (โจทก์) ไม่สามารถจะนำเงินที่ค้างมาซื้อตามที่ตกลงกันในสัญญานี้ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุด" ดังนี้ เห็นว่าผลของการไม่ชำระเงินมีอย่างไร ไม่มีข้อความเขียนไว้ แสดงให้เห็นว่า คำมั่นของจำเลยจะสิ้นสุดลงก็เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี โดยโจทก์ไม่สามารถชำระเงินตามจำนวนที่จะซื้อที่ดินคืนได้ คำว่า นำเงินที่ค้างชำระตามงวดมาซื้อ ย่อมเข้าใจได้ว่าหมายความถึงเงินที่กำหนดไว้เป็นงวด ๆ และยังไม่ได้ชำระตามงวด เหตุนี้ แม้จะค้างชำระเงินตามงวดอยู่ สัญญาก็สิ้นสุดลงต่อเมื่อไม่ชำระเงินที่ค้างจนครบ 1 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาที่แท้จริง vs. เจตนาที่แสดงออก, ความรู้ของตัวแทนที่มีประโยชน์ขัดแย้ง, สัญญาค้ำประกัน
จำเลยทำสัญญาเป็นผู้กู้ แม้ในใจจริงจะถือว่าทำแทนผู้อื่นและไม่มีเจตนาให้ถูกผูกพันก็ตาม ก็ต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนาออกมา เว้นแต่คู่กรณีอีกฝ่ายจะได้รู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจนั้น
แม้ผู้จัดการของนิติบุคคลโจทก์จะทราบความในใจดังกล่าวของจำเลยก็ตามแต่เมื่อผู้จัดการนั้นกับจำเลยได้ตกลงกันไว้ว่าการกู้เงินครั้งนี้ก็เพื่อเอาเงินมาให้ผู้จัดการและเมื่อกู้เงินได้แล้ว ผู้จัดการก็ได้รับเงินไปเป็นประโยชน์เฉพาะตัวผู้จัดการก็ไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 80 ความรู้ของผู้จัดการจึงถือเป็นความรู้ของนิติบุคคลด้วยไม่ได้
กู้เงินธนาคารเพื่อเอาไปปลูกบ้านโดยตรงไม่ใช่กรณีบัญชีเดินสะพัดเรียกดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาที่แท้จริง vs. เจตนาที่แสดงออก สัญญาค้ำประกัน และดอกเบี้ยทบต้น
จำเลยทำสัญญาเป็นผู้กู้ แม้ในใจจริงจะถือว่าทำแทนผู้อื่น และไม่มีเจตนาให้ถูกผูกพันก็ตาม ก็ต้องถูกผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนาออกมา เว้นแต่คู่กรณีอีกฝ่ายจะได้รู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจนั้น
แม้ผู้จัดการของนิติบุคคลโจทก์จะทราบความในใจดังกล่าวของจำเลยก็ตาม แต่เมื่อผู้จัดการนั้นกับจำเลยได้ตกลงกันไว้ว่า การกู้เงินครั้งนี้ก็เพื่อเอาเงินมาให้ผู้จัดการ และเมื่อกู้เงินได้แล้ว ผู้จัดการก็ได้รับเงินไปเป็นประโยชน์เฉพาะตัว ผู้จัดการก็ไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนนิติบุคคลตาม ป.พ.พ.มาตรา 80 ความรู้ของผู้จัดการจึงถือเป็นความรู้ของนิติบุคคลด้วยไม่ได้
กู้เงินธนาคารเพื่อเอาไปปลูกบ้านโดยตรงไม่ใช่กรณีบัญชีเดินสะพัด เรียกดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบต่อความเสียหายจากอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม: ผู้ใช้ต้องระมัดระวังควบคุมอุปกรณ์เอง
โจทก์ซื้อกระแสไฟฟ้า 220 โวลท์จากจำเลย จำเลยส่งกระแสไฟฟ้าตกลงมากรับโทรทัศน์ไม่ได้ โจทก์จึงต้องเพิ่มไฟโดยหม้อเพิ่มไฟเพื่อให้ได้รับภาพได้ตามปกติ แล้วไฟฟ้าดับลง ต่อมาไฟจึงติดขึ้นใหม่ แรงขึ้นสูงในทันทีทันใด ทำให้เครื่องปรับอัตโนมัติโทรทัศน์ของโจทก์เสีย ระหว่างที่ไฟฟ้าดับนั้น โจทก์ไม่ได้ลดหรือปลดหม้อเพิ่มไฟและไม่ได้ปิดเครื่องรับโทรทัศน์ ดังนี้ เห็นว่าโจทก์เป็นผู้นำเอาหม้อเพิ่มไฟมาใช้เองเป็นพิเศษ โจทก์ต้องมีหน้าที่ระมัดระวังควบคุมหม้อเพิ่มไฟนั้น จะถือว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่หรือขาดความระมัดระวังเป็นการประมาทเลินเล่อไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดต่อความเสียหายจากกระแสไฟฟ้า: ผู้ใช้ไฟฟ้ามีหน้าที่ระมัดระวังอุปกรณ์เสริม
โจทก์ซื้อกระแสไฟฟ้า 220 โวลท์จากจำเลย จำเลยส่งกระแสไฟฟ้าตกลงมากรับโทรทัศน์ไม่ได้ โจทก์จึงต้องเพิ่มไฟโดยหม้อเพิ่มไฟเพื่อให้ได้รับภาพได้ตามปกติ แล้วไฟฟ้าดับลง ต่อมาไฟจึงติดขึ้นใหม่แรงขึ้นสูงในทันทีทันใดทำให้เครื่องอัตโนมัติโทรทัศน์ของโจทก์เสีย ระหว่างที่ไฟฟ้าดับนั้น โจทก์ไม่ได้ลดหรือปลดหม้อเพิ่มไฟและไม่ได้ปิดเครื่องรับโทรทัศน์ ดังนี้ เห็นว่าโจทก์เป็นผู้นำเอาหม้อเพิ่มไฟมาใช้เองเป็นพิเศษ โจทก์ต้องมีหน้าที่ระมัดระวังควบคุมหม้อเพิ่มไฟนั้นจะถือว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่หรือขาดความระมัดระวังเป็นการประมาทเลินเล่อไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การเพิ่มเติมต้องยกข้อต่อสู้ใหม่หรือเปลี่ยนแปลงข้ออ้างเดิม จึงจะรับฟังได้ หากเป็นการซ้ำกับข้อต่อสู้เดิม ศาลไม่รับฟัง
จำเลยขอยื่นคำให้การเพิ่มเติมซ้ำกับข้อต่อสู้เดิมคำให้การที่ขอเพิ่มเติมจึงไม่เป็นคำให้การที่ยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้าง ข้อเถียง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179(3)
คำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การที่ไม่เป็นสาระแก่คดีศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมก็ได้
of 45