คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพรียง โรจนรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การของคนร้ายด้วยกันใช้ยันจำเลยไม่ได้ ศาลพิจารณาโทษเด็กและเยาวชนตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีเด็กฯ
คำซัดระหว่างคนร้ายด้วยกันจะฟังมาประกอบคดีในศาลใช้ยันแก่จำเลยได้ไม่จะใช้ยันเป็นพยานหลักฐานได้ก็เฉพาะใช้ยันตัวผู้ให้การโดยเฉพาะตัว (อ้างฎีกาที่ 758/2487,944/2500)
เมื่อพิเคราะห์ถึง อายุ ประวัติ ความประพฤติและพฤติการณ์ของจำเลยเกี่ยวกับคดีนี้แล้ว ศาลจะวางเงื่อนไขเกี่ยวกับความประพฤติของจำเลยไว้เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลยเองตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 มาตรา64 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2506 มาตรา 14 ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การของร่วมกระทำผิดใช้ยันจำเลยไม่ได้ ศาลวางเงื่อนไขคุมประพฤติเด็กและเยาวชนได้
คำซัดระหว่างคนร้ายด้วยกัน จะฟังมาประกอบคดีในศาลใช้ยันแก่จำเลยหาได้ไม่ จะใช้ยันเป็นพยานหลักฐานได้ก็เฉพาะใช้ยันตัวผู้ให้การโดยเฉพาะตัว (อ้างฎีกาที่ 758/2487, 944/2500)
เมื่อพิเคราะห์ถึง อายุ ประวัติ ความประพฤติและพฤติการณ์ของจำเลยเกี่ยวกับคดีนี้แล้ว ศาลจะวางเงื่อนไขเกี่ยวกับความประพฤติของจำเลยไว้เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลยเองตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 64 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506 มาตรา 14 ก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่ชัดเจนในการบรรยายฟ้องการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรม ทำให้ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ 2479แก้ไขโดยพ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5)2490มาตรา 3แสดงว่า ในการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมนั้นมีการกระทำซึ่งเป็นข้อเท็จจริงต่างกันและแยกกันหลายประการเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมมิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำการอย่างไรอันเป็นการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชกรรมจึงไม่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแม้จะบรรยายว่าจับได้ยาต่างๆหลายอย่างรวมทั้งเข็มและหลอดฉีดยา เลื่อยตัดก็ไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยได้กระทำการอย่างไร จึงเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความไม่ชัดเจนในการบรรยายฟ้องข้อหาประกอบโรคศิลปะเวชกรรม ทำให้ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ 2479 แก้ไขโดย พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ 5) 2490 มาตรา 3 แสดงว่า ในการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชชกรรมนั้น มีการกระทำซึ่งเป็นข้อเท็จจริงต่างกันและแยกกันหลายประการ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจประกอบโรคศิลปะสาขาเวชชกรรม มิได้บรรยายข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำการอย่างไรอันเป็นการประกอบโรคศิลปะสาขาเวชชกรรม จึงไม่ชัดเจนพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้จะบรรยายว่าจับได้ยาต่าง ๆ หลายอย่างรวมทั้งเข็มและหลอดฉีดยา เลื่อยตัด ก็ไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยได้กระทำการอย่างไร จึงเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังประทุษร้ายโดยการให้ยาเพื่อให้ลักทรัพย์สำเร็จ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้ยาทำให้ผู้เสียหายมึนเมา เป็นเหตุให้ตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้ดังนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเมื่อจำเลยได้กระทำการดังนั้นเพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์และการพาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวและเป็นการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ยาทำให้มึนเมาเพื่อชิงทรัพย์ ถือเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามกฎหมาย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้ยาทำให้ผู้เสียหายมึนเมา เป็นเหตุให้ตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้ ดังนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อจำเลยได้กระทำการดังนั้นเพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์และการพาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวและเป็นการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมั้นตามประเพณีและกฎหมาย การเรียกร้องค่าเสียหายจากการผิดสัญญาหมั้นต้องมีการมอบของหมั้น
การหมั้นและจะเรียกว่าหมั้นก็ต่อเมื่อฝ่ายชายนำของหมั้นไปมอบให้ฝ่ายหญิง อันเป็นเรื่องที่เข้าใจกันตามธรรมดาและตามประเพณีเมื่อมีการหมั้นแล้ว ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญาหมั้นฝ่ายนั้นต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 โดยที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ เช่นนี้เมื่อฝ่ายชายเพียงแต่ตกลงว่าจะสมรสโดยไม่มีการหมั้นดังนี้ จึงอยู่นอกขอบเขตที่กฎหมายรับรองหากไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้จะเรียกค่าทดแทนหาได้ไม่
การที่ไม่มีประเพณีท้องถิ่นว่าจะต้องมีของหมั้น มิใช่เหตุอันจะพึงยกขึ้นลบล้างบทกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมั้นและการรับผิดในสัญญาหมั้น: ต้องมีของหมั้นตามประเพณี จึงจะถือเป็นการหมั้นตามกฎหมาย
การหมั้นและจะเรียกว่าหมั้นก็ต่อเมื่อฝ่ายชายนำของหมั้นไปมอบให้ฝ่ายหญิง อันเป็นเรื่องที่เข้าใจกันตามธรรมดาและตามประเพณี เมื่อมีการหมั้นแล้ว ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญาหมั้นฝ่ายนั้นต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 โดยที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษ เช่นนี้ เมื่อฝ่ายชายเพียงแต่ตกลงว่าจะสมรสโดยไม่มีการหมั้น ดังนี้ จึงอยู่นอกขอบเขตที่กฎหมายรับรอง หากไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงไว้ จะเรียกค่าทดแทนหาได้ไม่
การที่ไม่มีประเพณีท้องถิ่นว่าจะต้องมีของหมั้น มิใช่เหตุจะพึงยกขึ้นลบล้างบทกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการถามค้านพยานภายหลังตามมาตรา 89 วรรคหนึ่ง (ก) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 89 วรรคหนึ่ง (ก) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงการที่ผู้นำสืบพยานภายหลัง สืบพยานหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำพยานของฝ่ายที่นำสืบก่อนนั้น. หมายเฉพาะถึงเมื่อข้อความที่ผู้นำสืบภายหลังเป็นข้อความที่พยานของฝ่ายนำสืบก่อนเป็นผู้รู้เห็นอยู่ด้วยเท่านั้น กฎหมายจึงบัญญัติให้ผู้นำสืบพยานภายหลังถามค้านไว้ก่อนเพื่อให้พยานผู้นั้นอธิบายข้อความที่ตนรู้เห็นในข้อที่ฝ่ายหลังนี้นำสืบไว้เสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายหลังเอาเปรียบโดยนำสืบหักล้างมิให้ฝ่ายแรกรู้ตัวไม่มีโอกาสเสนอพยานหลักฐานครบถ้วน เป็นการเสียความยุติธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการถามค้านพยานภายหลังตามมาตรา 89 วรรค 1(ก) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 89 วรรค 1(ก) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงการที่ผู้นำสืบพยานภายหลัง สืบพยานหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำพยานของฝ่ายที่นำสืบก่อนนั้น หมายเฉพาะถึงเมื่อข้อความที่ผู้นำสืบภายหลังเป็นข้อความที่พยานของฝ่ายนำสืบก่อนเป็นผู้รู้เห็นอยู่ด้วยเท่านั้น กฎหมายจึงบัญญัติให้ผู้นำสืบพยานภายหลังถามค้านไว้ก่อนเพื่อให้พยานผู้นั้นอธิบายข้อความที่ตนรู้เห็นในข้อที่ฝ่ายหลังนี้นำสืบไว้เสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายหลังเอาเปรียบโดยนำสืบหักล้างมิให้ฝ่ายแรกรู้ตัว ไม่มีโอกาสเสนอพยานหลักฐานครบถ้วน เป็นการเสียความยุติธรรม
of 45