คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เพรียง โรจนรัส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1639/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบิกจ่ายเงินศาสนสมบัติยักยอกเงินเข้าตนเอง มีความผิดตามมาตรา 147
จำเลยมีตำแหน่งเป็นครูประชาบาลเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นจัตวา นายอำเภอซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจสั่งให้จำเลยไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการแผนกศึกษาธิการ ให้ทำหน้าที่จัดการศาสนสมบัติอันเป็นราชการได้ เมื่อจำเลยเบิกเงินศาสนสมบัติมาแล้วเบียดบังเอาไปเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต จึงมีความผิดตามมาตรา 147 แม้เงินศาสนสมบัติที่ยักยอกไปเป็นเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน ก็หาใช่ข้อสำคัญแห่งคดีไม่ เพราะฟังได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยเบิกมาตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1639/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกเงินศาสนสมบัติที่เบิกมาตามหน้าที่เข้าตัวเอง มีความผิดตามมาตรา 147 แม้เป็นเงินนอกงบประมาณ
จำเลยมีตำแหน่งเป็นครูประชาบาลเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นจัตวา นายอำเภอซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจสั่งให้จำเลยไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการแผนกศึกษาธิการ ให้ทำหน้าที่จัดการศาสนสมบัติอันเป็นราชการได้ เมื่อจำเลยเบิกเงินศาสนสมบัติมาแล้วเบียดบังเอาไปเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริตจึงมีความผิดตามมาตรา 147 แม้เงินศาสนสมบัติที่ยักยอกไปเป็นเงินนอกงบประมาณแผ่นดิน ก็หาใช่ข้อสำคัญแห่งคดีไม่ เพราะฟังได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่จำเลยเบิกมาตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งตัวแทนบริษัทต่างประเทศ: พิจารณาจากหนังสือมอบอำนาจและพฤติการณ์ประกอบเพื่อผูกพันนิติบุคคล
บริษัทในต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจระบุชื่อผู้รับมอบอำนาจ ตำบลบ้าน และมีข้อความต่อไปว่า กรรมการบริษัทโจทก์ รวมทั้งระบุที่ตั้งสำนักงานของโจทก์ด้วย เพียงเท่านี้ยังไม่ชัดแจ้งว่าตั้งบุคคลนั้นเป็นส่วนตัวหรือในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ อันจะผูกพันโจทก์ในฐานะที่ผู้รับมอบอำนาจนั้นเป็นกรรมการผู้แทนนิติบุคคล จึงจำต้องพิจารณาพฤติการณ์อื่น ๆ ประกอบด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ ตลอดจนระบุที่ตั้งสำนักงานบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้ และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจและการเป็นตัวแทน: การพิจารณาเจตนาของผู้มอบอำนาจเพื่อผูกพันบริษัท
บริษัทในต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจระบุชื่อผู้รับมอบอำนาจตำบลบ้าน และมีข้อความต่อไปว่า กรรมการบริษัทโจทก์ รวมทั้งระบุที่ตั้งสำนักงานของโจทก์ด้วย เพียงเท่านี้ยังไม่ชัดแจ้งว่าตั้งบุคคลนั้นเป็นส่วนตัวหรือในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ อันจะผูกพันโจทก์ในฐานะที่ผู้รับมอบอำนาจนั้นเป็นกรรมการผู้แทนนิติบุคคล จึงจำต้องพิจารณาพฤติการณ์อื่นๆประกอบด้วย
การที่บริษัทโจทก์เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทในต่างประเทศแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อมีเหตุที่จะต้องตั้งผู้รับมอบอำนาจในประเทศไทย บริษัทต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ขายคงไม่ตั้งผู้อื่น ถ้าสามารถตั้งบริษัทโจทก์ได้นั้น ย่อมเป็นพยานพฤติเหตุประการหนึ่ง เหตุนี้ แม้หนังสือแต่งตั้งจะระบุชื่อบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างประเทศมิได้ตั้งกรรมการบริษัทโจทก์เป็นส่วนตัว แต่ตั้งในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทำการค้าแทนบริษัทโจทก์จึงเป็นตัวแทนซึ่งต้องรับผิดเสียภาษีในส่วนเงินได้และภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ และมาตรา 78 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนขายฝากภายในกำหนด: กรรมสิทธิ์กลับคืนผู้ขายฝาก, ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขอขับไล่จำเลยออกจากเรือนซึ่งโจทก์รับซื้อฝากจากจำเลยและพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าได้ติดต่อขอไถ่คืนภายในกำหนดแล้ว แต่โจทก์เบี่ยงบ่ายจนพ้นกำหนดอายุขายฝาก ทั้งเมื่อพ้นกำหนดแล้วจำเลยขอไถ่โจทก์ก็ยินยอมและรับเงินสินไถ่บางส่วนไปแล้ว ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังข้อต่อสู้ของจำเลย กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทก็จะต้องกลับคืนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 492 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ คดีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยต่อไป จะงดสืบพยานเสียมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนขายฝากภายในกำหนด: กรรมสิทธิ์กลับคืนสู่ผู้ขายฝาก โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องาขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนซึ่งโจทก์รับซื้อฝากจากจำเลยและพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าได้ติดต่อขอไถ่คืนภายในกำหนดแล้ว แต่โจทก์เบี่ยงบ่ายจนพ้นกำหนดอายุขายฝากทั้งเมื่อพ้นกำหนดแล้วจำเลยขอไถ่ โจทก์ก็ยินยอมและรับเงินสินไถ่บางส่วนไปแล้ว ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังข้อต่อสู้ของจำเลย กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทก็จะต้องกลับคืนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 492 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ คดีจึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ของจำเลยต่อไป จะงดสืบพยานเสียมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, ใบมอบอำนาจ, การรับข้อเท็จจริง, ประเด็นยุติ, ข้อกล่าวอ้างใหม่ในชั้นฎีกา
กรมมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ใบมอบอำนาจไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 121
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง
จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสำเนาใบมอบอำนาจติดท้ายฟ้องส่งให้แก่จำเลย ปรากฏว่าเมื่อจำเลยรับสำเนาฟ้องแล้วได้ดำเนินคดีเรื่อยมา เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี 2 วัน เกินกำหนดเวลากฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่มีผลประการใด
เมื่อจำเลยให้การรับว่า จำเลยได้ขับรถยนต์แฉลบลงข้างทางตามฟ้องโจทก์ ข้อเท็จจริงก็รับฟังเป็นยุติจากคำฟ้องโจทก์คำให้การจำเลย แม้โจทก์จะนำสืบว่าจำเลยขับรถยนต์ชนต้นไม้เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2504 (ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์ชนต้นไม้ วันที่ 6 มกราคม 2504) ก็ไม่เป็นเหตุถึงกับทำให้ศาลยกฟ้องโจทก์
ข้อเท็จจริงที่ว่า กรมอนามัยได้ใช้ราคารถยนต์ให้แก่องค์การยูนิเซฟแล้วหรือไม่ จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, ใบมอบอำนาจ, การรับข้อเท็จจริง, ประเด็นยุติ, การยกข้อกล่าวหาไม่ทันเวลา
กรมมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ใบมอบอำนาจไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 121
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง
จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสำเนาใบมอบอำนาจติดท้ายฟ้องส่งให้แก่จำเลย ปรากฏว่า เมื่อจำเลยรับสำเนาฟ้องแล้วได้ดำเนินคดีเรื่อยมา เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดี 2 วัน เกินกำหนดเวลากฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่มีผลประการใด
เมื่อจำเลยให้การรับว่า จำเลยได้ขับรถยนต์แฉลบลงข้างทางตามฟ้องโจทก์ ข้อเท็จจริงก็รับฟังเป็นยุติจากคำฟ้องโจทก์คำให้การจำเลย แม้โจทก์จะนำสืบว่าจำเลยขับรถยนต์ชนต้นไม้เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2504 (ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนต้นไม้ วันที่ 6 มกราคม 2504) ก็ไม่เป็นเหตุถึงกับทำให้ศาลยกฟ้องโจทก์
ข้อเท็จจริงที่ว่า กรมอนามัยได้ใช้ราคารถยนต์ให้แก่องค์การยูนิเซฟแล้วหรือไม่ จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนยิงสุนัขขณะปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 4
คนร้ายซึ่งอยู่ที่พื้นดินใช้ปินยิงสุนัขเพราะสุนัขเห่าจะกัดคนร้ายขณะคนร้ายอื่นกำลังค้นหาทรัพย์อยู่ ถือได้ว่าการปล้นได้กระทำโดยใช้ปืนยิง เพราะคนร้ายยิงสุนัขที่เห่าและจะกัดคนร้ายในขณะที่คนร้ายกำลังปล้นบ้านผู้เสียหายเป็นการกระทำในการปล้นทรัพย์นั้นด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรค 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนยิงสุนัขระหว่างการปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่
คนร้ายซึ่งอยู่ที่พื้นดินใช้ปืนยิงสุนัข เพราะสุนัขเห่าจะกัดคนร้ายขณะคนร้ายอื่นกำลังค้นหาทรัพย์อยู่ ถือได้ว่าการปล้นได้กระทำโดยใช้ปืนยิง เพราะคนร้ายยิงสุนัขที่เห่าและจะกัดคนร้ายในขณะที่คนร้ายกำลังปล้นบ้านผู้เสียหาย เป็นการกระทำในการปล้นทรัพย์นั้นด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 340 วรรคสี่
of 45