พบผลลัพธ์ทั้งหมด 599 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารประมาทเลินเล่อเรียกเก็บเช็คเข้าบัญชีผู้อื่น แม้มีหนังสือมอบอำนาจ แต่ตัวแทนสิ้นสภาพแล้ว เจ้าของเช็กร้องเรียนได้
ชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY เป็นชื่อที่ตัวโจทก์ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์. เพื่อใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ. และนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แล้ว. โจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อนั้นโดยชอบ. เมื่อเช็คที่พิพาทระบุชื่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ. ก.เป็นแต่ผู้ทำการแทนร้านและเซ็นสัญญาในนามของร้าน. ไม่ใช่ผู้มีชื่อที่ระบุในเช็ค. ก.จึงไม่ใช่ผู้ทรง. เมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของธนาคารจำเลย จึงมีอำนาจฟ้อง.
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์.จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อม. พร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ. ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก.จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว. ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้. ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทน. แต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของก.. เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์. ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้. เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำ. ถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อ. แม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริง. แต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็ค.ธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น. กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000.
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์.จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อม. พร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ. ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก.จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว. ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้. ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทน. แต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของก.. เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์. ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้. เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำ. ถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อ. แม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริง. แต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็ค.ธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น. กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารประมาทเลินเล่อเรียกเก็บเช็คเข้าบัญชีบุคคลอื่น แม้สุจริตแต่เจ้าของเช็คมีสิทธิเรียกร้อง
ชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY เป็นชื่อที่ตัวโจทก์ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์เพื่อใช้ในการประกอบพาณิชยกิจและนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แล้วโจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อนั้นโดยชอบเมื่อเช็คที่พิพาทระบุชื่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ ก. เป็นแต่ผู้ทำการแทนร้านและเซ็นสัญญาในนามของร้านไม่ใช่ผู้มีชื่อที่ระบุในเช็คก. จึงไม่ใช่ผู้ทรงเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของธนาคารจำเลย จึงมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อมพร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทนแต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก.เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อแม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริงแต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็คธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อมพร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทนแต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก.เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อแม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริงแต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็คธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098-2099/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลลงโทษกระทงหนักสุดได้
จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและฆ้อนเหล็กเป็นอาวุธไปทำการปล้นทรัพย์โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคท้าย สำนวนหนึ่ง และฟ้องจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7, 72 อีกสำนวนหนึ่งศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกัน แม้จะได้แยกฟ้องเป็นคนละสำนวน แต่ก็เป็นเรื่องกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่การใช้ดุลพินิจของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098-2099/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลพิจารณาลงโทษกรรมเดียวเหมาะสมแก่รูปคดี
จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและฆ้อนเหล็กเป็นอาวุธไปทำการปล้นทรัพย์โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคท้าย สำนวนหนึ่ง และฟ้องจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7,72 อีกสำนวนหนึ่ง ศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกัน แม้จะได้แยกฟ้องเป็นคนละสำนวน แต่ก็เป็นเรื่องกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่การใช้ดุลพินิจของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098-2099/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดีปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและมีอาวุธปืน โดยศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุด
จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและฆ้อนเหล็กเป็นอาวุธไปทำการปล้นทรัพย์โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานปล้นทรัพย์. เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคท้าย สำนวนหนึ่ง. และฟ้องจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7,72 อีกสำนวนหนึ่ง.ศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกัน. แม้จะได้แยกฟ้องเป็นคนละสำนวน แต่ก็เป็นเรื่องกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน. ศาลจะลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่การใช้ดุลพินิจของศาล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและอายุความฟ้องเรียกมรดกส่วนแบ่งของผู้เยาว์
บิดาโจทก์ครอบครองที่มรดกแทนโจทก์ไว้ตั้งแต่โจทก์ยังเยาว์ตลอดมา. จนภายหลังที่โจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วจนกระทั่งบิดาตาย ก็ไม่ปรากฏว่าได้บอกกล่าวแสดงเจตนาว่าจะไม่ยึดถือครอบครองแทนอีกต่อไป. ฉะนั้น แม้โจทก์จะออกจากที่พิพาทไปนานแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความฟ้องเรียกมรดกส่วนของตนซึ่งบิดาครอบครองแทนไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและอายุความฟ้องเรียกมรดกของผู้เยาว์ แม้ออกจากที่ดินไปแล้วก็ไม่ขาดอายุความ
บิดาโจทก์ครอบครองที่มรดกแทนโจทก์ไว้ตั้งแต่โจทก์ยังเยาว์ตลอดมา จนภายหลังที่โจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วจนกระทั่งบิดาตาย ก็ไม่ปรากฏว่าได้บอกกล่าวแสดงเจตนาว่าจะไม่ยึดถือครอบครองแทนอีกต่อไป ฉะนั้น แม้โจทก์จะออกจากที่พิพาทไปนานแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความฟ้องเรียกมรดกส่วนของตนซึ่งบิดาครอบครองแทนไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนและการฟ้องเรียกคืนมรดกส่วนแบ่งของผู้เยาว์ แม้จะออกจากที่ดินไปนานก็ไม่ขาดอายุความ
บิดาโจทก์ครอบครองที่มรดกแทนโจทก์ไว้ตั้งแต่โจทก์ยังเยาว์ตลอดมา จนภายหลังที่โจทก์บรรลุนิติภาวะแล้วจนกระทั่งบิดาตาย ก็ไม่ปรากฏว่าได้บอกกล่าวแสดงเจตนาว่าจะไม่ยึดถือครอบครองแทนอีกต่อไป ฉะนั้น แม้โจทก์จะออกจากที่พิพาทไปนานแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความฟ้องเรียกมรดกส่วนของตนซึ่งบิดาครอบครองแทนไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลาง (ปืน) แม้ไม่มีทะเบียน หลังมีกฎหมายผ่อนผันให้จดทะเบียนได้ภายใน 90 วัน โดยไม่เสียโทษ
สำหรับปืน ปลอกกระสุนปืนและเม็ดตะกั่วของกลางนั้น เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นของที่จำเลยใช้กระทำผิดแม้จะเป็นปืนที่ไม่มีทะเบียน และในขณะฟ้องตลอดจนเมื่อศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ จะเป็นทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดให้ริบเสียสิ้น ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 แต่เมื่อคดีมาสู่ศาลอุทธรณ์และอยู่ระหว่างพิจารณา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 มาตรา 5 ยอมให้ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตนำไปขอรับอนุญาตได้ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องได้รับโทษ ต้องถือว่าในระหว่างนั้น กฎหมายยกเว้นโทษให้แก่ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้เป็นเรื่องที่ถูกฟ้องและศาลลงโทษไปก่อนใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดังกล่าวแล้วก็ตามศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาคืนของกลางให้เจ้าของไปได้ และแม้จะได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่
อนึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์อ้างบทมาตราของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ข้างต้นผิดแต่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
อนึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์อ้างบทมาตราของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ข้างต้นผิดแต่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางคดีอาวุธปืนภายหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ผ่อนผันโทษ แม้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ริบแล้ว
สำหรับปืน ปลอกกระสุนปืนและเม็ดตะกั่วของกลางนั้น. เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นของที่จำเลยใช้กระทำผิด.แม้จะเป็นปืนที่ไม่มีทะเบียน. และในขณะฟ้องตลอดจนเมื่อศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ จะเป็นทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดให้ริบเสียสิ้น. ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32. แต่เมื่อคดีมาสู่ศาลอุทธรณ์และอยู่ระหว่างพิจารณา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 มาตรา 5. ยอมให้ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนฯ. โดยไม่ได้รับอนุญาต.นำไปขอรับอนุญาตได้ภายใน 90 วัน. โดยผู้นั้นไม่ต้องได้รับโทษ. ต้องถือว่าในระหว่างนั้น กฎหมายยกเว้นโทษให้แก่ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนฯ. โดยไม่ได้รับอนุญาต. แม้เป็นเรื่องที่ถูกฟ้องและศาลลงโทษไปก่อนใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดังกล่าวแล้วก็ตามศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาคืนของกลางให้เจ้าของไปได้. และแม้จะได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้. ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่.
อนึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์อ้างบทมาตราของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ข้างต้นผิด.แต่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป.
อนึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์อ้างบทมาตราของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ข้างต้นผิด.แต่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป.