คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กิตติ สีหนนทน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 599 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอาญา: ผลกระทบต่อการเพิ่มโทษจากประวัติอาชญากร
แม้จำเลยจะมิได้ให้การรับในข้อต้องโทษ และพ้นโทษในวันที่ศาลสอบคำให้การจำเลย แต่ก็ได้ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยซึ่งได้อ้างตัวเองเป็นพยานต่อศาลว่าจำเลยเคยต้องโทษตามฟ้องจริง. คำว่า ตามฟ้อง นั้นต้องหมายความถึงวันพ้นโทษของจำเลยด้วย. เพราะโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่าจำเลยพ้นโทษมา และยังได้ท้าวถึงประวัติอาชญากรซึ่งโจทก์ส่งมาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องอีก. ฉะนั้น เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษตามฟ้องจริง ก็เท่ากับจำเลยรับในข้อพ้นโทษในคดีก่อนด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับพยานหลักฐานทางอ้อมและการเพิ่มโทษอาชญากรจากประวัติอาชญากรรม
แม้จำเลยจะมิได้ให้การรับในข้อต้องโทษ และพ้นโทษในวันที่ศาลสอบคำให้การจำเลย แต่ก็ได้ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยซึ่งได้อ้างตัวเองเป็นพยานต่อศาลว่าจำเลยเคยต้องโทษตามฟ้องจริง คำว่า ตามฟ้อง นั้นต้องหมายความถึงวันพ้นโทษของจำเลยด้วย เพราะโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยพ้นโทษมา และยังได้ท้าวถึงประวัติอาชญากรซึ่งโจทก์ส่งมาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องอีก ฉะนั้น เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษต้องฟ้องจริง ก็เท่ากับจำเลยรับให้ข้อพ้นโทษในคดีก่อนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การที่ขยายความถึงประวัติอาชญากรรมของจำเลย ศาลพิจารณาเพิ่มโทษได้ตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะมิได้ให้การรับในข้อต้องโทษ และพ้นโทษในวันที่ศาลสอบคำให้การจำเลย แต่ก็ได้ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยซึ่งได้อ้างตัวเองเป็นพยานต่อศาลว่าจำเลยเคยต้องโทษตามฟ้องจริงคำว่า ตามฟ้อง นั้นต้องหมายความถึงวันพ้นโทษของจำเลยด้วยเพราะโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่าจำเลยพ้นโทษมา และยังได้ท้าวถึงประวัติอาชญากรซึ่งโจทก์ส่งมาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องอีกฉะนั้น เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษตามฟ้องจริง ก็เท่ากับจำเลยรับในข้อพ้นโทษในคดีก่อนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบหมายจัดการทรัพย์สิน การเสียหายต้องเป็นประโยชน์ในลักษณะทรัพย์สิน ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้อง
การมอบหมายให้จัดการทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 นั้น หาจำต้องเป็นการมอบหมายให้จัดการเพื่อหาหรือให้ได้ประโยชน์อย่างใดเสมอไปไม่ฉะนั้น ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายจึงมิใช่เพียงประโยชน์อันได้จากการจัดการทรัพย์เท่านั้นแต่อาจเป็นประโยชน์อื่นใดก็ได้ซึ่งข้อสำคัญมีเพียงว่า ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า ยางรถโจทก์เสียหาย เพลาเครื่องยนต์ ตัวถังจะต้องซ่อมแซมรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 35,000 บาท เป็นการแสดงให้เห็นได้ว่าความเสียหายในตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ได้รับล้วนเป็นประโยชน์ของโจทก์ที่เป็นเงินอันอยู่ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสิ้นหาใช่เป็นเพียงการทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายเท่านั้นไม่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 แล้ว ศาลชั้นต้นก็ต้องทำการไต่สวนมูลฟ้อง แล้วสั่งไปตามกระบวนความ(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1-2/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียหายต่อทรัพย์สินจากการจัดการทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ไม่จำกัดเฉพาะประโยชน์ที่ได้จากการจัดการ
การมอบหมายให้จัดการทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 นั้น. หาจำต้องเป็นการมอบหมายให้จัดการเพื่อหาหรือให้ได้ประโยชน์อย่างใดเสมอไปไม่. ฉะนั้น ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายจึงมิใช่เพียงประโยชน์อันได้จากการจัดการทรัพย์เท่านั้น. แต่อาจเป็นประโยชน์อื่นใดก็ได้.ซึ่งข้อสำคัญมีเพียงว่า ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น. โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า ยางรถโจทก์เสียหาย เพลาเครื่องยนต์ ตัวถัง จะต้องซ่อมแซมรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 35,000 บาท. เป็นการแสดงให้เห็นได้ว่าความเสียหายในตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ได้รับล้วนเป็นประโยชน์ของโจทก์ที่เป็นเงินอันอยู่ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสิ้น. หาใช่เป็นเพียงการทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายเท่านั้นไม่. เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 แล้ว. ศาลชั้นต้นก็ต้องทำการไต่สวนมูลฟ้อง แล้วสั่งไปตามกระบวนความ.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1-2/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายต่อทรัพย์สินจากการมอบหมายจัดการทรัพย์: ประโยชน์ที่เสียหายต้องเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ
การมอบหมายให้จัดการทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 นั้น หาจำต้องเป็นการมอบหมายให้จัดการเพื่อหาหรือให้ได้ประโยชน์อย่างใดเสมอไปไม่ ฉะนั้น ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายจึงมิใช่เพียงประโยชน์อันได้จากการจัดการทรัพย์เท่านั้น แต่อาจเป็นประโยชน์อื่นใดก็ได้ ซึ่งข้อสำคัญมีเพียงว่า ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า ยางรถโจทก์เสียหาย เพลา เครื่องยนต์ ตัวถัง จะต้องซ่อมแซมรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 35,000 บาท เป็นการแสดงให้เป็นได้ว่าความเสียหายในตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ได้รับล้วนเป็นประโยชน์ของโจทก์ที่เป็นเงินอันอยู่ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสิ้น หาใช่เป็นเพียงการทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายเท่านั้นไม่ เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 แล้วศาลชั้นต้นก็ต้องทำการไต่สวนมูลฟ้อง แล้วสั่งไปตามกระบวนความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด & การบังคับจำนอง: แม้ตกลงนอกสัญญาเรื่องดอกเบี้ยสูง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืน & ศาลชอบพิพากษาบังคับจำนองได้
แม้สัญญาจำนองกำหนดดอกเบี้ยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด. แต่ผู้จำนองผู้รับจำนองตกลงกันนอกสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดทางอาญา. เมื่อผู้จำนองชำระดอกเบี้ยให้ไป ย่อมไม่มีสิทธิจะเรียกคืนได้. และไม่มีสิทธิจะเอาดอกเบี้ยส่วนที่ชำระเกินคิดหักชำระต้นเงิน.
ผู้รับจำนองฟ้องขอให้ผู้จำนองไถ่ถอนจำนอง. ผู้จำนองให้การว่า ผู้รับจำนองไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง. วันชี้สองสถานคู่ความแถลงรับว่ายินดีไถ่ถอนการจำนอง เพียงแต่โต้เถียงกันเรื่องจำนวนเงินที่จะไถ่ถอน. ดังนี้ถือว่า คู่ความไม่ติดใจโต้เถียงกันเรื่องการบังคับจำนอง. เมื่อศาลชี้ขาดถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระกัน ก็ชอบจะพิพากษาบังคับจำนองไปได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินสัญญาและผลบังคับจำนอง: การชำระดอกเบี้ยเกินที่ตกลงกันนอกสัญญาไม่มีสิทธิเรียกคืน และการยินดีไถ่ถอนการจำนองทำให้ศาลชอบที่จะพิพากษาบังคับจำนองได้
แม้สัญญาจำนองกำหนดดอกเบี้ยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้จำนองผู้รับจำนองตกลงกันนอกสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดทางอาญา เมื่อผู้จำนองชำระดอกเบี้ยให้ไป ย่อมไม่มีสิทธิจะเรียกคืนได้ และไม่มีสิทธิจะเอาดอกเบี้ยส่วนที่ชำระเกินคิดหักชำระต้นเงิน
ผู้รับจำนองฟ้องขอให้ผู้จำนองไถ่ถอนจำนองผู้จำนองให้การว่า ผู้รับจำนองไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนองวันชี้สองสถานคู่ความแถลงรับว่ายินดีไถ่ถอนการจำนอง เพียงแต่โต้เถียงกันเรื่องจำนวนเงินที่จะไถ่ถอนดังนี้ถือว่า คู่ความไม่ติดใจโต้เถียงกันเรื่องการบังคับจำนองเมื่อศาลชี้ขาดถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระกัน ก็ชอบจะพิพากษาบังคับจำนองไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินกฎหมาย-การบังคับจำนอง: แม้ตกลงนอกสัญญาแต่ไม่มีสิทธิเรียกคืน/ฟ้องบังคับจำนองได้หากยินดีไถ่ถอน
แม้สัญญาจำนองกำหนดดอกเบี้ยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้จำนองผู้รับจำนองตกลงกันนอกสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดทางอาญา เมื่อผู้จำนองชำระดอกเบี้ยให้ไป ย่อมไม่มีสิทธิจะเรียกคืนได้ และไม่มีสิทธิจะเอาดอกเบี้ยส่วนที่ชำระเกินคิดหักชำระต้นเงิน
ผู้รับจำนองฟ้องขอให้ผู้จำนองไถ่ถอนจำนอง ผู้จำนองให้การว่า ผู้รับจำนองไม่ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง วันชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับว่ายินดีไถ่ถอนการจำนอง เพียงแต่โต้เถียงกันเรื่องจำนวนเงินที่จะไถ่ถอน ดังนี้ถือว่า คู่ความไม่ติดใจโต้เถียงกันเรื่องการบังคับจำนอง เมื่อศาลชี้ขาดถึงจำนวนเงินที่ต้องชำระกัน ก็ชอบจะพิพาทบังคับจำนองไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดิน: ผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้สิทธิ แม้จำเลยได้มาโดยครอบครองปรปักษ์แต่ไม่ได้จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้วแม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบจะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
of 60