คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
กิตติ สีหนนทน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 599 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: การย้ายแผงลอยต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์การค้าที่เทศบาลจัดให้
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความกล่าวว่า "เมื่อทางการเทศบาลนครกรุงเทพได้จัดที่ตั้งแผงลอยขึ้นที่คลองโอ่งอ่างและจัดให้ผู้ค้าแผงลอยเข้าตั้งได้แล้ว จำเลยที่ 1,2,3 ยอมย้ายแผงลอยจากหน้าร้านโจทก์ไปภายใน 1 เดือน" เช่นนี้ มีความหมายว่า จำเลยที่ 1,2,3 จะย้ายต่อเมื่อเทศบาลจัดสถานที่ตั้งแผงลอยขึ้นที่คลองโอ่งอ่าง เพื่อให้จำเลยทั้งสามมีสิทธิเข้าไปทำการค้า ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าแผงที่สร้างแล้วอนุญาตให้ค้าได้เฉพาะการค้าผ้า ไม่อนุญาตสำหรับการค้าผลไม้ ดอกไม้ และขนม อย่างที่จำเลยค้า จำเลยที่ 1,2,3 ยังไม่มีสิทธิเข้าไปทำการค้าในแผงนั้น กรณีจึงยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขตามสัญญายอม โจทก์ไม่มีอำนาจขอให้บังคับจำเลยที่ 1,2,3 ออกไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขสัญญาประนีประนอมยอมความ: การจัดสถานที่ค้าต้องสอดคล้องกับประเภทสินค้าที่จำเลยค้า
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความกล่าวว่า "เมื่อทางการเทศบาลนครกรุงเทพได้จัดที่ตั้งแผงลอยขึ้นที่คลองโอ่งอ่างและจัดให้ผู้ค้าแผงลอยเข้าตั้งได้แล้ว จำเลยที่ 1,2,3 ยอมย้ายแผงลอยจากหน้าร้านโจทก์ไปภายใน 1 เดือน" เช่นนี้ มีความหมายว่า จำเลยที่ 1,2,3 จะย้ายต่อเมื่อเทศบาลจัดสถานที่ตั้งแผงลอยขึ้นที่คลองโอ่งอ่าง เพื่อให้จำเลยทั้งสามมีสิทธิเข้าไปทำการค้า ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าแผงที่สร้างแล้วอนุญาตให้ค้าได้เฉพาะการค้าผ้า ไม่อนุญาตสำหรับการค้าผลไม้ ดอกไม้ และขนม อย่างที่จำเลยค้าจำเลยที่ 1,2,3 ยังไม่มีสิทธิเข้าไปทำการค้าในแผงนั้น กรณีจึงยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขตามสัญญายอมโจทก์ไม่มีอำนาจขอให้บังคับจำเลยที่ 1,2,3 ออกไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ เพื่อให้การฟ้องเป็นไปตามหลักกฎหมาย
การฟ้องคดีอาญานั้น โจทก์จะต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
คำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้กับจำเลยเพื่อเอาไปลงแชร์และให้คำรับรองอันเป็นเท็จว่าถ้าส่งเงินครบแล้วจำเลยจะคืนเงินพร้อมทั้งผลประโยชน์ให้ จำเลยทั้งสองได้เก็บเงินจากผู้เสียหายไปจวนครบจำนวนแล้วก็ปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ยอมคืนเงินโดยตามคำฟ้องมิกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายตรงไหน ฉะนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ชัดเจน หากระบุเพียงการหลอกลวงโดยไม่บอกความจริง คำฟ้องนั้นไม่สมบูรณ์
การฟ้องคดีอาญานั้น โจทก์จะต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
คำฟ้องของโจทก์บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ให้ผู้เสียหายนำเงินมามอบให้กับจำเลยเพื่อเอาไปลงแชร์และให้คำรับรองอันเป็นเท็จว่า ถ้าส่งเงินครบแล้วจำเลยจะคืนเงินพร้อมทั้งผลประโยชน์ให้ จำเลยทั้งสองได้เก็บเงินจากผู้เสียหายไปจวนครบจำนวนแล้วก็ปฏิเสธไม่ยอมรับไม่ยอมคืนเงิน โดยตามคำฟ้องมิกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร เพื่อที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายตรงไหน ฉะนั้น คำฟ้องในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุความพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนี้ ศาลก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์บังคับคดีเกินความจำเป็นและเจตนาของเจ้าหนี้: หลักเกณฑ์การรับผิดค่าธรรมเนียม
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล โดยจำเลยที่ 1 ยอมใช้เงินแก่โจทก์ และจำเลยที่ 2 ยอมรับประกัน ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน โดยก่อนจะยึดก็ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะทำการยึดเจ้าพนักงานปิดประกาศหมายยึด จำเลยที่ 2 ก็ฉีกทำลายเสีย ทั้งได้ความว่าจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์ให้ยึดจริง เช่นนี้ คดีจึงยังไม่พอฟังว่าโจทก์แกล้งยึดโดยไม่สุจริต หรือเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอย่างใดไม่ ฉะนั้น แม้จะมีการชำระหนี้ภายหลังครบถ้วนแล้วก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดที่ไม่มีการขายนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์บังคับคดี การพิสูจน์ความสุจริตของผู้บังคับคดี และการรับผิดในค่าธรรมเนียม
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล โดยจำเลยที่ 1 ยอมใช้เงินแก่โจทก์ และจำเลยที่ 2 ยอมรับประกัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน โดยก่อนจะยึดก็ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขณะทำการยึดเจ้าพนักงานปิดประกาศหมายยึด จำเลยที่ 2 ก็ฉีกทำลายเสีย ทั้งได้ความว่าจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์ให้ยึดจริง เช่นนี้ คดีจึงยังไม่พอฟังว่าโจทก์แกล้งยึดโดยไม่สุจริต หรือเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอย่างใดไม่ ฉะนั้น แม้จะมีการชำระหนี้ภายหลังครบถ้วนแล้วก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการยึดที่ไม่มีการขายนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่มีมูลหนี้เดิม การใช้เงินฝากผิดวัตถุประสงค์ และผลของการไม่ชำระหนี้
โจทก์มอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยนำไปฝากธนาคารจำเลยกลับเอาไปใช้เสียหมด จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินโจทก์มีจำนวนเงินเท่ากับที่จำเลยรับฝากไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้ เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้ที่มีมูลหนี้เดิมจากการมอบเงินฝาก สัญญาสมบูรณ์ใช้บังคับได้
โจทก์มอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยนำไปฝากธนาคาร จำเลยกลับเอาไปใช้เสียหมด จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินโจทก์มีจำนวนเงินเท่ากับที่จำเลยรับฝากไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้ เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อำนาจเจ้าพนักงานการพิมพ์สั่งระงับหนังสือพิมพ์ การพิจารณาคำร้อง และการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าของ ผู้จัดการ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานการพิมพ์ ได้สั่งถอนใบอนุญาตมิให้โจทก์ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์มานานเกือบครึ่งปี ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือขอให้จำเลยพิจารณาเรื่องที่โจทก์ขอให้สั่งให้เปิดดำเนินการต่อไป จำเลยได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาโดยอาศัยเหตุผลต่างๆ แล้วยังไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินการดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งแต่อย่างใด เพราะจำเลยได้ปฏิบัติการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานการพิมพ์ในการไม่อนุญาตเปิดดำเนินการหนังสือพิมพ์ ไม่ถือเป็นการขัดขวางตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าของ ผู้จัดการ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานการพิมพ์ ได้สั่งถอนใบอนุญาตมิให้โจทก์ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์มานานเกือบครึ่งปี ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือขอให้จำเลยพิจารณาเรื่องที่โจทก์ขอให้สั่งให้เปิดดำเนินการต่อไป จำเลยได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาโดยอาศัยเหตุผลต่าง ๆ แล้ว ยังไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินการ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งแต่อย่างใด เพราะจำเลยได้ปฏิบัติการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย
of 60