พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างจำเลยเป็นประเด็นสำคัญก่อนพิจารณาคดีพิพาทแรงงาน ศาลต้องวินิจฉัยก่อน
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นพนักงานขายของบริษัท ซึ่งประกอบกิจการค้าเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อหนึ่ง และโจทก์อาจไปขายเครื่องถ่ายเอกสารอีกยี่ห้อหนึ่งให้แก่จำเลยได้เป็นครั้งคราวโดยได้รับค่าคอมมิชชั่นจากจำเลยแล้ววินิจฉัยไปเลยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลย ตกลงให้โจทก์ทำงานครั้งที่โจทก์ฟ้องนี้โดยจะจ่ายค่าคอมมิชชั่น ให้โจทก์ โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยหรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดี เพราะถ้าโจทก์ไม่เป็นลูกจ้างจำเลย คดีนี้ย่อมไม่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ.2522 มาตรา8(1) อันศาลแรงงานกลางจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ สมควรให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เป็นยุติก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงาน: ต้องวินิจฉัยสถานะลูกจ้างก่อนพิจารณาข้อพิพาทสัญญาจ้าง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นพนักงานขายของบริษัทซึ่งประกอบกิจการค้าเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อหนึ่งและโจทก์อาจไปขาย เครื่องถ่ายเอกสารอีกยี่ห้อหนึ่งให้แก่จำเลยได้เป็นครั้งคราวโดยได้รับ ค่าคอมมิชชั่นจากจำเลยแล้ววินิจฉัยไปเลยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลย ตกลงให้โจทก์ทำงานครั้งที่โจทก์ฟ้องนี้โดยจะจ่ายค่าคอมมิชชั่น ให้โจทก์โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยหรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีเพราะถ้าโจทก์ ไม่เป็นลูกจ้างจำเลยคดีนี้ย่อมไม่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ.2522 มาตรา8(1) อันศาลแรงงานกลางจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้สมควรให้ ศาลแรงงานกลาง วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เป็นยุติก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานประพฤติชั่วร้ายแรง แม้มีคดีอาญาหมิ่นประมาท และการล้างมลทินทางวินัย
การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การกระทำของลูกจ้างเป็นไปในลักษณะหมิ่นประมาทผู้บังคับบัญชา ถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบอันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้น. เท่ากับเป็นการวินิจฉัยว่า การกระทำของลูกจ้างเป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หาใช่เป็นการวินิจฉัยว่าลูกจ้างกระทำผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทไม่ ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ และแม้คดีก่อนลูกจ้างถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทก็ตาม แต่เมื่อคดีนี้นายจ้างร้องต่อศาลเพื่อขอเลิกจ้างอันเป็นคดีแพ่ง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ขณะลูกจ้างกระทำผิดวินัยจะอยู่ในระหว่างที่ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯก็ตาม แต่เมื่อลูกจ้างมิใช่ผู้ที่ได้ถูกลงโทษทางวินัยหรือผู้กระทำผิดวินัยที่ได้รับนิรโทษกรรมมาก่อน จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
แม้ขณะลูกจ้างกระทำผิดวินัยจะอยู่ในระหว่างที่ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯก็ตาม แต่เมื่อลูกจ้างมิใช่ผู้ที่ได้ถูกลงโทษทางวินัยหรือผู้กระทำผิดวินัยที่ได้รับนิรโทษกรรมมาก่อน จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานประพฤติชั่วร้ายแรงจากเหตุหมิ่นประมาท และข้อยกเว้นการล้างมลทินทางวินัย
การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การกระทำของลูกจ้างเป็นไปในลักษณะหมิ่นประมาทผู้บังคับบัญชา ถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบอันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้น. เท่ากับเป็นการวินิจฉัยว่า การกระทำของลูกจ้างเป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หาใช่เป็นการวินิจฉัยว่าลูกจ้างกระทำผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทไม่ ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ และแม้คดีก่อนลูกจ้างถูกฟ้องเป็นคดีอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทก็ตาม แต่เมื่อคดีนี้นายจ้างร้องต่อศาลเพื่อขอเลิกจ้างอันเป็นคดีแพ่ง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ขณะลูกจ้างกระทำผิดวินัยจะอยู่ในระหว่างที่ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯก็ตาม แต่เมื่อลูกจ้างมิใช่ผู้ที่ได้ถูกลงโทษทางวินัยหรือผู้กระทำผิดวินัยที่ได้รับนิรโทษกรรมมาก่อน จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
แม้ขณะลูกจ้างกระทำผิดวินัยจะอยู่ในระหว่างที่ได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯก็ตาม แต่เมื่อลูกจ้างมิใช่ผู้ที่ได้ถูกลงโทษทางวินัยหรือผู้กระทำผิดวินัยที่ได้รับนิรโทษกรรมมาก่อน จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะรัฐมนตรีเป็นข้อตกลงสภาพการจ้าง ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาคดีได้
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีลงมติสั่งให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าครองชีพแก่พนักงาน จึงมีผลให้จำเลยต้องยอมรับและปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าครองชีพแก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานอันเป็นการฝ่าฝืนมติดังกล่าวและโจทก์ ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่าย จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 8(1) โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะรัฐมนตรีเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง รัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตาม โจทก์มีสิทธิฟ้องต่อศาลแรงงานได้
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีลงมติสั่งให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าครองชีพแก่พนักงาน จึงมีผลให้จำเลยต้องยอมรับและปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าครองชีพแก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานอันเป็นการฝ่าฝืนมติดังกล่าวและโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่าย จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 8 (1) โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานกลางในคดีบำเหน็จ และการหักเงินค่าเสียหายที่ไม่แน่นอน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ลาออก จำเลยจะต้องจ่ายบำเหน็จให้โจทก์ตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยบำเหน็จผู้ปฏิบัติงานฯ แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้นั้น เมื่อข้อบังคับของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โจทก์มีอำนาจฟ้องต่อ ศาลแรงงานกลางได้
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานกลางในคดีบำเหน็จ และการหักค่าเสียหายที่ไม่ยุติ
คดีที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ลาออก จำเลยจะต้องจ่ายบำเหน็จให้โจทก์.ตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยบำเหน็จผู้ปฏิบัติงานฯแต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้นั้น เมื่อข้อบังคับของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โจทก์มีอำนาจฟ้องต่อ ศาลแรงงานกลางได้
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างแรงงาน: การพิจารณาประเภทสัญญาจ้างจากลักษณะงานและวิธีการจ่ายค่าจ้าง
การที่จำเลยต้องการจะปลูกบ้านจึงติดต่อให้โจทก์ปลูกให้ตามแบบที่จำเลยต้องการ จำเลยเป็นฝ่ายจัดหาวัสดุก่อสร้างโจทก์เป็นผู้จัดหาคนงานและเครื่องมือ แต่จะให้ผู้ใดมาทำงานต้องให้จำเลยยินยอมด้วย โดยโจทก์คิดค่าจ้างสำหรับโจทก์และคนงานอื่นเป็นรายวันนั้นแม้โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยไว้ว่าจะทำงานจนกว่าปลูกบ้านเสร็จ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าตกลงกันให้ถือเอาผลสำเร็จของงานเป็นเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้าง ส่วนการที่โจทก์รับค่าจ้างจากจำเลยเป็นงวดๆเพียงคนเดียว ก็เป็นเพียงการรับค่าจ้างรายวันแทนผู้ร่วมงานแต่ละคนซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของโจทก์เป็นคราวๆไปเท่านั้น ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้ควบคุมแนะนำโจทก์ในการปลูกบ้านเพราะไม่มีความรู้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้การรับจ้างของโจทก์เป็นการจ้างทำของ ถือได้ว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงาน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ นั้น มิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่ที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้น แม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ในสัญญาก็อยู่ในขอบข่ายด้วยเช่นกัน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ นั้น มิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่ที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้น แม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ในสัญญาก็อยู่ในขอบข่ายด้วยเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างแรงงาน: ลักษณะสำคัญคือการจ่ายค่าจ้างรายวัน ไม่ผูกพันผลสำเร็จของงาน
การที่จำเลยต้องการจะปลูกบ้านจึงติดต่อให้โจทก์ปลูกให้ตามแบบที่จำเลยต้องการ จำเลยเป็นฝ่ายจัดหาวัสดุก่อสร้างโจทก์เป็นผู้จัดหาคนงานและเครื่องมือ แต่จะให้ผู้ใดมาทำงานต้องให้จำเลยยินยอมด้วย โดยโจทก์คิดค่าจ้างสำหรับโจทก์และคนงานอื่นเป็นรายวันนั้นแม้โจทก์ได้ตกลงกับจำเลยไว้ว่าจะทำงานจนกว่าปลูกบ้านเสร็จ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าตกลงกันให้ถือเอาผลสำเร็จของงานเป็นเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้าง ส่วนการที่โจทก์รับค่าจ้างจากจำเลยเป็นงวดๆเพียงคนเดียว ก็เป็นเพียงการรับค่าจ้างรายวันแทนผู้ร่วมงานแต่ละคนซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของโจทก์เป็นคราวๆไปเท่านั้น ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้ควบคุมแนะนำโจทก์ในการปลูกบ้านเพราะไม่มีความรู้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้การรับจ้างของโจทก์เป็นการจ้างทำของ ถือได้ว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงาน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ นั้นมิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่ที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้นแม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ในสัญญาก็อยู่ในขอบข่ายด้วยเช่นกัน
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ นั้นมิได้จำกัดว่าต้องเป็นคดีที่ที่พิพาทกันด้วยเรื่องค่าจ้างเท่านั้นแม้พิพาทกันด้วยเรื่องการทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ในสัญญาก็อยู่ในขอบข่ายด้วยเช่นกัน