พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะกรรมหมั้นและการคืนสินสอด: สัญญาที่ทำขึ้นภายหลังยังผูกพันได้
ในขณะที่ อ. ทำการหมั้นกับ บ. นั้น บ. อายุยังไม่ครบ 17 ปี บริบูรณ์ โดยมีอายุเพียง 15 ปีเศษ การหมั้นดังกล่าวจึงฝ่าฝืนบทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 1435 วรรคหนึ่ง ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1435 วรรคสอง นอกจากนี้มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าจะต้องคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ทราบว่า บ. อายุไม่ครบ 17 ปี จำเลยและ บ. จึงต้องคืนของหมั้นและสินสอดให้แก่โจทก์ตามมาตรา 412 และ 413 โดยจะถือว่าโจทก์ชำระหนี้ตามอำเภอใจตามมาตรา 407 หาได้ไม่ ดังนั้น การที่โจทก์จำเลยซึ่งเป็นบิดาและมารดาของ อ. และ บ. ทำบันทึกข้อตกลงภายหลังที่ อ. กับ บ. เลิกการอยู่กินเป็นสามีภริยากันว่าจำเลยตกลงจะคืนสินสอดและของหมั้นแก่โจทก์ จึงมีมูลหนี้และใช้บังคับได้ หาได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะของการหมั้นและการแต่งงานเมื่ออายุไม่ครบ 17 ปี และผลกระทบต่อการคืนของหมั้นสินสอด
ในขณะที่นาย อ. ทำการหมั้นกับนางสาว บ. นั้น นางสาว บ. อายุยังไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ โดยมีอายุเพียง 15 ปีเศษ การหมั้นดังกล่าวจึงฝ่าฝืนบทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 1435 วรรคหนึ่ง ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1435 วรรคสอง นอกจากนี้มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าจะต้องคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ทราบว่านางสาว บ. อายุไม่ครบ 17 ปี จำเลยและนางสาว บ. จึงต้องคืนของหมั้นและสินสอดให้แก่โจทก์ตามมาตรา 412 และ 413 โดยจะถือว่าโจทก์ชำระหนี้ตามอำเภอใจตามมาตรา 407 หาได้ไม่ ดังนั้น การที่โจทก์จำเลยซึ่งเป็นบิดาและมารดาของนาย อ. และนางสาว บ. ทำบันทึกข้อตกลงภายหลังที่นาย อ. กับนางสาว บ. เลิกการอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ว่าจำเลยตกลงจะคืนเงินสินสอดและของหมั้นแก่โจทก์ จึงมีมูลหนี้และใช้บังคับได้ หาได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2547
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2547
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4860/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบใบหุ้นเกินไปโดยสำคัญผิด และการรับใบหุ้นโดยไม่สุจริต จำเลยต้องคืนหุ้นหรือชำระราคา
จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นของธนาคาร ก. แทนจำเลยจำนวน 1,000 หุ้น จำเลยชำระเงินค่าหุ้นให้แก่โจทก์แล้วแต่โจทก์ยังมิได้ส่งมอบใบหุ้นให้แก่จำเลย ต่อมาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ขายหุ้นของธนาคาร ก. จำนวน 2,000 หุ้น โดยเป็นหุ้นที่จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อไว้แทนจำนวน 1,000 หุ้นดังกล่าวรวมกับหุ้นที่จำเลยมีอยู่เดิม โจทก์ได้ขายให้จำเลยแล้วในราคาหุ้นละ 303 บาท และโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายหุ้นดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้วในส่วนของหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น เป็นเงิน301,182 บาท โดยหักค่าธรรมเนียมการขายไว้ ต่อมาโจทก์ได้ส่งมอบใบหุ้นของธนาคาร ก. ให้แก่จำเลยอีกจำนวน1,000 หุ้น โดยสำคัญผิดว่าเป็นหุ้นที่จำเลยได้สั่งซื้อไว้และโจทก์ยังมิได้ส่งมอบใบหุ้นให้ จำเลยรับไว้แล้วจำเลยส่งมอบใบหุ้นจำนวนเดียวกันนี้คืนโจทก์ในวันเดียวกันโจทก์ก็รับไว้โดยเข้าใจว่าเป็นการส่งมอบใบหุ้นที่จำเลยได้สั่งขายในส่วนที่ยังค้างการส่งมอบและได้จ่ายเงินค่าขายหุ้นที่เหลือจำนวน 301,182 บาท ให้แก่จำเลยไป การที่จำเลยรับใบหุ้นจากโจทก์โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีหุ้นของจำเลยเหลืออยู่ที่โจทก์อีก จึงเป็นการรับไว้โดยไม่สุจริต จำเลยต้องคืนหุ้น 1,000 หุ้น ให้โจทก์เต็มจำนวน หากคืนไม่ได้ต้องใช้ราคา 301,182 บาท แก่โจทก์เท่าจำนวนราคาหุ้นที่จำเลยรับไปจากโจทก์มิใช่ราคา 303,000 บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4860/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมอบหุ้นโดยไม่สุจริตและผลของการคืนหุ้น/ชำระราคา
จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นของธนาคาร ก.แทนจำเลย จำนวน1,000 หุ้น จำเลยชำระเงินค่าหุ้นให้แก่โจทก์แล้วแต่โจทก์ยังมิได้ส่งมอบใบหุ้นให้แก่จำเลย ต่อมาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ขายหุ้นของธนาคาร ก.จำนวน 2,000หุ้น โดยเป็นหุ้นที่จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อไว้แทนจำนวน 1,000 หุ้นดังกล่าวรวมกับหุ้นที่จำเลยมีอยู่เดิม โจทก์ได้ขายให้จำเลยแล้วในราคาหุ้นละ 303 บาท และโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายหุ้นดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้วในส่วนของหุ้นจำนวน 1,000 หุ้นเป็นเงิน 301,182 บาท โดยหักค่าธรรมเนียมการขายไว้ ต่อมาโจทก์ได้ส่งมอบใบหุ้นของธนาคาร ก.ให้แก่จำเลยอีกจำนวน 1,000 หุ้น โดยสำคัญผิดว่าเป็นหุ้นที่จำเลยได้สั่งซื้อไว้และโจทก์ยังมิได้ส่งมอบใบหุ้นให้ จำเลยรับไว้แล้วจำเลยส่งมอบใบหุ้นจำนวนเดียวกันนี้คืนโจทก์ในวันเดียวกัน โจทก์ก็รับไว้โดยเข้าใจว่าเป็นการส่งมอบใบหุ้นที่จำเลยได้สั่งขายในส่วนที่ยังค้างการส่งมอและได้จ่ายเงินค่าขายหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 301,182 บาท ให้แก่จำเลยไป การที่จำเลยรับใบหุ้นจากโจทก์โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีหุ้นของจำเลยเหลืออยู่ที่โจทก์อีก จึงเป็นการรับไว้โดยไม่สุจริต จำเลยต้องคืนหุ้น 1,000 หุ้น ให้โจทก์เต็มจำนวน หากคืนไม่ได้ต้องใช้ราคา 301,182 บาท แก่โจทก์เท่าจำนวนราคาหุ้นที่จำเลยรับไปจากโจทก์มิใช่ราคา 303,000 บาท ตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินบริคณห์ โมฆียะ การครอบครองทำประโยชน์ และความรับผิดทางละเมิด
ภริยาโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับภริยาไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลย นิติกรรมแลกเปลี่ยนนี้เป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้าง นิติกรรมนี้ย่อมสมบูรณ์ตามกฏหมาย การที่จำเลยเข้าครอบครองทำนาพิพาทย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือภริยาโจทก์แต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและศาลชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะ ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมแล้ว
ม. 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
ม. 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมโมฆียะสินบริคณห์: การบอกล้างนิติกรรมและการละเมิด
ภริยาโจทก์นำที่พิพาทซึ่งเป็นสินบริคณห์ระหว่างโจทก์กับภริยาไปแลกเปลี่ยนกับที่นาของจำเลย นิติกรรมแลกเปลี่ยนนี้เป็นแต่เพียงโมฆียะ ซึ่งถ้าโจทก์ผู้เป็นสามีไม่บอกล้าง นิติกรรมนี้ย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย การที่จำเลยเข้าครอบครองทำนาพิพาท ย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือภริยาโจทก์แต่ประการใด จนกว่าโจทก์จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวและศาลชี้ขาดว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมแล้ว
มาตรา 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น แต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
มาตรา 420 บัญญัติถึงว่า ผู้ละเมิดต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น แต่เมื่อฟังว่าจำเลยมิได้ละเมิดต่อโจทก์ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์ก่อนล้มละลาย แม้ทรัพย์พังเสียหาย ผู้รับโอนไม่ต้องรับผิดใช้ราคา
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการโอนซึ่งผู้ล้มละลายโอนทรัพย์ให้แก่ผู้อื่นไป ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ม.114 เมื่อปรากฎว่าทรัพย์ที่โอนนั้นพังสลายไปแล้ว โดยถูกพายุพัดพังซึ่งเห็นได้ว่าถึงอย่างไรก็ต้องพังสลายไป ผู้รับโอนย่อมไม่ต้องรับผิดชดใช้ราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนทรัพย์ในคดีล้มละลาย แม้ทรัพย์นั้นจะพังเสียหายโดยเหตุสุดวิสัย ผู้รับโอนไม่ต้องรับผิดชดใช้ราคา
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องต่อศาลขอให้เพิกถอนการโอนซึ่งผู้ล้มละลายโอนทรัพย์ให้แก่ผู้อื่นไป ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 114 เมื่อปรากฏว่าทรัพย์ที่โอนนั้นพังสลายไปแล้ว โดยถูกพายุพัดพังซึ่งเห็นได้ว่าถึงอย่างไรก็ต้องพังสลายไปผู้รับโอนย่อมไม่ต้องรับผิดชดใช้ราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าซ่อมแซมบ้านหลังการยกให้ไม่สมบูรณ์ ผู้รับยกให้ลงทุนซ่อมแซมไปแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอาศัยอยู่ที่บ้านโจทก์แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น ปิดประตูบ้าน ไม่ยอมให้โจทก์เข้าบ้าน จำเลยให้การว่าสามีโจทก์ยกบ้านให้จำเลยแล้ว บ้านทรุดโทรม จำเลยจ้างช่างก่อสร้างซ่อมแซม จึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ส่งหนังสือยกให้และสัญญาจ้างเหมาที่จำเลยฝากผู้อื่นไว้ และโจทก์ไปหลอกลวงเอามากับให้โจทก์ใช้ค่าซ่อมแซมบ้าน ดังนี้ถือได้ว่าฟ้องแย้งและฟ้องเดิมเกี่ยวข้องกัน ศาลรับพิจารณาไว้ได้
จำเลยลงทุนก่อสร้างซ่อมแซมบ้านโดยเชื่อด้วยความสุจริตใจว่าสามีโจทก์ยกบ้านให้แล้ว เมื่อปรากฏภายหลังว่าการให้ไม่สมบูรณ์ โจทก์จะเอาบ้านคืนโจทก์ก็ต้องชดใช้เงินที่จำเลยลงทุนซ่อมแซมไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1376
จำเลยลงทุนก่อสร้างซ่อมแซมบ้านโดยเชื่อด้วยความสุจริตใจว่าสามีโจทก์ยกบ้านให้แล้ว เมื่อปรากฏภายหลังว่าการให้ไม่สมบูรณ์ โจทก์จะเอาบ้านคืนโจทก์ก็ต้องชดใช้เงินที่จำเลยลงทุนซ่อมแซมไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1376
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชดใช้ค่าซ่อมแซมบ้านจากการลงทุนโดยสุจริตแม้การให้จะยังไม่สมบูรณ์
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยอาศัยอยู่ที่บ้านโจทก์แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น ปิดประตูบ้าน ไม่ยอมให้โจทก์เข้าบ้าน จำเลยให้การว่าสามีโจทก์ยกบ้านให้จำเลยแล้วบ้านทรุดโทรม จำเลยจ้างช่างก่อสร้างซ่อมแซม จึงฟ้องแย้งขอให้โจทก์ส่งหนังสือยกให้และสัญญาจ้างเหมาที่จำเลยฝากผู้อื่นไว้และโจทก์ไปหลอกลวงเอามากับให้โจทก์ใช้ค่าซ่อมแซมบ้านดังนี้ถือได้ว่าฟ้องแย้งและฟ้องเดิมเกี่ยวข้องกัน ศาลรับพิจารณาไว้ได้
จำเลยลงทุนก่อสร้างซ่อมแซมบ้านโดยเชื่อด้วยความสุจริตใจว่าสามีโจทก์ยกบ้านให้แล้ว เมื่อปรากฎภายหลังว่าการให้ไม่สมบูรณ์ โจทก์จะเอาบ้านคืนโจทก์ก็ต้องชดใช้เงินที่จำเลยลงทุนซ่อมแซมไปตาม ป.พ.พ.ม. 1376
จำเลยลงทุนก่อสร้างซ่อมแซมบ้านโดยเชื่อด้วยความสุจริตใจว่าสามีโจทก์ยกบ้านให้แล้ว เมื่อปรากฎภายหลังว่าการให้ไม่สมบูรณ์ โจทก์จะเอาบ้านคืนโจทก์ก็ต้องชดใช้เงินที่จำเลยลงทุนซ่อมแซมไปตาม ป.พ.พ.ม. 1376