คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชิต บุณยประภัศร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินต้องเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่นที่มีกรรมสิทธิ์แล้ว การครอบครองที่ดินไม่มีโฉนดไม่สามารถขอแสดงกรรมสิทธิ์ได้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ย่อมหมายถึงการครอบครองที่ดินที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์เมื่อที่ดินที่ผู้ร้องครอบครองไม่มีโฉนดหรือยังไม่เคยมีผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ได้(อ้างฎีกาที่ 1060/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แบ่งกรรมสิทธิ์รวม & สิ่งปลูกสร้าง: โรงเรียนแยกแบ่ง/ขายได้ แต่ไม่รวมกับการประมูล/ขายทอดตลาด และเงินชดเชยแยกต่างหาก
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฟ้องขอแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้อื่นตามส่วนของตน เมื่อปรากฏว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้หนึ่งได้ปลูกโรงเรียนไว้บนที่ดินนั้น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามส่วนโดยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้ปลูกโรงเรียนได้รับแบ่งที่ดินตอนที่ปลูกโรงเรียนได้ หากไม่ตกลง จึงให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยกัน หรือขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แบ่งกรรมสิทธิ์รวม & โรงเรียนบนที่ดิน: สิทธิผู้ปลูกโรงเรียนได้รับการคุ้มครอง ไม่รวมในประมูล/ขายทอดตลาด
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฟ้องขอแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้อื่นตามส่วนของตน เมื่อปรากฏว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้หนึ่งได้ปลูกโรงเรียนไว้บนที่ดินนั้น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามส่วนโดยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้ปลูกโรงเรียนได้รับแบ่งที่ดินตอนที่ปลูกโรงเรียนได้ หากไม่ตกลงจึงให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยกัน หรือขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของบิดาที่ไม่จดทะเบียนสมรสและการเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรนอกสมรส
โจทก์ทำการสมรสโดยมิได้จดทะเบียน การสมรสนั้นจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรนอกสมรสของโจทก์ เมื่อโจทก์ยังมิได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 แล้ว โจทก์จึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตร อำนาจปกครองจึงตกอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1538(5) และมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรตาย
บุตรนอกสมรสที่บิดายังมิได้จดทะเบียนรับรองบุตรแต่มีพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเป็นบุตรนั้น มาตรา1627 บัญญัติให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเสมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเพียงรับมรดกบิดาได้ตามมาตรา1629(1) เท่านั้น ส่วนบิดาไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิและหน้าที่ต่อบุตรนอกสมรสที่ยังมิได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีบุตรเสียชีวิต: กรณีบิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสและรับรองบุตร
โจทก์ทำการสมรสโดยมิได้จดทะเบียน การสมรสนั้นจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรนอกสมรสของโจทก์ เมื่อโจทก์ยังมิได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตรตาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 แล้ว โจทก์จึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตร อำนาจปกครองจึงตกอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1538(5) และมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรตาย
บุตรนอกสมรสที่บิดายังมิได้จดทะเบียนรับรองบุตร แต่มีพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเป็นบุตรนั้น มาตรา 1627 บัญญัติให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเสมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเพียงรับมรดกบิดาได้ตามมาตรา 1629(1) เท่านั้น ส่วนบิดาไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิและหน้าที่ต่อบุตรนอกสมรสที่ยังมิได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลจำกัดในคดีหนี้เหนือบุคคล จำเลยต่างชาติ – ต้องส่งหมายเรียกก่อน
ในกรณีเกี่ยวกับหนี้เหนือบุคคล ถ้าจำเลยเป็นชาวต่างประเทศและอยู่ในต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยแม้มูลกรณีจะเกิดในเขตศาลไทยหรือจำเลยมีทรัพย์อยู่ในเขตศาลนั้น โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลไทย จนกว่าจำเลยจะได้เข้ามาในประเทศไทย และศาลจะดำเนินคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อได้ส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแล้ว
การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเมืองต่างประเทศตามมาตรา 34 นั้น ใช้ในกรณีที่ศาลรับฟ้องของโจทก์ไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในต่างประเทศซึ่งศาลอาจขอร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดการให้ตามความสัมพันธ์ทางการต่างประเทศได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลไทยเหนือจำเลยต่างชาติในคดีหนี้เหนือบุคคล
ในกรณีเกี่ยวกับหนี้เหนือบุคคล ถ้าจำเลยเป็นชาวต่างประเทศและอยู่ในต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย แม้มูลกรณีจะเกิดในเขตศาลไทยหรือจำเลยมีทรัพย์อยู่ในเขตศาลนั้น โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลไทย จนกว่าจำเลยจะได้เข้ามาในประเทศไทย และศาลจะดำเนินคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อไดส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแล้ว
การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเมืองต่างประเทศตามมาตรา 34 นั้น ใช้ในกรณีที่ศาลรับฟ้องของโจทก์ไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในต่างประเทศซึ่งศาลอาจขอร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดการให้ตามความสัมพันธ์ทางการต่างประเทศได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมอุทิศศพ: ศพเป็นวัตถุแห่งเจตนาที่สามารถกำหนดในพินัยกรรมได้ แม้ไม่ใช่ทรัพย์สิน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 นอกจากผู้ตายจะแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินแล้วยังแสดงเจตนาในการต่างๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้ คำว่าการต่างๆตามที่กฎหมายบัญญัตินั้น ก็สุดแต่ผู้ตายจะได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในการต่างๆ ไว้ หากชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้จะไม่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ก็มีผลบังคับได้ตามพินัยกรรมเมื่อตนตายแล้ว และการต่างๆนั้นมิใช่จะต้องมีกฎหมายระบุไว้ว่าเป็นการใดบ้าง
ผู้ตายได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายเกี่ยวกับศพของผู้ตายโดยอุทิศศพของผู้ตายให้แก่กรมมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์โดยทำถูกต้องตามแบบพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1656 พินัยกรรมของผู้ตายนั้นย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศศพตามพินัยกรรม: ศพไม่ใช่ทรัพย์สิน แต่พินัยกรรมสมบูรณ์หากแสดงเจตนาชัดเจน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 นอกจากผู้ตายจะแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินแล้ว ยังแสดงเจตนาในการต่าง ๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้ คำว่าการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัตินั้น ก็สุดแต่ผู้ตายจะได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในการต่าง ๆ ไว้ หากชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้จะไม่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ก็มีผลบังคับได้ตามพินัยกรรมเมื่อตนตายแล้ว และการต่าง ๆ นั้นมิใช่จะต้องมีกฎหมายระบุไว้ว่าเป็นการใดบ้าง
ผู้ตายได้แสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายเกี่ยวกับศพของผู้ตายโดยอุทิศศพของผู้ตายให้แก่กรมมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ โดยทำถูกต้องตามแบบพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656 พินัยกรรมของผู้ตายนั้นย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดสิทธิในการฎีกาประเด็นใหม่ และสิทธิของผู้รับมรดกในฐานะคู่ความ
ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ย่อมยุติ จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
ผู้ร้องเข้ามาในคดีในฐานะเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะ จึงมีสิทธิดำเนินคดีเท่าสิทธิของจำเลยที่มีอยู่เท่านั้น
of 36