พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นฎีกาจำเลยมิได้ยกขึ้นในอุทธรณ์ ย่อมไม่สามารถยกขึ้นฎีกาได้อีก และสิทธิในการสืบพยานของผู้รับมรดก
ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ย่อมยุติ จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการชิงทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาในการช่วยเหลือการกระทำผิดของผู้อื่น
การที่จำเลยยืนอยู่กับพวก พวกของจำเลยเข้าไปทักทายผู้เสียหายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วเดินคุยรวมมากับผู้เสียหาย จำเลยเดินรวมมากับพวกของจำเลยด้วยเมื่อถึงที่เกิดเหตุ พวกของจำเลยรัดคอและรูดเอานาฬิกาข้อมือผู้เสียหาย จำเลยยืนกระหนาบอยู่ข้างๆ ผู้เสียหาย พวกของจำเลยรูดเอานาฬิกาข้อมือได้แล้วจำเลยวิ่งหนีเข้าวัด พวกของจำเลยวิ่งตามไปนั้นเป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดกับพวกของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดชิงทรัพย์: พฤติการณ์แวดล้อมบ่งชี้การช่วยเหลือและสนับสนุน
การที่จำเลยยืนอยู่กับพวก พวกของจำเลยเข้าไปทักทายผู้เสียหายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วเดินคุยรวมมากับผู้เสียหาย จำเลยเดินรวมมากับพวกของจำเลยด้วย เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พวกของจำเลยรัดคอและรูดเอานาฬิกาข้อมือผู้เสียหาย จำเลยยืนกระหนาบอยู่ข้าง ๆ ผู้เสียหาย จำเลยวิ่งหนีเข้าวัด พวกของจำเลยวิ่งตามไปนั้น เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำความผิดกับพวกของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน และผลของการพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่งเกี่ยวเนื่อง
ในคดีส่วนอาญา ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้านเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้านเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดเมื่อถูกรังวัด และผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
ในคดีส่วนอาญา ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้าน เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้าน เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ผิดนัดชำระค่าเช่า การพิจารณาข้อเท็จจริงโดยศาลอุทธรณ์ และการระบุรายละเอียดในฟ้อง
ฟ้องของโจทก์ระบุให้เห็นว่ามีสัญญาเช่าซึ่งกำหนดอัตราค่าเช่าเป็นรายเดือน จำเลยไม่ได้ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เป็นเวลาหลายเดือนฟ้องของโจทก์ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าติดๆ กันเกินกว่าสองคราวแล้ว
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ผิดนัดชำระค่าเช่าและการพิจารณาข้อเท็จจริงในอุทธรณ์
ฟ้องของโจทก์ระบุให้เห็นว่ามีสัญญาเช่าซึ่งกำหนดอัตราค่าเช่าเป็นรายเดือน จำเลยไม่ได้ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เป็นเวลาหลายเดือน ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าติด ๆ กันเกินกว่าสองคราวแล้ว
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: ต้องยื่นคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด หากเลยกำหนดต้องรับผิดชอบหนี้
มาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่เป็นลูกหนี้ของผู้ล้มละลายโดยเฉพาะ ผู้ที่ได้รับหนังสือทวงหนี้จะโต้แย้งหรือคัดค้านประการใด ก็ต้องร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 14 วัน และถ้าตนได้รับความเสียหายจากคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลในกำหนด 14 วันได้ แต่เมื่อผู้ร้องไม่โต้แย้ง จนศาลได้ออกคำบังคับผู้ร้องให้ชำระหนี้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ผู้ร้องจึงมีหน้าที่ต้องชำระและจะมาขออนุญาตปฏิเสธหนี้ต่อศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: ต้องปฏิเสธภายใน 14 วัน มิฉะนั้นถือว่ายอมรับหนี้
มาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้สิทธิเรียกร้องแก่บุคคลที่เป็นลูกหนี้ของผู้ล้มละลายโดยเฉพาะ ผู้ที่ได้รับหนังสือทวงหนี้จะโต้แย้งหรือคัดค้านประการใด ก็ต้องร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 14 วัน และถ้าตนได้รับความเสียหายจากคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลในกำหนด 14 วันได้ แต่เมื่อผู้ร้องไม่โต้แย้ง จนศาลได้ออกคำบังคับผู้ร้องให้ชำระหนี้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ผู้ร้องจึงมีหน้าที่ต้องชำระและจะมาขออนุญาตปฏิเสธหนี้ต่อศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาประกันตัว: พนักงานสอบสวนในฐานะบุคคลธรรมดาและหน้าที่ตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวนเป็นบุคคลธรรมดา โดยตำแหน่งหน้าที่ราชการอันกฎหมายกำหนดไว้ให้ทำสัญญาประกันได้จึงมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาประกันได้
นายประกันได้รับหนังสือให้ส่งตัวผู้ต้องหาภายหลังกำหนดวันที่จะต้องส่งตัวผู้ต้องหา นายประกันยังมีหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาในเวลาต่อมา การที่นายประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหา เป็นการผิดสัญญาประกัน
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 112 มิได้บัญญัติถึงกำหนดเวลาส่งตัวผู้ต้องหาไว้ก็ตาม แต่เป็นที่เข้าใจว่านายประกันจะต้องส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนดที่พนักงานสอบสวนเรียกให้ส่งตัว
นายประกันได้รับหนังสือให้ส่งตัวผู้ต้องหาภายหลังกำหนดวันที่จะต้องส่งตัวผู้ต้องหา นายประกันยังมีหน้าที่ส่งตัวผู้ต้องหาในเวลาต่อมา การที่นายประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหา เป็นการผิดสัญญาประกัน
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 112 มิได้บัญญัติถึงกำหนดเวลาส่งตัวผู้ต้องหาไว้ก็ตาม แต่เป็นที่เข้าใจว่านายประกันจะต้องส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนดที่พนักงานสอบสวนเรียกให้ส่งตัว