พบผลลัพธ์ทั้งหมด 357 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินต้องเป็นการครอบครองที่ดินของผู้อื่นที่มีกรรมสิทธิ์แล้ว การครอบครองที่ดินไม่มีโฉนดไม่สามารถขอแสดงกรรมสิทธิ์ได้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ย่อมหมายถึงการครอบครองที่ดินที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์เมื่อที่ดินที่ผู้ร้องครอบครองไม่มีโฉนดหรือยังไม่เคยมีผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ได้(อ้างฎีกาที่ 1060/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินต้องได้มาตามกฎหมาย การครอบครองที่ดินไม่มีโฉนด หรือที่ดินยังไม่มีผู้มีกรรมสิทธิ์ ไม่สามารถขอแสดงกรรมสิทธิ์ได้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ย่อมหมายถึงการครอบครองที่ดินที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์ เมื่อที่ดินที่ผู้ร้องครอบครองไม่มีโฉนด หรือยังไม่เคยมีผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ได้ (อ้างฎีกาที่ 1060/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้วิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่สมควร การฆ่าโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายต่างสมัครใจต่อสู้วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยจะอ้างว่าถูกผู้ตายเตะและต่อยกับบีบคออย่างแรง จำเลยจึงใช้มีดแทงเพื่อเป็นการป้องกันตัวนั้นหาได้ไม่
ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันนั้นเป็นเวลามืดค่ำมองไม่เห็นกัน จำเลยดึงมีดพกซึงเหน็บที่เอว แทงไปข้างหน้า 2 ที แทงไปโดยไมรู้ว่าถูกตรงไหน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจแทงในที่สำคัญแต่ผลไปปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้รักแร้ขวาและชายโครงซ้าย โลหิตตกในถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เชื่อไว้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่มุ่งทำร้าย แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290
ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันนั้นเป็นเวลามืดค่ำมองไม่เห็นกัน จำเลยดึงมีดพกซึงเหน็บที่เอว แทงไปข้างหน้า 2 ที แทงไปโดยไมรู้ว่าถูกตรงไหน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจแทงในที่สำคัญแต่ผลไปปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้รักแร้ขวาและชายโครงซ้าย โลหิตตกในถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เชื่อไว้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่มุ่งทำร้าย แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้วิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล การแทงจนถึงแก่ความตายเข้าข่ายฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายต่างสมัครใจต่อสู้วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยจะอ้างว่าถูกผู้ตายเตะและต่อยกับบีบคออย่างแรง จำเลยจึงใช้มีดแทงเพื่อเป็นการป้องกันตัวนั้นหาได้ไม่
ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันนั้นเป็นเวลามืดค่ำมองไม่เห็นกัน จำเลยดึงมีดพกซึ่งเหน็บที่เอวแทงไปข้างหน้า 2 ที แทงไปโดยไม่รู้ว่าถูกตรงไหน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจแทงในที่สำคัญแต่ผลไปปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้รักแร้ขวาและชายโครงซ้าย โลหิตตกในถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเพียงแต่มุ่งทำร้าย แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันนั้นเป็นเวลามืดค่ำมองไม่เห็นกัน จำเลยดึงมีดพกซึ่งเหน็บที่เอวแทงไปข้างหน้า 2 ที แทงไปโดยไม่รู้ว่าถูกตรงไหน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจแทงในที่สำคัญแต่ผลไปปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้รักแร้ขวาและชายโครงซ้าย โลหิตตกในถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเพียงแต่มุ่งทำร้าย แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบ่งกรรมสิทธิ์รวม & โรงเรียนบนที่ดิน: สิทธิผู้ปลูกโรงเรียนได้รับการคุ้มครอง ไม่รวมในประมูล/ขายทอดตลาด
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฟ้องขอแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้อื่นตามส่วนของตน เมื่อปรากฏว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้หนึ่งได้ปลูกโรงเรียนไว้บนที่ดินนั้น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามส่วนโดยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้ปลูกโรงเรียนได้รับแบ่งที่ดินตอนที่ปลูกโรงเรียนได้ หากไม่ตกลงจึงให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยกัน หรือขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบ่งกรรมสิทธิ์รวม & สิ่งปลูกสร้าง: โรงเรียนแยกแบ่ง/ขายได้ แต่ไม่รวมกับการประมูล/ขายทอดตลาด และเงินชดเชยแยกต่างหาก
เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมฟ้องขอแบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้อื่นตามส่วนของตน เมื่อปรากฏว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้หนึ่งได้ปลูกโรงเรียนไว้บนที่ดินนั้น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามส่วนโดยให้เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมผู้ปลูกโรงเรียนได้รับแบ่งที่ดินตอนที่ปลูกโรงเรียนได้ หากไม่ตกลง จึงให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วยกัน หรือขายทอดตลาด
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน และเป็นเรื่องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมค่าฤชาธรรมเนียมจึงควรให้เป็นพับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการควบคุมโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 และผลกระทบต่อโรงงานที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 มาตรา 3 ให้ยกเลิกความใน 17 ของบทนิยาม คำว่า "โรงงาน" ในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2482 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน"17.โรงงานอย่างอื่นที่จะได้กำหนดโดยกฎกระทรวง" นั้น หมายความว่านับแต่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นต้นไป ถ้าทางการประสงค์จะควบคุมโรงงานประเภทใด นอกจากที่ได้มีพระราชกฤษฎีการะบุไว้ก่อนแล้ว ก็จะได้กำหนดโดยออกเป็นกฎกระทรวง ไม่ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเหมือนอย่างเช่นเดิมเท่านั้น มิได้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาที่ระบุโรงงานอย่างอื่นเป็นโรงงานตาม มาตรา 3(17) แห่งพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ.2482 ซึ่งได้ตราไว้แล้วแต่เดิมไม่ จำเลยตั้งและเปิดดำเนินการโรงงานโม่หรือป่นวัตถุโดยใช้เครื่องจักร (ทำลูกชิ้น) ซึ่งพระราชกฤษฎีกา(ฉบับที่ 3)พ.ศ.2500 มาตรา 3(6) ระบุว่าเป็นโรงงานตามมาตรา 3(17)แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2482 แม้จะมีเป็นการตั้งและเปิดดำเนินการขึ้นภายหลังพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2)พ.ศ.2503 ใช้บังคับแล้ว ก็ยังอยู่ในข่ายต้องถูกควบคุมนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของบิดาที่ไม่จดทะเบียนสมรสและการเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรนอกสมรส
โจทก์ทำการสมรสโดยมิได้จดทะเบียน การสมรสนั้นจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรนอกสมรสของโจทก์ เมื่อโจทก์ยังมิได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 แล้ว โจทก์จึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตร อำนาจปกครองจึงตกอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1538(5) และมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรตาย
บุตรนอกสมรสที่บิดายังมิได้จดทะเบียนรับรองบุตรแต่มีพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเป็นบุตรนั้น มาตรา1627 บัญญัติให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเสมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเพียงรับมรดกบิดาได้ตามมาตรา1629(1) เท่านั้น ส่วนบิดาไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิและหน้าที่ต่อบุตรนอกสมรสที่ยังมิได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแต่ประการใด
บุตรนอกสมรสที่บิดายังมิได้จดทะเบียนรับรองบุตรแต่มีพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเป็นบุตรนั้น มาตรา1627 บัญญัติให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเสมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเพียงรับมรดกบิดาได้ตามมาตรา1629(1) เท่านั้น ส่วนบิดาไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิและหน้าที่ต่อบุตรนอกสมรสที่ยังมิได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุตรเสียชีวิต: กรณีบิดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสและรับรองบุตร
โจทก์ทำการสมรสโดยมิได้จดทะเบียน การสมรสนั้นจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย บุตรที่เกิดมาจึงเป็นบุตรนอกสมรสของโจทก์ เมื่อโจทก์ยังมิได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตรตาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 แล้ว โจทก์จึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตร อำนาจปกครองจึงตกอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1538(5) และมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรตาย
บุตรนอกสมรสที่บิดายังมิได้จดทะเบียนรับรองบุตร แต่มีพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเป็นบุตรนั้น มาตรา 1627 บัญญัติให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเสมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเพียงรับมรดกบิดาได้ตามมาตรา 1629(1) เท่านั้น ส่วนบิดาไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิและหน้าที่ต่อบุตรนอกสมรสที่ยังมิได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแต่ประการใด
บุตรนอกสมรสที่บิดายังมิได้จดทะเบียนรับรองบุตร แต่มีพฤติการณ์เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเป็นบุตรนั้น มาตรา 1627 บัญญัติให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเสมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิเพียงรับมรดกบิดาได้ตามมาตรา 1629(1) เท่านั้น ส่วนบิดาไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิและหน้าที่ต่อบุตรนอกสมรสที่ยังมิได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการครอบครองที่ดิน: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับคดีอาญา แม้มีการฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจท์ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน